5 กลยุทธ์การตลาด E commerce ที่คนทำธุรกิจควรรู้

e-commerce-marketing

หลายๆ คนเคยได้ยินว่าตลาด E commerce เติบโตสูงมากในประเทศไทย มีการหมุนเวียนของเงินจำนวนมากในธุรกิจนี้ และแน่นอนว่ามีผู้ที่เห็นมูลค่าในตลาดทำให้หลายๆ คนกระโดดลงมาในสนามนี้เพื่อแบ่งส่วนแบ่งตลาดกัน ซึ่งคนที่สามารถทำการตลาดที่มัดใจลูกค้าได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ในบทความนี้ เราจึงนำกลยุทธ์ในการทำการตลาด Ecommece ที่เจ้าของธุรกิจควรรู้มาฝากกัน

สารบัญ
  • การตลาด E commerce คืออะไร?
  • กลยุทธ์การทำการตลาด E commerce
    1. Email Marketing
    2. กลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย
    3. การสร้างลูกค้าประจำ
    4. ลงทุนในการทำแชทแบบเรียลไทม์
    5. การใช้ Influencer ช่วยในการทำการตลาด 
  • สรุป

การตลาด E commerce คืออะไร

การตลาด Ecommerce คือ การฝึกฝนใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มยอดการเข้าชมร้านค้าออนไลน์ของคุณ จากนั้นทำการเปลี่ยนจากผู้เข้าชมร้านค้าให้เป็นลูกค้าที่ทำการซื้อ และดูแลรักษาลูกค้าหลังการขาย

กลยุทธ์การตลาดอีคอมเมิร์ซแบบองค์รวม ประกอบด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งในและนอกเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งกลยุทธ์การตลาดที่ดีสามารถช่วยคุณสร้างการรับรู้แบรนด์ กระตุ้นให้เกิดความภักดีของลูกค้า และเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้ในที่สุด

คุณสามารถโปรโมตร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ โดยใช้เครื่องมือการตลาดอีคอมเมิร์ซ สำหรับภาพรวมธุรกิจหรือเพื่อเพิ่มยอดขายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง

what-is-ecommerce-marketing

กลยุทธ์การทำการตลาด E commerce

1. Email Marketing 

การตลาดอีเมล หรือ การทำ Email Marketing เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ชมของคุณได้โดยตรง และเฉพาะเจาะจงผ่านอีเมลในกล่องจดหมาย ดังนั้นวิธีนี้จึงสามารถรักษาโอกาสในการขาย และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณมีตัวตนจริงและยังคงให้บริการอยู่ พร้อมกับการติดตามการเปิดอ่านอีเมลของอีเมลทุกฉบับ

คุณสามารถใช้อีเมลในรูปแบบต่างๆ เพื่อแนะนำแบรนด์ของคุณ แจ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้ความรู้เกี่ยวสินค้าและแบรนด์ หรือแบ่งปันข่าวสารต่างๆ ในปัจจุบัน  

ส่วนการแจ้งเตือนเกี่ยวกับส่วนลด หรือสินค้าลดราคา จะเป็นรายการที่เฉพาะเจาะจงอย่างมากสำหรับผู้ที่สนใจในสินค้านั้นๆ ดังนั้นหากคุณกำลังนำเสนอส่วนลดสินค้า ให้ทำการส่งอีเมลเกี่ยวกับสินค้าตัวนั้นไปยังกลุ่มอีเมลที่สนใจในเรื่องเดียวกัน

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการส่งส่วนลดรองเท้าสำหรับวิ่งออกกำลังกาย คุณต้องทำการส่งอีเมลนี้ไปยังผู้ที่เปิดดู หรืออ่านอีเมลหมวดหมู่เกี่ยวกับการวิ่ง จะทำให้คุณมีโอกาสที่จะทำการปิดการขายมากกว่าการส่งไปกลุ่มที่สนใจเรื่องฟุตบอล หรือบาสเกตบอล เป็นต้น

2. กลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย 

social-media-marketing-for-ecommerce

โซเชียลมีเดียเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก ในหลายพื้นที่และหลายกลุ่มอายุ 

ซึ่งการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียในธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีประโยชน์อย่างมาก โดยจะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ เช่น การกดไลก์ แสดงความคิดเห็น การแชร์ และโต้ตอบกับโพสต์ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ของคุณอยู่ในใจของผู้คน และยังช่วยในการกระตุ้นยอดขาย

นอกจากนี้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการตลาดแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth) เนื่องจากการแบ่งปันข้อมูลภายในและระหว่างแพลตฟอร์มเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น แม้แต่การแชร์บทความบนเว็บไซต์ไปยังช่องทางต่างๆ ก็เช่นกัน

ปัจจุบันแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้สามารถสร้าง และรักษาตัวตนของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น เช่น Instagram ที่มีฟีเจอร์ลิงก์ swipe-up หรือ ปัดขึ้นบนสตอรี่ และสติกเกอร์ผลิตภัณฑ์บนโพสต์ ที่เมื่อคลิกแล้วจะนำผู้ชมไปยังผลิตภัณฑ์หรือแคตตาล็อกโดยตรง

3.การสร้างลูกค้าประจำ

buid-loyalty-program

ลูกค้าประจำ คือ ลูกค้าระยะยาวของธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ได้มาง่ายๆ ลูกค้าถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายของตนเอง และพวกเขาจะภักดีต่อแบรนด์ที่สามารถช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ ไม่สำคัญว่าลูกค้าจะมีความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดีต่อแบรนด์มาก่อน ถ้าคู่แข่งของคุณสามารถให้ข้อเสนอที่ดีกว่าลูกค้าก็จะรับไป ดังนั้นเราต้องหาวิธีที่จะมัดใจลูกค้าของเรา เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ให้เกิดเป็นลูกค้าประจำนั้นเอง 

เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ด้วยบริการที่ยอดเยี่ยมและเหนือความคาดหมาย ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การมอบส่วนลด ของแถม เพราะลูกค้าต้องการวิธีในการแก้ปัญหา ดังนั้นหากคุณสามารถให้บริการและช่วยเหลือลูกค้าของคุณในการแก้ไขปัญหาได้ ลูกค้าจะเกิดความประทับใจและจดจำแบรนด์ของคุณได้แน่นอน

4.ลงทุนในการทำแชทแบบเรียลไทม์

live-chat

ในการทำธุรกิจ E-commerce สิ่งที่เป็นเหมือนหัวใจหลัก คือ การพูดคุยหรือแชทที่คอยตอบคำถามลูกค้ารวมไปถึงการรับออเดอร์ผ่านช่องทางข้อความ ยิ่งในยุคปัจจุบันความอดทนของผู้คนเริ่มลดน้อยลง ดังนั้นหากคุณตอบแชทของลูกค้าช้าไปไม่กี่นาที ลูกค้าอาจเปลี่ยนใจไปหาคู่แข่งได้ 

ซึ่งในการทำการตลาด E-commerce เราควรลงทุนในเรื่องของตอบแชทให้ไวที่สุด หรือเรียลไทม์นั้นเอง  และเครื่องมือที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างแชทบอทได้เข้ามาช่วยเหลือในการตอบแชทหรือคำถามที่ซ่้ำๆ

แชทบอท (Chatbots) – คุณคงเคยได้ยินเรื่องแชทบอทที่ช่วยในการตอบแชทลูกค้า หรือการตอบคำถามที่ลูกค้าชอบถามบ่อยๆ นั้นเอง เพื่อลดกำลังของแอดมินที่ต้องค่อยตอบแชท และคำถามจำนวนมากจากลูกค้าในแต่ละวัน 

5. การใช้ Influencer ช่วยในการทำการตลาด 

influencer-marketing

การทำการตลาดผ่าน Influencer หรือผู้มีอิทธิพลในวงการนั้นๆ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อตลาดเป้าหมายของคุณ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้เป็นที่รู้จัก มีผู้ติดตามจำนวนหมายซึ่งกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของคุณอาจติดตามและชื่นชอบพวกเขาอยู่

เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงหลังๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการ ความงาม การท่องเที่ยว การช็อปปิ้ง การกิน ก็จะมีผู้ที่มีเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการนั้น ซึ่งสิ่งที่แบรนด์ต้องทำคือศึกษา และมองหาบุคคลเหล่านั้นที่ลูกค้าของคุณติดตามอยู่ และทำการตลาดผ่านบุคคลเหล่านั้น ผ่านสินค้าแนะนำ หรือ “โพสต์ที่ได้รับการสนับสนุน”

เหล่า Influencer เป็นที่รู้จัก ที่ชื่นชอบ และได้รับความไว้วางใจความเชื่อถือจากคนจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ

สรุป

หลายๆ คนเคยได้ยินว่าตลาด E commerce เติบโตสูงมากในประเทศไทย มีการหมุนเวียนของเงินจำนวนมากในธุรกิจนี้ และแน่นอนว่ามีผู้ที่เห็นมูลค่าในตลาดทำให้หลายๆ คนกระโดดลงมาในสนามนี้เพื่อแบ่งส่วนแบ่งตลาดกัน ซึ่งคนที่สามารถทำการตลาดที่มัดใจลูกค้าได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ในบทความนี้ เราจึงนำกลยุทธ์ในการทำการตลาด Ecommece ที่เจ้าของธุรกิจควรรู้มาฝากกัน

แหล่งอ้างอิง

https://www.adnabu.com/ecommerce-marketingstrategies

https://sleeknote.com/blog/e-commerce-marketing-strategies

https://blog.hubspot.com/marketing/ecommerce-marketing

https://www.shopify.com/blog/ecommerce-marketing

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *