มันมาแล้ว! ถึงเวลาที่ AI จะพลิกโฉม Digital Marketing ไปตลอดกาล

AI

AI – เมื่อถึงยุคที่โฆษณาทางทีวี หรือ โฆษณาบิลบอร์ด ไม่ได้เป็นศูนย์กลางของการตลาดอีกต่อไป ด้วยการมาถึงของการตลาดดิจิทัล ที่นักการตลาดสามารถโฟกัสไปยังผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้นและแม่นยำขึ้น ท่ามกลางโลกที่การมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนอยู่บนอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีที่แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าและวิธีจัดการแคมเปญการตลาด ทำให้แนวทางของการตลาดดิจิทัลเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างมาก ช่วยให้ธุรกิจพัฒนากลยุทธ์ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ตลอดจนเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ดังนั้น ดูเหมือนว่าปัญญาประดิษฐ์ก็พร้อมแล้วที่จะรันวงการการตลาดดิจิทัลทั้งในวันนี้และในอนาคตแบบที่เราอาจคาดไม่ถึง วันนี้ Talka จะมาเจาะลึกถึงสิ่งที่น่าสนใจ ของ เอไอ กับบทบาทสำคัญในฐานะตัวแปรใหม่ในโลกของ Digital Marketing ครับ

AI คืออะไร

artificial intelligence

ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่าปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ในหลายแง่มุมด้วยกัน เช่น การเข้าไปอยู่ในอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ตลอดจน แชทบ็อต รถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือล่าสุดกับความสามารถในการสร้างภาพกราฟิกตามคำอธิบายเป็นตัวอักษรที่มนุษย์กำหนดให้ เป็นต้น สำหรับในมุมมองทางธุรกิจ การลดต้นทุน และคาดการณ์แนวโน้มจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วย A.I. สามารถทำให้สิ่งที่กล่าวมาเป็นไปได้ทั้งหมด เนื่องจากเทคโนโลยีคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก จึงเป็นเรื่องยากที่เราจะคาดการณ์อนาคต อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้ เราจะพยายามให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเอไอ กับโอกาสในการเข้ามาเปลี่ยนอนาคตของการตลาดดิจิทัลครับ  ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจความหมายของเอไอ ให้ตรงกันก่อนครับ

Artificial Intelligence เป็นสาขาที่กว้างของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างจักรกลอัจฉริยะที่สามารถทำกิจกรรมที่โดยทั่วไปต้องใช้สติปัญญาของมนุษย์ คำนี้มักใช้อ้างถึงเป้าหมายของการสร้างระบบที่มีทักษะการคิดเหมือนมนุษย์หรือใกล้เคียงมนุษย์ เช่น ความสามารถในการให้เหตุผล การค้นหาความหมาย การสรุป หรือแม้แต่การเรียนรู้จากประสบการณ์ เป็นต้นGartner บริษัทวิจัยและผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลกได้นิยามความหมายของปัญญาประดิษฐ์ว่าเป็นการใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงและเทคนิคเชิงตรรกะ

ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อตีความเหตุการณ์ สนับสนุน และตัดสินใจและดำเนินการโดยอัตโนมัติ คำจำกัดความนี้สอดคล้องกับสถานะปัจจุบัน ตลอดจนสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ของเทคโนโลยีและความสามารถของมันซึ่งกำลังเป็นที่ยอมรับอยู่ในขณะนี้โดยทั่วไป Artificial Intelligence เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม องค์กรและบุคคลอื่นๆ อาจนิยามความหมายของมันแตกต่างกันออกไปได้ เพราะความจริงแล้วยังไม่มีคำอธิบายใดที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเนื่องจากมันมีวิธีการมากมายที่ A.I. สามารถสนับสนุนหรือทำให้กิจกรรมของมนุษย์เป็นอัตโนมัติ ตลอดจนเรียนรู้และดำเนินการอย่างอิสระ

ปัญญาประดิษฐ์ กับ Digital Marketing ปัจจุบัน

AI

ปัจจุบันธุรกิจและอุตสาหกรรมหลายภาคส่วนกำลังถูกปรับเปลี่ยนโดย Artificial Intelligence ที่มีการพัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ การเงิน ไปจนถึงเทคโนโลยี และการค้าปลีก เริ่มใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสื่อสารกับลูกค้า เนื่องจากเอไอสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น หน่วยงานต่างๆ จึงสามารถนำมันมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์แนวโน้ม และปรับปรุงคุณภาพของแบรนด์ได้ ด้วยเหตุนี้ วิธีที่แบรนด์ทำการตลาดดิจิทัลจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากในอดีต ซึ่งต่อไปนี้ คือ บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ในฐานะผู้ช่วยของนักการตลาดดิจิทัลที่เราเห็นได้ในปัจจุบันครับ

1. AI ช่วยปรับปรุงการตั้งค่าส่วนบุคคล และ คำแนะนำ

วิธีที่ผู้บริโภคตอบสนองและโต้ตอบกับข้อความทางการตลาดกำลังเปลี่ยนไป วิธีการทางการตลาดแบบดั้งเดิม เช่น การโฆษณาทางสื่อ และไดเร็คเมล์ไม่ได้ผลอย่างที่เคยเป็นมาอีกต่อไป สาเหตุหนึ่งคือ ผู้บริโภคในปัจจุบันคาดหวังให้แบรนด์ปรับแต่งข้อความตามสถานที่ตั้ง ข้อมูลประชากร หรือความสนใจของตน ซึ่งหลายคนจะไม่มีส่วนร่วมหรืออาจเพิกเฉยต่อการตลาดที่ไม่เฉพาะเจาะจง Accenture บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ พบว่า ผู้บริโภค 43% มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากบริษัทที่ปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้เป็นส่วนตัว

กล่าวคือ ปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับแต่งการสื่อสารของตนในระดับบุคคลได้มากกว่าในในอดีต เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยทำนายพฤติกรรมของลูกค้าโดยอาศัยข้อมูลอัจฉริยะที่เรียนรู้จากการที่ลูกค้าโต้ตอบกับแบรนด์ครั้งก่อนๆ ซึ่งหมายความว่านักการตลาดสามารถส่งเนื้อหา และการสื่อสารทางการตลาดที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเปลี่ยนโอกาสในการขายเป็นการขายได้ในเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแปลง (Conversion) นั่นเองครับ

2. AI ช่วยกำหนดราคาแบบไดนามิก

การให้ส่วนลดเป็นวิธีที่แน่นอนในการเร่งการขาย แต่ลูกค้าบางรายจะซื้อด้วยส่วนลดที่น้อยกว่า หรือหากไม่มีส่วนลดเลย A.I. สามารถช่วยเหลือในการกำหนดราคาของผลิตภัณฑ์แบบไดนามิก หรือ การตั้งราคาแบบยืดหยุ่นที่ขึ้นอยู่กับความต้องการ ความพร้อมใช้งาน โปรไฟล์ลูกค้า และปัจจัยอื่นๆ เพื่อเพิ่มทั้งยอดขายและผลกำไร

3. แชทบอท AI ให้บริการลูกค้า

Facebook Messenger หรือ แอปส่งข้อความอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิธีที่นิยม และสะดวกสำหรับลูกค้าในการติดต่อกับแบรนด์และบริษัท แต่การดูแลให้บัญชีมีพนักงานประจำกับตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าอาจมีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อลดภาระงานและให้การตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าบางองค์กรได้นำแชทบอทมาช่วย เพื่อจัดการกับคำถามที่พบบ่อยของลูกค้าและให้การตอบกลับได้ทันทีตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน แชทบอทสามารถตั้งโปรแกรมให้ชุดคำตอบสำหรับคำถามที่ถูกถามบ่อยเพื่อนำการสนทนาไปยังตัวแทนที่เป็นมนุษย์ในกรณีที่คำถามซับซ้อนเกินไป ซึ่งหมายความว่าเวลาบริการลูกค้าจะลดลงและปริมาณงานเพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่มีอิสระในการจัดการกับการสนทนาที่ต้องการการตอบสนองที่เป็นส่วนตัวได้มากขึ้น 

ด้วยผู้ช่วยเสมือน เช่น Siri, Google Assistant, Alexa หรือ Cortana ทำให้เราเริ่มคุ้นเคยกับแชทบอทมากขึ้น อัลกอริธึมการประมวลผลภาษา A.I. มีความก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เครื่องจักรสามารถทำงานแทนมนุษย์ในการบริการลูกค้าตลอดจนบทบาทในการขาย ซึ่งแชทบอท ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนมากกว่าการจ้างมนุษย์เพื่อจัดการกับคำถามเท่านั้น แต่แชทบอทยังสามารถทำแทน “มนุษย์” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย แน่นอนว่าเครื่องจักรไม่เคยมีวันที่เลวร้ายเหมือนมนุษย์ ดังนั้น เราสามารถไว้วางใจได้ว่า A.I. จะให้บริการลูกค้า ได้อย่างสุภาพ มีส่วนร่วม และเป็นที่ชื่นชอบได้เสมอ

4. AI เพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา

อัลกอริธึมการค้นหากำลังพัฒนาอยู่ตลอดเวลาในทุกด้าน ตั้งแต่การค้นหาผลิตภัณฑ์ฐานข้อมูลขนาดเล็กบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงเสิร์ชเอ็นจิ้นอย่าง Google ที่ผู้คนนับล้านใช้อยู่ทุกวัน การรวม A.I. เข้ากับการค้นหาสามารถสะกดคำผิดและแนะนำทางเลือกอื่น และอาจได้รับอิทธิพลจากการเรียกดูหรือพฤติกรรมการชอปปิ้งในอดีตของคุณ Google มีความซับซ้อนมากขึ้นในการค้นหา “เจตนา” ของผู้ค้นหา ตัวอย่างเช่น หากมีผู้ค้นหาคำว่า “Apple” มันจะสามารถแยกแยะได้ว่าพวกเขากำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับผลไม้ บริษัทเทคโนโลยี หรือแอปฟังเพลง เป็นต้น

เสิร์ชเอ็นจิ้นส่วนใหญ่ยังรู้ว่าผู้ใช้ใช้งานโทรศัพท์มือถือของตนหรือไม่ และถ้าหากมีการค้นหาคำว่า “ร้านกาแฟ” เอไอจะเสนอผลการค้นหาเป็นร้านกาแฟในระยะใกล้เคียงให้ เป็นต้น ผลลัพธ์พิเศษ เช่น การชอปปิ้งและผลลัพธ์ของ Google My Business ยังมอบประสบการณ์แก่ผู้ใช้ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ค้นหา ซึ่งการค้นหาด้วยเสียงจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเนื่องจากจำนวนอุปกรณ์และผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย A.I. ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ด้วยการเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือและลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงในบ้าน ส่งผลให้เทรนด์ของการค้นหาด้วยเสียงเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลาและคาดว่าจะดำเนินต่อไป ซึ่ง A.I. สามารถตีความรูปแบบที่ซับซ้อนของคำพูดและเพื่อรับรู้ความหมายจากคำค้นหาด้วยคำพูดซึ่งแตกต่างจากการค้นหาด้วยการพิมพ์ทั่วไปอย่างมาก นักการตลาดยังสามารถใช้ A.I. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของพวกเขาสำหรับการค้นหาด้วยเสียง ซึ่งช่วยปรับปรุง SEO และการเข้าชมเว็บไซต์ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลที่ใช้วิธีสั่งการด้วยเสียงมากขึ้น

5. AI เพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา PPC (จ่ายต่อคลิก)

เมื่อคุณใช้ A.I. เพื่อควบคุมประสิทธิภาพโฆษณาของคุณ คุณจะสามารถปรับแคมเปญของคุณได้อย่างแม่นยำ ทำให้ความพยายามการซื้อโฆษณาแบบ PPC (Pay per Click) ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดของประโยชน์ของ A.I. คือการใช้เพื่อปรับการเสนอราคา PPC ของคุณโดยอัตโนมัติ ด้วยการทำเช่นนี้ คุณจะไม่พลาดเสนอราคาต่ำเกินไปสำหรับโฆษณาที่จะช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการขายที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณปรับปรุงผลตอบแทนจากการลงทุนโดยรวมด้วยการกำจัดการเสนอราคาที่สูงเกินไปได้อีกด้วย

6. การสร้างเนื้อหาและการดูแลจัดการ

การตลาดเนื้อหาให้ผลตอบแทนในการลงทุนที่น่าประทับใจก็จริง แต่ในทางกลับกันก็อาจต้องใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างเข้มข้นเช่นเดียวกัน ธุรกิจและแบรนด์จำนวนมากอาจเคยประสบปัญหาในการผลิตเนื้อหาที่ไม่เพียงพอต่อการสร้างความมั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมายจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวสำหรับทุกคนอย่างทั่วถึงหรือไม่ ซึ่งการมาถึงของ A.I. จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ ความจริง เนื้อหาที่สร้างโดย A.I. มีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในยุคแรกๆ มันอาจยังทำได้ไม่ดีพอด้วยเนื้อหาที่มนุษย์อ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือเข้าใจได้ยากแต่ในปัจจุบัน A.I. สำหรับการสร้างเนื้อหาฉลาดและซับซ้อนมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

มันสามารถช่วยเร่งความเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดเนื้อหาของคุณได้หลายวิธี ขณะนี้ซอฟต์แวร์เนื้อหาอัตโนมัติสามารถสร้างข่าวและรายงานได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งหากเป็นมนุษย์อาจจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆแม้ว่าคุณจะไม่ไว้วางใจให้เครื่องจักรเข้ามาควบคุมกระบวนการสร้างเนื้อหาของคุณทั้งหมด แต่ A.I. ก็ยังมีประโยชน์สำหรับงานที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น การสร้างโพสต์บนโซเชียลมีเดียของคุณ แม้ในปัจจุบันหลายองค์กรอาจยังไม่ได้คิดที่จะแทนที่ Copywriter ด้วยซอฟต์แวร์ A.I. แต่เราอาจเข้าใกล้สิ่งนี้มากกว่าที่คุณคิด ขณะนี้แบรนด์ระดับโลกหลายแห่ง รวมถึง Forbes กำลังเผยแพร่เนื้อหาที่ A.I. สร้างขึ้นบางส่วน ในท้ายที่สุดสิ่งที่น่าสนใจ คือการใช้ A.I. ทำให้การผลิตเนื้อหารวดเร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้นักการตลาดสามารถขยายการตลาดเนื้อหาของตนได้

7. การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ปัญญาประดิษฐ์ สามารถช่วยให้ธุรกิจดำเนินการตามขั้นตอน CRM หรือ การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าตามปกติได้โดยอัตโนมัติ เช่น การตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็ว และให้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้อง เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจ A.I. ไม่เพียงแต่กำจัดงานที่คนต้องลงมือทำด้วยตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการนำเสนอแนวทางที่แม่นยำในการขายให้มากขึ้น เร็วขึ้น หลายคนเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย A.I. ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เมื่อชุดข้อมูล การผสานรวม และความสามารถของแมชชีนเลิร์นนิงพัฒนาไปอีกขั้น ก็มีโอกาสที่เทคโนโลยีนี้จะก้าวหน้ามากขึ้น ข้อมูลส่วนบุคคลกำลังถูกเผยแพร่ในอัตราที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้ AI ในการจัดเรียงข้อมูล ด้วยเหตุนี้ บริษัทเทคโนโลยีเกือบทั้งหมดกำลังทำงานเกี่ยวกับ AI ด้วยการวิเคราะห์ข้อความ การเรียนรู้ของเครื่อง การจัดการวัตถุ การให้เหตุผล การวางแผน ความรู้ การรู้จำเสียงพูด การรับรู้ และความสามารถอื่นๆ

8. การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Processing Big Data)

แม้มนุษย์จะทำได้ดีกว่าเครื่องจักรในหลายๆ เรื่อง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดในบางเรื่องได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องใช้ข้อมูลในการประมวลผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลปริมาณมาก (Big Data) ซึ่งคุณสามารถใช้ AI เพื่อลดข้อผิดพลาดเนื่องจากข้อมูลซ้ำซ้อนหรือล้าสมัยได้

ซอฟต์แวร์ AI สามารถแยกวิเคราะห์และรวมฐานข้อมูลหลาย ๆ ฐานข้อมูล ผสานรวมข่าวกรองจากแหล่งต่าง ๆ โดยไม่ทำให้เกิดข้อมูลซ้ำซ้อน องค์กรส่วนใหญ่กำลังรวบรวมข้อมูลที่มีค่ามากมายเกี่ยวกับลูกค้าและอุตสาหกรรมของตนอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลวในการใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้  มีเหตุผลหลายประการรวมถึงการขาดทักษะและเทคโนโลยีและการไม่ใช้นักวิเคราะห์ข้อมูล ธุรกิจจำนวนมากเข้าใจดีว่าปริมาณข้อมูลของพวกเขานั้นล้นเกินไป นี่คือจุดที่ AI สามารถนำเสนอข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับการประมวลผลและทำความเข้าใจข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์เก่งในการประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่ และระบุแนวโน้มและรูปแบบในข้อมูล ดังนั้นจึงสามารถใช้เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าจากข้อมูลและส่งข้อมูลนี้ในลักษณะที่เข้าใจง่ายและมีประโยชน์

อนาคต Digital Marketing ในยุค Artificial Intelligence

artificial intelligence

A.I. ทำงานอยู่เบื้องหลังการตลาดดิจิทัลในหลายบทบาทอย่างที่เรากล่าวไปเบื้องต้น เช่น ทำให้การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นส่วนตัว สร้างเนื้อหา คาดการณ์พฤติกรรม และอื่นๆ นักการตลาดตระหนักถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์และทำยอดขายได้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตจะมีการนำเอไอมาใช้ในการตลาดดิจิทัลเพิ่มขึ้นและพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง ต่อไปนี้เป็นแนวโน้มของการตลาดดิจิทัลในอนาคตภายใต้ความช่วยเหลือของเอไอครับ

1. แชทบอทจะกลายเป็นมาตรฐานที่ทุกธุรกิจต้องมี

อีกไม่นานแชทบอทจะเข้าไปมีบทบาทในแอปพลิเคชันแทบทุกประเภท ตั้งแต่การสอบถามข้อมูลการบริการลูกค้าขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการผลักดันยอดขาย ด้วยผู้บริโภคเคยชินกับแชทบอทและรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้แชทบอทมีความซับซ้อนมากจนอาจแยกแยะได้ยากจากมนุษย์จริงๆ ไม่น่าแปลกใจหาก ลูกค้า 2 ใน 3 ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังโต้ตอบอยู่กับ A.I. ในอนาคตแชทบอทจะมีความสามารถที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก บริษัทชั้นนำหลายแห่งกำลังใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้กันอย่างจริงจัง ดังนั้นเราจะเห็นความก้าวหน้าในปีหน้าและปีต่อๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นเวลาไม่นานก่อนที่แชทบอทจะกลายเป็นมาตรฐานในทุกเว็บไซต์และทุกแอปพลิเคชัน 

กล่าวคือ แชทบอท เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถสนทนา (หรือ “แชท”) โดยใช้ A.I. เพื่อกำหนดคำตอบ คุณอาจเคยใช้แชทบอทขณะอยู่ในเว็บไซต์เพื่อค้นหาคำตอบสำหรับคำถาม แชทบอทสามารถสนทนาด้วยเสียงหรือข้อความ การสนทนาอย่างหลังมักจะปรากฏเป็นหน้าต่างแชทบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ เรียกอีกอย่างว่าบอทผู้ส่งสาร แชทบอทเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นช่องทางการตลาดใหม่ที่ดีที่สุดของปี 2560 เห็นได้ชัดว่าแชทบอทไม่ได้ออกไปสู่โลกกว้างในธุรกิจของเหมือนช่องทางการตลาด อื่นๆ  เช่น โฆษณาหรืออีเมล

แต่แชทบอทเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเชียลมีเดีย เพราะมันสามารถให้บริการลูกค้าซึ่งช่วยให้ทั้งลูกค้าและแบรนด์ของคุณ สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายการรับส่งข้อความ และส่งข้อความที่ตรงเป้าหมายในนามของคุณ แชทบอทสามารถย้ายลูกค้าผ่านช่องทางการขายได้ด้วยการถามคำถามที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ แชทบอทพร้อมตอบคำถามลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงและทุกวัน ซึ่งความจริงมันสามารถตอบคำถามได้มากกว่า 13,000 รูปแบบ มากกว่า 200 คำถาม โดยอาศัยคำถามจากลูกค้าในชีวิตจริงเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุด

2. เนื้อหาที่สามารถคาดการณ์และกำหนดเป้าหมายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

นอกจากการตอบคำถามผ่านแชทบอทแล้ว A.I. ยังสามารถนำมาใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายและลูกค้า จากนั้นเอไอก็สามารถใช้ข้อมูลนั้นเพื่อคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต และพัฒนาข้อความที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น เนื้อหาดังกล่าวอาจส่งโดยแชทบอท ผ่านเนื้อหาแบบไดนามิกบนหน้าเว็บ หรือทางอีเมล นั่นเป็นเพราะเอไอสามารถช่วยส่งข้อความอีเมลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมโดยใช้เนื้อหาแบบไดนามิกและกำหนดเนื้อหานั้นตามพฤติกรรมของลูกค้าในอดีต ด้วยการรู้ว่าหน้าเว็บใดที่ลูกค้าเข้าชม บล็อกโพสต์ที่พวกเขาอ่าน อีเมลใดที่พวกเขาโต้ตอบด้วย และอื่นๆ อีกมากมาย A.I. สามารถเลือกเนื้อหาที่มีแนวโน้มว่าจะดึงดูดลูกค้าเฉพาะรายมากที่สุดได้อย่างชาญฉลาด และเติมข้อมูลในอีเมลที่มีเนื้อหานั้นโดยอัตโนมัติ การใช้สิ่งที่เรียกว่า “การคาดคะเนการเลิกรา” A.I. ยังสามารถคาดการณ์ได้เมื่อลูกค้าเลิกใช้แบรนด์ ซึ่งช่วยมอบเนื้อหาส่วนบุคคลที่น่าจะดึงดูดและดึงดูดพวกเขาให้กลับมาอีกครั้งได้

3. ความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพสูง

นับตั้งแต่การเริ่มต้นของ Content Marketing นักการตลาดหลายคนรู้ดีว่าการสร้างเนื้อหาเป็นหนึ่งในความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการตลาดที่มีประสิทธิภาพต้องใช้เวลา แต่ A.I. สามารถช่วยได้ด้วยการสร้างเนื้อหาบางส่วนให้กับคุณ เนื้อหาสามารถเป็นบทความที่ประกอบด้วยคำหลายร้อยคำและดูราวกับว่ามนุษย์ที่มีชีวิตเป็นคนเขียน หรือเนื้อหาที่สร้างขึ้นอาจมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เนื้อหาที่สร้างขึ้นจะเน้นที่ลูกค้าและมีจุดมุ่งหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์กับลูกค้าที่ค้นหาข้อมูลหรือสแกนกล่องขาเข้าหรือหน้าโซเชียลมีเดียของพวกเขา โดยไม่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในส่วนของพนักงานหรือนักแปลอิสระเพื่อสร้างเนื้อหานั้น

4. เทคโนโลยีการจดจำภาพจะแพร่หลายมากขึ้น

ธุรกิจจะสามารถใช้ความสามารถของ AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วยเทคโนโลยีการจดจำรูปภาพ ความจริงเทคโนโลยีนี้มีมาระยะหนึ่งแล้ว และคุณอาจเคยสัมผัสแล้วบนแพลตฟอร์ม เช่น Facebook เมื่อเพื่อนถูกแท็กโดยอัตโนมัติในรูปภาพที่คุณโพสต์ ซอฟต์แวร์จดจำภาพ ยังช่วยปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้เป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ห้างชื่อดังในนิวยอร์ค อย่าง Macy ทำการเปิดตัว Macy’s Image Search ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ลูกค้าอัปโหลดรูปภาพของสินค้าเพื่อค้นหาสิ่งที่คล้ายกันภายในสินค้าคงคลัง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นแน่นนอน

5. การตลาดจะมีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

เมื่อ A.I. ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น อัลกอริธึมจะสามารถเข้าใจจิตวิทยาของผู้คนตลอดจนความต้องการของพวกเขาจากกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย สิ่งนี้จะเปิดโลกใบใหม่ของการตลาดในแบบที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้บริษัทและธุรกิจต่างๆ สามารถทุ่มเงินลงทุนได้อย่างแม่นยำไปกับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ของตนจริงๆ เท่านั้น

6. เครื่องมือค้นหาด้วยเสียงจะแพร่หลายมากขึ้น

การค้นหาผลิตภัณฑ์และคำแนะนำผลิตภัณฑ์จะแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนา A.I. ในอนาคตการค้นหาด้วยเสียงจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่โลกกำลังเคลื่อนไปสู่มือถือ มันสมเหตุสมผลแล้วที่พวกเขากำลังเปลี่ยนไปใช้วิธีการป้อนข้อมูลแบบแฮนด์ฟรีในขณะเดินทาง ผู้บริโภคเกือบ 60% ใช้การค้นหาด้วยเสียงเพื่อค้นหาข้อมูลธุรกิจในปีที่แล้ว และเกือบครึ่งหนึ่งใช้การค้นหาด้วยเสียงทุกวันเพื่อค้นหาธุรกิจในท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าครึ่งหนึ่งของการค้นหาทั้งหมดจะเป็นการค้นหาด้วยเสียงในปีหน้า การเติบโตของการค้นหาด้วยเสียงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าอย่างมากในการทำความเข้าใจคำพูดของมนุษย์ด้วยอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่อง ปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวมาถึงจุดที่อัลกอริธึมของ Google สามารถเข้าใจคำพูดของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำถึง 95% ซึ่งเท่ากับระดับเดียวกับมนุษย์จริงๆ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น มนุษย์ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้คำสั่งเสียง ในโลกปัจจุบันและอนาคต การเห็นคนพูดกับตัวเองจะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป แนวโน้มนี้จะบังคับให้ธุรกิจปรับ SEO และกลยุทธ์การตลาดเนื้อหาเพื่อให้สอดคล้องกับการค้นหาด้วยเสียง หากคุณยังไม่ได้เริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วครับ

สุดท้ายนี้ คงไม่มีบทสรุปใดมากไปกว่าการแนะนำว่าถ้าหากคุณยังไม่ได้ใช้ AI หรือเพิกเฉยต่อประโยชน์และความเป็นไปได้ของ AI ในด้านการตลาด นั้นอาจหมายความว่าธุรกิจของคุณกำลังตามหลังหลังคู่แข่งในโลกที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอาจดูน่ากลัวเกินกว่าจะคิด (หุ่นยนต์ที่ฉลาดกว่ามนุษย์หลายเท่า) แต่ในส่วนของซอฟต์แวร์การตลาดที่ใช้เทคโนโลยีนี้ยังคงเป็นมิตรกับผู้ใช้เสมอและง่ายต่อการนำไปใช้กับระบบที่มีอยู่ หากคุณยังไม่ได้สำรวจโลกของ MarTech และ Digital Marketing ที่ขับเคลื่อนด้วย AI วันนี้ได้เวลาที่คุณต้องเริ่มแล้วครับ

 

 

 

แหล่งที่มา :

https://www.techtarget.com

https://www.gartner.com

https://marketinginsidergroup.com

https://www.business.com

 

 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *