ก่อนเปิดมาเจอบทความนี้ คุณเคยรู้สึกว่าความพยายามทางการตลาดเนื้อหาหรือการทำคอนเทนต์ของคุณไม่ได้รับ ROI อย่างที่คาดหวังหรือไม่? คุณใช้เวลามากมายในการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีผลลัพธ์ที่ดีแต่เนื้อหาของคุณไม่บรรลุเป้าหมาย KPI ในแบบที่คุณต้องการใช่หรือไม่? ซึ่งความจริงที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ทุกวันนี้มีบริษัทและธุรกิจจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ลงทุนลงแรงไปกับการตลาดเนื้อหา ซึ่งหมายความว่าในหน้าผลการค้นหา เช่น Google Search จะมีธุรกิจและผู้คนจำนวนมากที่พร้อมเบียดแย่งชิงตำแหน่งในหน้าแรกกับคุณ และอาจทำให้ผู้คนเห็นคอนเทนต์ของคุณน้อยลงได้หากคุณละเลยแนวทางและวิธีการต่างๆ เพื่อผลักดันให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงผู้ชมจำนวนมาก ดังนั้นวันนี้ Talka จะมาแนะนำเทคนิคในการสร้าง Content Marketing เพื่อให้สามารถคุณเบียดแย่งชิงตำแหน่งในหน้าการค้นหากับคนอื่นๆ ได้อย่างไม่น้อยหน้าครับ
ความสำคัญของ Content Marketing
ตามทฤษฎีการตลาด การตลาดเนื้อหาคือสิ่งที่อยู่ภายใต้กลยุทธ์การตลาดแบบแรงดึงดูด หรือ Inbound Marketing แต่ไม่ใช่ว่าการตลาดแบบแรงดึงดูดทั้งหมดนั้นจะต้องเป็นการตลาดเนื้อหาเสมอไป เพราะการตลาดเนื้อหายังหมายถึงการสร้างสื่อต่างๆ เพื่อเผยแพร่บนช่องทางออนไลน์ เช่น การสร้างบทความบนเว็บไซต์ การสร้างบล็อกโพสต์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงวิดีโอต่างๆ ที่ไม่ได้โปรโมตแบรนด์ของคุณอย่างชัดเจนแต่สามารถช่วยให้คุณดึงดูดผู้ชมที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้
นักการตลาดเนื้อหาทุกคนรู้ดีว่า Content Marketing มีความสำคัญต่อการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) และเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ ช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ ดังนั้น เพื่อการเอาตัวรอดจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในโลกดิจิทัล การตลาดเนื้อหาจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ด้วยเหตุนี้นักการตลาดจำนวนมากจึงยอมลงทุนลงแรงไปกับการตลาดเนื้อหา ด้วยพวกเขารู้ดีว่ามันคือหนทางที่จะสร้างการเข้าชมเว็บไซต์ได้แบบออร์แกนิก (Organic Traffic) และสร้างโอกาสในการขายจากการสร้างกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (Lead Generation) นั่นเอง ซึ่งยอดการเข้าชมเว็บไซต์แบบออร์แกนิกถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของการสร้างความน่าเชื่อถือและการสร้างอำนาจทางการตลาดของแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เริ่มสนใจแบรนด์ของคุณด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เมื่อมีผู้คนจำนวนมากพอที่เข้ามาสัมผัสกับแบรนด์ของคุณโดยเฉพาะบนเว็บไซต์ ทีมขายของคุณจะสามารถแปลงพวกเขาให้เป็นลูกค้าหรือลีดได้ในที่สุด ซึ่งหากไม่มีทั้งทราฟฟิกแบบออร์แกนิก และ ลีด ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจจะเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงเช่นในปัจจุบัน
บริษัทที่เข้าใจในแนวทางของการตลาดเนื้อหาที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่ม ROI ของเนื้อหาจะสามารถเพิ่มการเข้าชม และสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้น ในที่สุดก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งต่อไปนี้ คือ ประโยชน์ของการทำการตลาดเนื้อหาในประเด็นต่างๆ ที่ทุกคนควรรู้ครับ
การมีกลยุทธ์ Content Marketing ที่ยอดเยี่ยมนั้นสามารถส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจของคุณได้ดังต่อไปนี้
1. Content Marketing ทำให้ผู้ชมอยู่กับคุณนานขึ้น
เนื้อหาที่ยอดเยี่ยมถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญเสมอของทุกแบรนด์และธุรกิจ เพราะมันช่วยสร้างประสบการณ์เชิงบวกสำหรับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ และช่วยกระตุ้นให้พวกเขากลับมาใหม่อีกครั้ง มันเป็นเสมือนใบเบิกทางทีคุณสามารถนำมาใช้เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมและเสริมสร้างความประทับใจต่อแบรนด์ในเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่อง
2. Content Marketing ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
การเพิ่มผู้ติดตามโซเชียลมีเดียของคุณผ่านช่องทางต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริง แต่การสร้างเนื้อหาให้ทันสมัยตามเทรนด์ตามกระแสในปัจจุบันที่ผู้คนสนใจแล้วโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณเป็นหนึ่งในธุรกิจที่โซเชียลมีเดียขาดความเคลื่อนไหวจากผู้ติดตาม แม้ว่าคุณจะมีผู้ติดตามจำนวนมากก็ตาม อาจถึงเวลาที่คุณต้องจะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเนื้อหาให้เป็นประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับความสนใจและช่วยสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่ดีบนโซเชียลมีเดียได้ ในที่สุดโซเชียลมีเดียของคุณจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป
3. Content Marketing ช่วยสร้างความไว้วางใจ
การสร้างเนื้อหาช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างความสัมพันธ์และความเกี่ยวข้องกับผู้ชมของคุณ คุณสามารถตอบคำถามและโต้ตอบกับลูกค้าได้ เมื่อคุณสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ชมเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมของคุณมักจะเชื่อถือคำแนะนำของคุณ ในที่สุดเมื่อเนื้อหาของคุณปรากฏในที่ที่เหมาะสมและในเวลาที่เหมาะสมกับผู้ชมที่เหมาะสม ชื่อเสียงของแบรนด์ย่อมดีขึ้น ยิ่งลูกค้าเห็นเนื้อหาที่มีคุณภาพมากเท่าใด ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับแบรนด์และธุรกิจของคุณมากขึ้นเท่านั้น
4. Content Marketing ช่วยสร้างโอกาสในการขายมากขึ้นเรื่อยๆ
การตลาดเนื้อหาสามารถสร้างลีดจากการสร้างกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เช่นกัน เมื่อผู้ชมของคุณดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ พวกเขาย่อมมีแนวโน้มที่จะซื้อจากคุณในอนาคต นอกจากนี้ คำกระตุ้นการตัดสินใจ (Call to Action) ที่วางในเนื้อหาของคุณจะสามารถสร้างลีดใหม่ๆ สำหรับทีมขายของคุณ เพราะการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าทั้งหลายเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการนำทางผู้ใช้ไปยังหน้า Landing Page ที่มีเนื้อหาทางการตลาดที่คุณกำหนดขึ้น โดยปกติแล้ว คุณสามารถรวม CTA ไว้ที่ใดก็ได้ในเนื้อหาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นภายในข้อความ ด้านล่างสุดของโพสต์ หรือแม้แต่ที่แผงด้านข้างของหน้าเพจ ยิ่งผู้เยี่ยมชมให้ความสนใจกับเนื้อหาของคุณมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่พวกเขาจะคลิกที่คำกระตุ้นการตัดสินใจของคุณเพื่อไปยังหน้าต่างๆ ที่คุณกำหนด เช่นหน้า Sale Page เป็นต้น
5. ธุรกิจของคุณจะมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นด้วย SEO
ยิ่งคุณสร้างเนื้อหาที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูง โดยเฉพาะมีการปรับเนื้อหาให้เหมาะกับหน้าการค้นหาเช่น Google Search ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีสำหรับความพยายามใน SEO ของคุณมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เนื้อหาของคุณควรช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏทางออนไลน์และสร้างความไว้วางใจและสร้างอำนาจกับผู้ชมของคุณ นอกจากนี้ ด้วยกลยุทธ์ที่พัฒนาขึ้นเนื้อหาของคุณควรช่วยให้คุณมีอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือการค้นหา
6. Content Marketing ช่วยสร้างอำนาจในอุตสาหกรรม
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพจะช่วยสร้างอำนาจออนไลน์ของคุณ และหากธุรกิจของคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้ชม เนื้อหาต่างๆ ของคุณก็มีแนวโน้มที่จะมีอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา นอกจากนี้ ลูกค้าของคุณมีแนวโน้มที่จะไว้วางใจคุณมากขึ้นหากพวกเขามองว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เนื้อหาของคุณควรแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะในสาขาของคุณ และให้คำตอบที่มีคุณค่าสำหรับคำถามทั้งหมดของผู้ชม
7. เนื้อหาที่มีคุณภาพสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้
แน่นอนว่าทุกสิ่งสามารถสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้ แต่การตลาดเนื้อหาสามารถทำได้ในวิธีที่ไม่เหมือนใคร กลยุทธ์เนื้อหาที่มีคุณภาพจะสามารถให้มากกว่าแค่จัดอันดับบทความของคุณให้ปรากฎอยู่ในหน้าแรกของเครื่องมือค้นหา กล่าวคือมันสามารถปรากฏในทุกที่ที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ากำลังมองหาผลิตภัณฑ์ของคุณ ในการดำเนินการตามกลยุทธ์นี้ ให้สร้างหัวข้อหรือประเด็นที่ลูกค้าของคุณสนใจเพื่อที่พวกเขาจะเริ่มเชื่อมโยงเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมของคุณไปพร้อมกับแบรนด์ของคุณ
8. Content Marketing ช่วยสร้างผู้ชมที่ภักดีต่อแบรนด์
ผู้ชมที่ยกย่องเนื้อหาของคุณ และเชื่อมโยงความรู้สึกที่ดีกับแบรนด์ของคุณมักจะกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณ ที่สำคัญผู้ที่ภักดีต่อแบรนด์มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของเพื่อนและครอบครัวได้พอๆ กับที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าธุรกิจให้คุณค่าแก่พวกเขา
เทคนิค Content Marketing เพิ่มคนเข้าเว็บ
แม้กลยุทธ์การตลาดเนื้อหาจะไม่ทำให้คุณเป็นเศรษฐีได้ในชั่วข้ามคืน แต่ความมุ่งมั่นต่อระบบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในระยะยาวสามารถทำให้ธุรกิจของคุณเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่น เนื้อหาที่ดีย่อมช่วยดึงดูดปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ และสร้างความเป็นเลิศให้แก่ธุรกิจได้เมื่อมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจของลูกค้า รวมถึงความตั้งใจในการค้นหาและเส้นทางการซื้อ
การตลาดเนื้อหามีอยู่ทั่วไปในทุกวันนี้ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องพิสูจน์อะไรมากมายว่ามันสามารถให้ประโยชน์ต่อธุรกิจที่ได้ด้วยการสร้างผลกำไรให้แก่ธุรกิจ อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของการตลาดเนื้อหา คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ซึ่งเคล็ดลับการตลาดเนื้อหาต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถแซงหน้าคู่แข่งในตลาดและอุตสาหกรรมที่คุณร่วมวงอยู่ได้ไม่ยากครับ
1. เริ่มด้วยการวิจัยกลุ่มเป้าหมาย
หนึ่งในเคล็ดลับการตลาดเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดที่จะสร้างผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ คือ การเริ่มต้นด้วยการวิจัยกลุ่มผู้ชม แน่นอนว่าทุกธุรกิจต้องการให้เนื้อหาของพวกเขาได้รับการจัดอันดับสำหรับคำที่ที่มีปริมาณการค้นหา (Search Volume) สูงที่สุด แต่ถ้าคุณเริ่มต้นเส้นทางเนื้อหาโดยข้ามขั้นตอนไปที่ Keywords มากกว่าการวิจัยผู้ชม คุณเสี่ยงที่จะกำหนดเป้าหมายคำที่ยากต่อการจัดอันดับและมีอัตรา Conversion ที่ค่อนข้างต่ำ
2.ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์การค้นหา
คุณสามารถค้นหาหัวข้อที่กำลังเป็นที่นิยมใน Google Trends หรือแม้แต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณและเขียนโพสต์เชื่อมโยงไปกับเรื่องนั้นๆ พร้อมใส่แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องด้วยเสมอ ที่สำคัญคือคุณต้องเลือกใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้เหมาะสม สุดท้ายแล้วอย่าลืมแปะลิงก์ไปในเนื้อหาเพื่อให้ผู้ชมสามารถคลิกกลับไปยังเว็บไซต์ของคุณได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
3. ใช้คีย์เวิร์ดแบบยาวในการเขียนบทความ
ด้วยการจัดอันดับสำหรับคีเวิร์ดแบบยาว (Long Tail Keywords) นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่าการมุ่งไปที่คำหลักแบบสั้นทั่วไป เนื่องจากมีเว็บไซต์เพียงไม่กี่เจ้าที่แข่งขันกันในคีเวิร์ดแบบสั้นที่มีปริมาณการค้นหาสูงเพื่อให้ติดอันดับ 1 ในหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Google Search การเลือกใช้ข้อความค้นหาที่ยาวขึ้น (และเฉพาะเจาะจงมากขึ้น) การจัดอันดับของคำนั้นก็จะยิ่งถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น คุณจึงสามารถค้นหาผู้ชมเฉพาะกลุ่มของคุณได้ง่ายขึ้น การมุ่งเน้นไปที่กลุ่มของคีเวิร์ดแบบยาวสามารถสร้างการเข้าชมได้เป็นจำนวนมาก
4. สร้างเนื้อหาแบบ Evergreen
เนื้อหาประเภทนี้ คือ เนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านในระยะยาว กล่าวคือ เป็นความรู้หรือข้อมูลที่ผู้ใช้พร้อมค้นหาอยู่เสมอแม้เวลาเวลาจะผ่านไปหลายปี ตัวอย่างเช่น วิธีผัดข้าวผัดให้อร่อย หรือ เคล็ดลับการปลูกกระบองเพชรให้โตไว เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหาที่เป็นเทรนด์ในปัจจุบันหรือตามกระแสนิยมที่มักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เนื้อหาแบบ Evergreen สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคง ที่สำคัญจะช่วยสร้างปริมาณการใช้ข้อมูลในระยะยาวซึ่งหมายความว่าจะมีผู้คนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณอยู่เรื่อยๆ ผ่านทางบทความประเภทนี้
5. สร้างเนื้อหาที่ช่วยแก้ปัญหา
คำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเองเมื่อสร้างเนื้อหาคือ “เนื้อหานี้แก้ปัญหาอะไรให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณ” หากคุณไม่แน่ใจ อาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าวัตถุประสงค์ของคุณคืออะไร? เนื้อหาที่ดีควรแจ้งหรือแก้ปัญหาของผู้ใช้ และเนื้อหาที่ดีควรทำหน้าที่ทั้งสองอย่าง หากคุณทำขั้นตอนที่หนึ่งได้ดี คุณก็น่าจะมีแนวคิดเกี่ยวกับคำถามหลักที่ผู้ชมของคุณมีในทุกขั้นตอนของกระบวนการของผู้ซื้อ เมื่อเนื้อหาของคุณทำหน้าที่ได้ดีย่อมทไให้ผู้อ่านเกิดความไว้วางใจส่งผลให้พวกเขาเข้าใกล้ขั้นตอนการซื้อได้มากขึ้น ข้อควรจำคือหากคุณยังไม่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับผู้ชม ให้ใช้เวลาสักครู่เพื่อทำความเข้าใจประเด็นสำคัญของผู้ชมก่อนที่จะสร้างเนื้อหาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง
6. ทำให้เนื้อหาของคุณเข้าถึงได้ง่าย
Google ไม่เพียงแต่คำนึงถึงความสามารถในกา่รเข้าถึงได้ง่ายในการพิจารณาการจัดอันดับเท่านั้น แต่คุณอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหากเนื้อหาของคุณทำความเข้าใจได้ยาก แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการทำให้เนื้อหาของคุณเข้าถึงได้ และทำความเข้าใจได้ง่าย คือการใช้กลยุทธ์บางอย่างของ On-page SEO เช่น มีข้อความแสดงคำอธิบายบนรูปภาพทั้งหมดในเนื้อหา (Alt Text) การจัดวางลำดับของเนื้อหาที่เหมาะสม การใช้หัวข้อหลัก (H1) หัวข้อรอง(H2) การใช้ Bullet Point หรือการถอดเสียงเป็นคำสำหรับเนื้อหาวิดีโอ นอกจากนี้ยังรวมถึงการสร้างเนื้อหาที่สนับสนุนด้าน UX (User Experienece) ที่ยอดเยี่ยม เป็นต้น ความท้าทายคือนอกจากที่จะต้องเขียนคอนเทนต์ให้ Google ชอบแล้ว คุณยังต้อง เขียนให้ผู้ชมชอบและเข้าใจง่ายอีกด้วย
7. สร้างเนื้อหาที่มากกว่าการเขียนบล็อกหรือบทความ
แม้ว่าการเขียนบทความหรือบล็อกจะเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมของนักการตลาดเนื้อหา แต่แผนการตลาดที่ยอดเยี่ยมไม่ควรหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะความจริงแล้วเนื้อหาสามารถมีได้หลายรูปแบบ ซึ่งการนำเนื้อหาเดียวกันไปปรับให้เป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยขยายความสามารถในการใช้งานเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมเสมอ ตัวอย่างเช่น เนื้อหาขนาดยาวอาจกลายเป็น “การย่อความ” ที่เล็กลงได้ คุณยังสามารถนำเนื้อหาชิ้นเดียวกันนั้นมาสร้างอินโฟกราฟิกหรือแบ่งเป็นพอดคาสต์ทีละตอนซึ่งเกี่ยวกับเนื้อหานั้น ๆ โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณมี ทั้ง วิดีโอ รูปภาพ ข่าวสาร การอ้างอิงถึงผู้เชี่ยวชาญและอิงสังคม ด้วยการใช้แนวทางเหล่านี้ในการคิดเนื้อหา คุณจะสามารถขยายการเข้าถึงของคุณได้อย่างง่ายดาย
8. ใช้การโฆษณาเพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์
การโฆษณาผ่านการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย และโซเชียลมีเดีย หรือโฆษณาแบบดิสเพลย์ อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ แต่ละตัวเลือกมาพร้อมกับข้อดีและข้อเสีย ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถบล็อกโฆษณาแบบดิสเพลย์ได้ และราคาต่อหนึ่งคลิกโดยเฉลี่ยสำหรับ Google Ads บนเครือข่ายการค้นหาจะอยู่ระหว่าง 35 ถึง 70 บาทต่อคลิก ดังนั้นจึงควรกำหนดงบประมาณและเป้าหมายก่อนที่จะลงทุนเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น เมื่อทำโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นด้วยแคมเปญหนึ่ง และกลุ่มโฆษณาต่างๆ สองสามกลุ่มที่มีคำหลักที่คุณต้องการกำหนดเป้าหมายมากที่สุด เมื่อแคมเปญเริ่มต้น ให้ดูว่าผู้ชมมีพฤติกรรมอย่างไรกับคำหลักต่างๆ เนื่องจากคำหลักคำหนึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแสดงผลเท่านั้นแต่ไม่ได้เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ ในขณะที่อีกคำหนึ่งอาจทำให้เกิดการคลิกและการแปลงได้ดีกว่า
9. วิเคราะห์ประสิทธิภาพของคู่แข่ง
การวิเคราะห์คู่แข่งไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป เพราะมันเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีในการจับตาดูคู่แข่งของคุณเพื่อดูว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งจะช่วยชี้แนะแนวทางว่าคุณควรทำอย่างไรเพื่อที่จะนำหน้าคู่แข่ง แน่นอนว่าอาจต้องใช้เวลานานในการตรวจสอบคู่แข่งทั้งหมดของคุณ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบ Backlink ความเร็วของการแสดงผลบนเว็บ ตลอดจนประสิทธิภาพการค้นหาของคู่แข่งสำคัญสองสามรายจะทำให้คุณเข้าใจอุตสาหกรรมของคุณได้ดีขึ้น
10. รวมเนื้อหาเก่า มาเป็นเนื้อหาใหม่
ดู Google Analytics ของคุณ และติดตามโพสต์บล็อกบางส่วนซึ่งไม่ได้รับการเข้าชม หรือไม่มีความเคลื่อนไหว อาจเพราะมันล้าสมัยไปแล้ว หลังจากนั้นให้รวมเนื้อหาบางส่วนไว้ใน เนื้อหาใหม่ที่มีการอัปเดตรายละเอียดเพิ่มเติมหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในฉบับอัปเดตล่าสุดเช่น เพิ่มตัวอย่างใหม่สองสามตัวอย่าง จากนั้นเปลี่ยน URL เก่าไปยัง URL ใหม่ เพื่อให้ Google รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นคุณก็พร้อมแล้วที่จะเรียก Traffic ที่หายไปให้กลับเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ
11. แนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการชั้นนำของคุณ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อทุกสิ่งที่คุณเสนอ บางคนอาจสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณที่พวกเขาไม่รู้จักในปัจจุบัน ดังนั้น ควรนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด สินค้าขายดี หรือบริการยอดนิยมของคุณ ในฐานะผู้บริโภคย่อมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ตาม การรู้ว่าอะไรเป็นที่นิยมในคนหมู่มาก มักจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจเลือกในขั้นสุดท้ายของผู้บริโภค
12. ทำกรณีศึกษาของลูกค้า
คุณเพิ่งช่วยลูกค้าจัดการกับปัญหาบางอย่างหรือไม่? หรือคุณกำลังทดลองกิจกรรมทางการตลาดภายในองค์กรใหม่ๆ อยู่หรือไม่ แนะนำให้คุณบันทึกกระบวนการทั้งหมดและเปลี่ยนเป็นกรณีศึกษา คุณสามารถสัมภาษณ์ลูกค้าที่มีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมกับธุรกิจของคุณ และเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นกรณีศึกษา สิ่งนี้จะช่วยให้คุณปิดดีลข้อตกลงกับผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าในอนาคตได้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อลูกค้าที่กำลังตัดสินใจ ได้เห็นความสำเร็จของลูกค้าเก่าของคุณย่อมช่วยให้เขาทำการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
13. ติดตามเทรนด์ในตลาดของคุณอยู่เสมอ
แม้ว่าคุณอาจได้รับประโยชน์จากการพยายามค้นหาเรื่องราวที่กำลังเป็นที่นิยม แต่การเน้นที่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณก็เป็นแนวคิดที่ดีเช่นกัน หากมีข่าวสารความคืบหน้า หรือเทรนด์ที่น่าสนใจใหม่ๆ คุณสามารถเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้กับธุรกิจของคุณได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อทำให้คอนเทนต์คุณดูทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ ด้วยการอ้างอิงถึงประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษ
14. สร้างวิดีโอสั้น
หยิบโทรศัพท์มือถือของคุณออกมา เปิดกล้อง ตั้งค่าเป็นโหมดวิดีโอ แล้วกดปุ่มบันทึก บอกเคล็ดลับหรือข้อมูลเชิงลึกที่ใช้งานได้จริงให้กับผู้ชมของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้เนื้อหายาวประมาณ 3-5 นาทีแล้วโพสต์บน YouTube หรือเว็บไซต์ของคุณ สิ่งที่คุณต้องมี คือเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมและสมาร์ทโฟน และต่อจากนี้คุณก็พร้อมแล้วที่จะเริ่มสร้าง Traffic เข้าสู่เว็บของคุณได้ด้วยอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ
15. ตอบคำถามที่พบบ่อย
คุณอาจคิดว่าคำถามยอดนิยมต่างๆ อาจได้รับการตอบไปหมดแล้ว ในคอนเทนต์หลายๆ เรื่องของคุณ แต่ในโลกที่ข้อมูลข่าวสารมีอยู่มากมาย มีความเป็นไปได้ที่คุณจะมีคำตอบใหม่ๆ สำหรับคำถามทั่วไปที่ผู้คนยังคงสงสัยอยู่ ดังนั้นลองมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่ผู้คนมักค้นหา และสงสัยในอุตสาหกรรมของคุณที่อาจยังไม่ได้รับคำตอบ
16. เริ่มพอดแคสต์ของคุณ
Podcast เป็นวิธีที่โดดเด่นในการสร้างอำนาจของคุณเพื่อสร้างฐานการติดตามที่แข็งแกร่ง ข้อดีที่สำคัญที่สุดของการทำพอดแคสต์น่าจะเป็นเพราะคุณจะได้พูดคุยกับผู้ชมโดยตรง คุณสามารถเริ่มต้นพอดคาสต์รายสัปดาห์แบบสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที เช่น แชร์เคล็ดลับ เล่าเรื่องสั้น หรืออาจไขข้อสงสัยในบางประเด็น
17. ทำให้เนื้อหาของคุณแชร์ต่อได้ง่าย
ทุกคนต้องการความช่วยเหลือเล็กๆ น้อย นี่คือเรื่องจริงในทุกด้านของชีวิต รวมถึงธุรกิจ คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมของคุณได้ แต่ถ้าไม่มีใครรู้ว่ามีเนื้อหานั้นอยู่จริง ผลลัพธ์ก็ไม่มีวันเป็นอย่างที่คุณคาดหวัง นี่คือเหตุผลที่คุณควรทำให้ผู้อื่นสามารถแบ่งปันเนื้อหาของคุณได้ง่ายนั่นเอง
18. แบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม
คุณสามารถช่วยให้ผู้ชมของคุณทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยคอนเทนต์แบบ How toใช้เวลาสักครู่เพื่อร่างและเน้นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในตลาดของคุณ ที่จะช่วยให้ลูกค้าของคุณรับรู้และเข้าใจอย่างกระจ่างถึงแนวทางนั้นได้
19. แบ่งปันเนื้อหาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ
ด้วยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม จะช่วยให้ผู้ชมของคุณได้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจของอุตสาหกรรม ซึ่งคุณสามารถสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว ประชุมทางวิดีโอ หรือแม้แต่ทางอีเมล เมื่อมีข้อมูลที่น่าสนใจในประเด็นที่ผู้ชมของคุณใคร่รู้ แน่นอนว่า Traffic จะวิ่งเข้าเว็บของคุณได้ไม่ยากครับ
20. ใช้พาดหัวด้วยคำกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก
พาดหัวเป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อหาของคุณ ความจริง คือ หัวข้อของบล็อกหรือบทความที่มีประสิทธิภาพสามารถกระตุ้นการเข้าชมได้ดีกว่าพาดหัวที่ไม่มีการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึก การไม่มีพาดหัวที่น่าสนใจสามารถยับยั้งการเติบโตของเว็บทราฟฟิก ซึ่งแม้กระทั่งบล็อกโพสต์ที่มีเนื้อหาที่ครอบคลุมที่สุด แต่พาดหัวไม่ตอบโจทย์ก็อาจทำให้ไม่มีใครคลิกเปิดอ่านได้
21. ใช้งานหน้าโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
โซเชียลมีเดียมีประสิทธิภาพสูงมากในการดึงดูดผู้เข้าชม วิธีที่ควรใช้เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ คือ โพสต์เนื้อหา (บล็อก, e-book, สมุดปกขาว, อินโฟกราฟิก, วิดีโอ ฯลฯ) บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของคุณ โต้ตอบกับผู้ติดตามด้วยการตอบกลับ รีโพสต์เนื้อหาของพวกเขา และแท็กพวกเขา ใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง อัปเดตลิงก์ในประวัติของคุณเพื่อโปรโมตเนื้อหาใหม่เมื่อเผยแพร่ เปลี่ยนรูปภาพหน้าปกเพื่อโปรโมตเนื้อหาใหม่ แท็กผู้มีอิทธิพลที่อาจสนใจเนื้อหา รวมข้อมูลที่น่าดึงดูดจากเนื้อหาเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนคลิกลิงก์ ตลอดจนตอบกลับคนอื่นที่กำลังมองหาคำตอบด้วยการแปะลิงก์นำทางไปยังเนื้อหาของคุณ
22. เปรียบเทียบสินค้าและบริการ
มีใครบ้างที่ไม่ชอบแผนภูมิและการเปรียบเทียบ? ท้ายที่สุดมันถือเป็นแหล่งความรู้ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นใช้เวลาทบทวนและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมของคุณ เช่น เปลี่ยนบทวิจารณ์ทั้งหมดให้อยู่ในรูปอินโฟกราฟิก เป็นต้น
23.นำเนื้อหาเก่าของคุณกลับมาใช้ใหม่
คิดถึงการวางแผน ความพยายาม และระยะเวลาที่ใช้ในการสร้างเนื้อหา อาจเป็นการข่มขู่ในบางครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถนำเนื้อหาของคุณไปใช้ใหม่ได้เสมอ การนำเนื้อหาของคุณกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มชีวิตใหม่ให้กับโพสต์เก่าหรือโพสต์ที่ถูกละเลย และป้องกันไม่ให้ผู้ติดตามของคุณเบื่อหน่ายกับเนื้อหาเดียวกันที่แชร์ซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณสามารถคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการโปรโมตเนื้อหาของคุณนอกเหนือจากรูปแบบเดิม เพียงเพื่อให้มีความสดใหม่
24. สร้างสัมพันธ์กับอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย
Organic SEO อาจใช้เวลานานในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ แต่ความจริงยังมีวิธีอื่นที่อาจเห็นผลได้เร็วกว่า นั่นคือการใช้อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ การทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับ 2 สิ่งสำคัญ คือ การเลือกตลาดเฉพาะที่เกี่ยวข้อง และการหาผู้มีอิทธิพลที่เหมาะสมสำหรับการรับรู้ถึงแบรนด์ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีผู้ติดตามหลายล้านคนอาจทำงานได้ดี แต่บางครั้งนาโนและไมโครอินฟลูเอนเซอร์ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในบางโอกาส
25. สร้างเนื้อหาที่แสดงความเป็นตัวจริงเสียงจริง
หากคุณต้องการให้ลูกค้าอยู่ต่อ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างเนื้อหาที่ให้ความรู้สึกว่าคุณเป็น “ตัวจริง” สำหรับพวกเขา ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนมักจะภักดีต่อแบรนด์ที่พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงด้วย แต่ “ตัวจริง” หมายถึงอะไร? กล่าวโดยย่อ มันหมายถึงการสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับเสียงและคุณค่าของแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริงโดยไม่กลัวที่จะผิดพลาด
สิ่งนี้สามารถสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับคอนเทนต์ของคุณได้โดยปราศจากเจตนาแอบแฝง กล่าวคือ ความโปร่งใส เชื่อมโยงได้ และสม่ำเสมอ ของแบรนด์ ซึ่งเป็นสามสิ่งที่ยากจะดึงออกมา มันมีความสำคัญมากหากคุณต้องการสร้างความไว้วางใจกับผู้ชมของคุณ วิธีการคือ คุณต้องเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับผู้ชมของคุณและทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา จากนั้น ให้ยึดมั่นในเสียงและคุณค่าของแบรนด์ของคุณในขณะที่คุณสร้างและดูแลจัดการข้อความที่คุณต้องการให้โลกได้ยินเกี่ยวกับคุณ
26. สร้างอินโฟกราฟิก
การนำข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็น ข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือข้อมูลที่คุณรวบรวมมาด้วยตัวเองมาปรับให้เป็นภาพอินโฟกราฟิก จะช่วยให้คุณได้รับการแชร์บนโซเชียลมีเดียสูงกว่าเนื้อหาประเภทอื่น แน่นอนว่ามัน คือ คอนเทนต์ที่ช่วยคุณบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการย่อยเนื้อหาที่ยากๆ ให้เข้าใจได้ง่าย และถ้าหากหากแบรนด์ของคุณจำเป็นต้องสื่อสารแนวคิดที่อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้บริโภค อินโฟกราฟิกสามารถให้ความชัดเจนและเพิ่มการมีส่วนร่วมได้
27. แบ่งปันเคล็ดลับที่เป็นทางลัด
เนื้อหาบนโลกอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้เต็มไปด้วยเคล็ดลับต่างๆ มากมายในหลากหลายธุรกิจอุตสาหกรรม เช่น เคล็ดลับเพื่อการเติบโต เคล็ดลับการตลาด เคล็ดลับการเขียน เคล็ดลับการใช้ชีวิต เป็นต้น และทั้งหมดยังดำเนินต่อไป และบอกตามตรงว่าทุกคนชอบสิ่งที่เป็นเคล็ดลับเสมอ เพราะมันเป็นเสมือน ทางลัด เคล็ดลับ และลูกเล่น หรือวิธีที่จะได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็วเพื่อเป็นผู้นำในการแข่งขันโดยไม่ต้องเสียเวลามาก
28. ใช้เทคนิค Email Marketing
คุณมีแคมเปญการตลาดทางอีเมลหรือยังครับ เพราะคุณสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้เพื่อสร้างชุดอีเมลที่ส่งถึงสมาชิกของคุณเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถแยกย่อยบล็อกโพสต์ที่ให้ข้อมูลยาวๆ ออกเป็นชุดๆ ของอีเมลที่แยกกลุ่มเฉพาะได้ การเผยแพร่คอนเทนต์ผ่านอีเมลเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการดึงดูดผู้เข้าชมให้สมัครรับจดหมายข่าวของคุณเพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์
29. สร้างเนื้อหาที่น่าจดจำ
การสร้างเนื้อหาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่คุณจำเป็นต้องสร้างเนื้อหาที่น่าจดจำด้วย! เนื้อหาที่มีประโยชน์และน่าจดจำเป็นหนึ่งในวิธียอดนิยมในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ ผู้คนใช้ Google เพื่อค้นหาคำตอบที่เฉพาะเจาะจง ถี่ถ้วน และแม่นยำสำหรับคำถามของพวกเขา และเนื้อหาของคุณควรอยู่ที่นั่นเพื่อให้คำตอบเหล่านั้น นอกจากนี้ เว็บไซต์ที่เผยแพร่เนื้อหาบ่อยกว่าย่อมมีโอกาสสร้างการจดจำได้ดีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างเนื้อหาที่น่าจดจำ คือการเผยแพร่เนื้อหาของคุณเป็นประจำไปพร้อมกับการค้นคว้าในสิ่งที่ผู้ชมของคุณต้องการที่จะดู
30. ติดตามประสิทธิภาพของคุณด้วยรายงานการวิเคราะห์
การตรวจสอบรายงานการวิเคราะห์ต่างๆ อาทิ บท แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Google Analytic ที่ใช้ติดตามประสิทธิภาพของเนื้อหาต่างๆ ที่คุณสร้าง ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางปฏิบัติในกลยุทธ์การตลาดเนื้อหาที่สำคัญที่สุด คุณต้องจับตาดูและพิจารณาว่าสิ่งใดที่ใช้ได้ผล อาทิ เมื่อผู้อ่านมักจะเปลี่ยนมุมมอง วิธีที่คุณสร้างและทำการตลาดเนื้อหาของคุณควรเปลี่ยนตาม อย่างไรก็ตามให้หมั่นติดตามแหล่งที่มาของการเข้าชมสำหรับคำหลักและลิงก์ต่างๆ และปรับเนื้อหาให้เป็นแนวทางที่สามารถดึงดูดผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ การมุ่งเน้นที่การวิเคราะห์สามารถช่วยคุณปรับแต่งและปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคตของคุณได้ วิธีนี้จะช่วยชี้นำกลยุทธ์ที่เหมาะสมในอนาคตของคุณ และช่วยรับประกันว่าคุณจะสามารถทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีได้
สรุป
เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ธุรกิจของคุณ จะได้รับการเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่ากลวิธีหลายอย่างเหล่านี้สามารถให้ความพึงพอใจในทันที แต่บางกลยุทธ์อาจต้องใช้เวลาและความอดทนมากกว่า อย่างไรก็ตามการเดินหน้าต่อไปแบบไม่ย่อท้อ โดยลองใช้วิธีการต่างๆ และหมั่นวิเคราะห์ผลลัพธ์เชื่อว่ายอดเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจะเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
แหล่งที่มา :