Data Science – การตลาดในยุคดิจิทัลนั้นมีสิ่งที่เรียกว่า Data หรือ ข้อมูล อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ด้วยแหล่งข้อมูลมากมาย ทั้งฐานข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือ โซเชียลมีเดีย เป็นต้น หากมีการประมวลผลและวิเคราะห์อย่างเหมาะสมด้วยวิทยาการข้อมูลที่ก้าวล้ำแล้ว ข้อมูลที่กล่าวมาย่อมเป็นเสมือนขุมทองสำหรับนักการตลาดที่พร้อมเปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับลูกค้าเป้าหมาย และแน่นอนว่าจะกลายเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจและการตลาดที่ขาดไม่ได้ในที่สุด ดังนั้นวิทยาการแห่งข้อมูลจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่นักการตลาดต้องโฟกัสและจะมองข้ามไม่ได้แล้ว
Data Science กับการตลาด
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีด้านการตลาดได้ก้าวไปไกลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของวิทยาการข้อมูลด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลในมือจึงเป็นเรื่องปกติที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สำหรับการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2023 ธุรกิจต่างๆ เริ่มไม่ต้องการนักวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้ช่วยสร้างข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของตน เนื่องด้วยการถือกำเนิดของระบบอัตโนมัติต่างๆ ตลอดจนอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่มีอยู่มากมายและแพร่หลาย ส่งผลให้การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลนั้นสามารถทำได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
วิทยาการข้อมูล คือ การผสมผสานของคณิตศาสตร์และสถิติ การเขียนโปรแกรมเฉพาะทาง การวิเคราะห์ขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงซึ่งซ่อนอยู่ในข้อมูลขององค์กร ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ด้วยปริมาณแหล่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วิทยาการข้อมูลเป็นหนึ่งในสาขาที่เติบโตเร็วที่สุดในทุกอุตสาหกรรมและหากจะกล่าวว่าความสำเร็จของแคมเปญการตลาดดิจิทัลทั้งหลายในปัจจุบันล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือที่นักการตลาดเรียกว่า Data Driven Marketing ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากต่างแข่งขันกันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากลูกค้ามากขึ้นทุกวัน วิทยาการด้านข้อมูลจึงถูกยกเข้ามาเป็นเสมือนอาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญที่ใช้ต่อสู้กันเพื่อให้ได้ชัยชนะในการทำธุรกิจ กล่าวคือเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนความชื่นชอบของลูกค้า ทุกวันนี้วิทยาการข้อมูลได้ปฏิวัติวิธีที่บริษัทต่างๆ เข้าถึงการตลาด ด้วยการเปิดใจยอมรับกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่างๆ ทั้งการระบุแนวโน้ม การเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ตลอดจนการวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป็นต้นความจริง วิทยาการข้อมูล ได้ถูกนำมาใช้ในด้านต่างๆ เป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่การนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการตลาดเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ หากย้อนเวลากลับไปจะพบว่าการใช้วิทยาการข้อมูลเพื่อการตลาดเริ่มได้รับความนิยมในช่วงต้นปี 2000 เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากขึ้นเริ่มรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของตน
Data Science ช่วยนักการตลาดดิจิทัลอย่างไร
1. ช่วยกำหนดเป้าหมายผู้ชมที่เหมาะสม
วิทยาการข้อมูลช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมโดยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและความชอบของกลุ่มเป้าหมาย สิ่งนี้ทำให้นักการตลาดดิจิทัลสามารถสร้างแคมเปญที่ตรงเป้าหมายซึ่งมีแนวโน้มที่จะโดนใจผู้ชมมากขึ้น ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้ นักการตลาดดิจิทัลสามารถสร้างแคมเปญส่วนบุคคลที่ส่งข้อความที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสมไปยังผู้ชมที่เหมาะสม วิธีนี้ได้รับการแสดงเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและอัตราการแปลง ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงขึ้นสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัล
2. ช่วยวิเคราะห์เชิงคาดการณ์
วิทยาศาสตร์ข้อมูลยังช่วยนักการตลาดดิจิทัลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบในพฤติกรรมของผู้ใช้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต นักการตลาดดิจิทัลสามารถคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขานำหน้าคู่แข่งและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่
3. ช่วยทำการทดสอบ A/B Testing
วิทยาศาสตร์ข้อมูลช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลทำการทดสอบ A/B ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น การทดสอบ A/B เป็นการเปรียบเทียบแคมเปญการตลาดสองเวอร์ชันเพื่อพิจารณาว่าเวอร์ชันใดทำงานได้ดีกว่ากัน ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้ นักการตลาดดิจิทัลสามารถระบุได้ว่าแคมเปญเวอร์ชันใดมีประสิทธิภาพมากกว่าและทำการเปลี่ยนแปลงตามนั้น วิธีนี้ได้รับการแสดงเพื่อเพิ่มอัตราการแปลงและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดดิจิทัล
4. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การตลาด
วิทยาการข้อมูลช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ทางการตลาดโดยการวิเคราะห์ข้อมูลตามเวลาจริงและปรับเปลี่ยนตามนั้น สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถระบุแนวโน้มได้อย่างรวดเร็วและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น หากนักการตลาดดิจิทัลสังเกตเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันสำหรับผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง พวกเขาสามารถเพิ่มความพยายามทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์นั้นอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากเทรนด์ดังกล่าว
5. ช่วยสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล
วิทยาศาสตร์ข้อมูลช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลสร้างแคมเปญส่วนบุคคลที่ปรับให้เหมาะกับบุคคลหรือกลุ่มเฉพาะ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ นักการตลาดดิจิทัลสามารถสร้างโฆษณาที่มีแนวโน้มว่าจะโดนใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น วิธีการนี้ได้รับการแสดงเพื่อเพิ่มอัตราการคลิกผ่าน การมีส่วนร่วม และอัตราการแปลง
6. ช่วยในการแสดงข้อมูลให้เข้าใจง่าย
วิทยาการข้อมูลช่วยนักการตลาดดิจิทัลด้วยการจัดหาเครื่องมือแสดงข้อมูลที่ช่วยให้ตีความและสื่อสารข้อมูลได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้นักการตลาดดิจิทัลสามารถระบุแนวโน้มและข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว และทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้ การแสดงข้อมูลเป็นภาพยังช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลสามารถสื่อสารสิ่งที่ค้นพบไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและทำงานร่วมกับทีมอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นโดยสรุปแล้ว วิทยาศาสตร์ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลตัดสินใจได้ดีขึ้นและบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้ นักการตลาดดิจิทัลสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ทำนายแนวโน้ม ทำการทดสอบ A/B ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสม ปรับแต่งแคมเปญให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และสื่อสารสิ่งที่ค้นพบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิทยาการข้อมูลจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับนักการตลาดดิจิทัลในการนำหน้าคู่แข่งและประสบความสำเร็จทางการตลาด
เมื่อ Data Science ปฏิวัติกลยุทธ์การตลาด
1. การกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำยิ่งขึ้น
วิทยาการข้อมูลช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากเกี่ยวกับพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากรของลูกค้า ซึ่งช่วยให้แบ่งกลุ่มผู้ชมได้แม่นยำยิ่งขึ้นและส่งข้อความส่วนตัวที่น่าจะโดนใจพวกเขามากขึ้น ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นเทคนิคการกำหนดเป้าหมายขั้นสูงที่ใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์เพื่อระบุและกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าเฉพาะตามพฤติกรรมและความชอบของพวกเขา
2. การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ได้รับการปรับปรุง
เมื่อธุรกิจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น พวกเขาสามารถใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบที่จะแจ้งกลยุทธ์ทางการตลาดของพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขานำหน้าคู่แข่งด้วยการระบุโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านั้น ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นเครื่องมือวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าและการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น
3. การทดสอบ A/B ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยวิทยาการข้อมูล การทดสอบ A/B Testing ย่อมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นเทคนิคการทดสอบ A/B ขั้นสูงมากขึ้น ซึ่งใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อระบุเวอร์ชันที่ดีที่สุดของแคมเปญสำหรับผู้ชมแต่ละกลุ่ม
4. การเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์
วิทยาการข้อมูลช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ทางการตลาดแบบเรียลไทม์โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อข้อมูลถูกสร้างขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถระบุแนวโน้มได้อย่างรวดเร็วและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อระบุแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกัน
5. การสร้างแคมเปญส่วนบุคคล
วิทยาศาสตร์ข้อมูลช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแคมเปญส่วนบุคคลที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายหรือกลุ่มได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างโฆษณาที่มีแนวโน้มว่าจะโดนใจผู้ชมเป้าหมายมากขึ้น ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นแคมเปญที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น ซึ่งใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อระบุข้อความที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละราย
6. การบูรณาการกับเทคโนโลยีเกิดใหม่
วิทยาการข้อมูลไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีเดียวที่สร้างอนาคตของการตลาด เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ความจริงเสริม ความจริงเสมือน และอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) ก็มีบทบาทเช่นกัน วิทยาการข้อมูลจะมีความจำเป็นสำหรับธุรกิจในการรวมเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดของตนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสามารถใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง และใช้ข้อมูลนั้นเพื่อสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยสรุป วิทยาการข้อมูลกำลังเปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจเข้าหาการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด เมื่อธุรกิจรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาสามารถสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นซึ่งปรับให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของตน ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นเทคนิคการกำหนดเป้าหมายขั้นสูง การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ การทดสอบ A/B การเพิ่มประสิทธิภาพตามเวลาจริง แคมเปญส่วนบุคคล การรวมเข้ากับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ และการพิจารณาด้านจริยธรรมในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ข้อมูล
ความท้าทายของ วิทยาการข้อมูล ในกลยุทธ์การตลาด
1. การรวบรวมและจัดการข้อมูล
หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของวิทยาศาสตร์ข้อมูลในกลยุทธ์การตลาดคือการรวบรวมและจัดการข้อมูล ธุรกิจต้องมั่นใจว่าพวกเขากำลังรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้และถูกต้องและเป็นปัจจุบัน พวกเขายังต้องมีระบบในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลในลักษณะที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ ด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจจำเป็นต้องมีระบบที่ปรับขนาดได้เพื่อรองรับการเติบโตนี้
2. การวิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อรวบรวมข้อมูลแล้ว จะต้องวิเคราะห์อย่างมีความหมาย สิ่งนี้ต้องการนักวิเคราะห์ข้อมูลที่มีทักษะซึ่งสามารถตีความข้อมูลและระบุแนวโน้มและรูปแบบได้ การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน และธุรกิจต้องลงทุนในทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
3. บูรณาการกับกลยุทธ์การตลาด
วิทยาศาสตร์ข้อมูลจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อรวมเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างมีความหมาย ธุรกิจจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการใช้ข้อมูลเพื่อแจ้งการตัดสินใจทางการตลาดและกลยุทธ์ทางการตลาดนั้นสอดคล้องกับการวิเคราะห์ข้อมูล สิ่งนี้ต้องการการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิเคราะห์ข้อมูลและทีมการตลาดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลเชิงลึกที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลจะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
ด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นโดยธุรกิจต่างๆ จึงมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ธุรกิจต้องมั่นใจว่าพวกเขากำลังรวบรวมและใช้ข้อมูลในลักษณะที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล การไม่ทำเช่นนั้นอาจส่งผลทางกฎหมายและชื่อเสียงอย่างมีนัยสำคัญ
5. ความสมดุลของศิลปะและวิทยาศาสตร์
แม้ว่าวิทยาการข้อมูลสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับพฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากรของลูกค้า แต่ก็ยังมีความจำเป็นสำหรับความคิดสร้างสรรค์และสัญชาตญาณในกลยุทธ์ทางการตลาด ธุรกิจต้องสร้างความสมดุลระหว่างข้อมูลเชิงลึกที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลกับศิลปะการตลาดเพื่อสร้างแคมเปญที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
6. การก้าวให้ทันเทคโนโลยีเกิดใหม่
ในขณะที่เทคโนโลยียังคงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาตามทันเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ทางการตลาดของพวกเขา ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องกำลังเปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจต่างๆ วิเคราะห์ข้อมูลและทำการตัดสินใจทางการตลาด ธุรกิจต้องเต็มใจที่จะลงทุนในเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกัน