ในการเริ่มต้นวางกลยุทธ์ SEO ส่วนแรกและส่วนสำคัญที่เราต้องทำคือ การทำ Keyword Research หรือการวิเคราะห์หาคำที่ใช่และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ก่อนที่จะเริ่มต้นเขียนเนื้อหาคอนเทนต์สำหรับเว็บไซต์ของคุณ คุณจะต้องหาให้เจอว่าคำที่จะใช้มีปริมาณการค้นหามากพอ และเป็นคำที่เหมาะสมหรือไม่
ซึ่งตัว Keyword จะเป็นตัวบอกทิศทางของเนื้อหา เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาคอนเทนต์ที่จะสร้างมีความเกี่ยวข้อง ทำให้ค้นหาได้ง่ายบน Google ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแบ่งปันเทคนิคกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างในการค้นหาคำที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณ
- การทำ Keyword Research คืออะไร
- ทำไมการค้นหา Keyword ถึงสำคัญ
- ขั้นตอนการหา Keyword ที่ใช่
- กำหนดเป้าหมายของคุณ
- ทำรายการหมวดหมู่คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- สร้างรายการ Keyword หลักของคุณ
- ศึกษาเจตนาในการค้นหา
- การกำหนด Long-Tail Keywords
- ค้นหาเกี่ยวกับคู่แข่งของคุณ
ทำไมการค้นหา Keyword ถึงสำคัญ
การค้นหาคำที่มีจำนวนการค้นหาปริมาณมากนั้นไม่เพียงพอ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำหลัก SEO ที่ใช้ในคอนเทนต์ของคุณตรงกับแบรนด์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ รวมไปถึงเป็นคำที่ลูกค้าของคุณใช้ในการค้นหาแบรนด์คุณด้วยทำให้การค้นหาคำที่ใช่จึงมีหลายขั้นตอน และผ่านการวิเคราะห์เป็นจำนวนมาก เมื่อคุณได้ Keyword แล้ว คุณจะสามารถสร้างกลยุทธ์ SEO เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณ และที่สำคัญคือการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ให้อยู่อันดับต้นๆ ในการค้นหาเป็นการเพิ่มโอกาสและเพิ่มจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราอีกด้วย
ขั้นตอนการหา Keyword ที่ใช่
ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดเป้าหมายของคุณ
แผนต้องเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายเสมอ แต่ก่อนหน้านั้นคุณควรทบทวนคำถามที่สำคัญเหล่านี้ก่อน เช่น
- คุณคือใคร?
- แบรนด์ของคุณเกี่ยวกับอะไร?
- อะไรที่ทำให้คุณพิเศษ?
- เว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร?
เมื่อคุณได้ตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้ว คุณจะต้องระบุสิ่งที่เป็นภารกิจของแบรนด์ของคุณ ว่าคุณต้องการเพิ่มจำนวนสมาชิกหรือไม่? หรือคุณมีเป้าหมายการขายตามวันที่กำหนดหรือไม่?
สิ่งสำคัญคือการกำหนดเป้าหมายของคุณ เพราะจะเป็นแนวทางสำหรับกลยุทธ์และแผน SEO ของคุณ รวมไปถึง Keyword ค้นหาที่คุณจะใช้ ซึ่งควรสอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ โดยแตกต่างกันไปในแต่ละ Content Funnel
ขั้นตอนที่ 2 : ทำรายการหมวดหมู่คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
การทำรายการคำให้แบ่งตามหมวดหมู่หลักของแบรนด์และเป้าหมายที่คุณตั้งเป้าไว้ โดยแบ่งเป็นกลุ่มหัวข้อย่อยๆ และทำรายการลงมาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ และสิ่งที่คุณต้องการให้ติดอันดับบน Google
ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นแบรนด์ FMCG ที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับสาวๆ หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณอาจเป็น
- โฟมล้างหน้าผู้หญิง
- ผิวกระจ่างใส
- ครีมอาบน้ำ
หัวข้อเหล่านี้จะต้องมีความสำคัญต่อธุรกิจของคุณ และเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ซื้อของคุณ ลองนึกถึงกลุ่มหัวเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายของคุณจะทำการค้นหาบน Google ซึ่งหัวข้อเหล่านี้เราสามารถจัดเก็บเอาไว้และนำมาแยกย่อยเป็นคำหลักได้ในภายหลัง
ขั้นตอนที่ 3: สร้างรายการ Keyword หลักของคุณ
เมื่อคุณแบ่งหมวดหมู่หลักของคุณออกเป็นหัวข้อย่อยต่างๆ แล้วคุณสามารถเริ่มสร้างรายการคำหลักตั้งต้นได้ คำหลักเหล่านี้จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับหัวข้อต่างๆ ของคุณและที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องเป็นคำที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจค้นหาใน Google
คีย์เวิร์ดตั้งต้นมีความสำคัญเนื่องจากจะกลายเป็นรากฐานของการทำ Keyword Research ของคุณ ซึ่งจะนำมาเป็นหลักหรือคำที่อธิบายถึงแบรนด์ของคุณว่าเกี่ยวกับอะไร และใช้ในการวิเคราะห์คู่แข่งของคุณอีกด้วย
หากคุณสงสัยว่าจะหาคำตั้งต้นของแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างไร จริงๆ แล้วง่ายกว่าที่คุณคิดมาก สิ่งที่คุณต้องทำคือ อธิบายถึงสินค้าบริการของคุณออกมาให้ง่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และระดมความคิดว่าคนอื่นๆ จะทำการค้นหาถึงแบรนด์ของคุณบน Google ว่าอย่างไร
ขั้นตอนที่ 4: ศึกษาเจตนาในการค้นหา
Plugin ในการดูคำที่มีการค้นหาสูงเพื่อเพิ่มอันดับในการค้นหาสำหรับหน้าเว็บไซต์ใช้งานได้อย่างดาย แต่มันจะไม่ง่ายอีกต่อไป ซึ่งในวันนี้ AI ของ Google ได้มีการเปรียบเทียบและเรียนรู้คำที่ผู้ใช้งานค้นหากับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการเห็นว่าตรงใจผู้ใช้งานหรือไม่
การค้นหาถึงเจตนาหรือเหตุผลในการค้นหาว่าคำต่างๆ ว่าทำไมผู้คนถึงค้นหาคำที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนมากมายอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมการค้นหาของผู้คน เช่น:
- ทำไมพวกเขาถึงค้นหา?
- พวกเขากำลังค้นหาเพราะพวกเขามีคำถาม และต้องการคำตอบนั้นหรือไม่?
- พวกเขากำลังค้นหาเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่?
- พวกเขากำลังค้นหาเพราะต้องการซื้อของบางอย่างหรือไม่?
เมื่อคุณได้ไอเดียที่ดีในการค้นหาสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของผู้อ่านหรือกลุ่มเป้าหมาย คุณจะสามารถใช้ในการปรับแต่งการทำ Keyword Research การมีรายการคำที่มีการค้นหาสูงที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือหัวข้อของคุณนั้นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่การค้นหาคำที่ตรงกับความตั้งใจในการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายโดยตรงนั้นดีกว่า
ขั้นตอนที่ 5: การกำหนด Long-Tail Keywords
คำหลักที่ตั้งต้นมักจะเป็นข้อความค้นหาที่สั้นกว่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือหมวดหมู่หลักของแบรนด์คุณอย่างใกล้ชิด ในทางกลับกัน Long-Tail Keywords มีความหมายมากกว่าและมักเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวข้อย่อยที่เจาะจงกว่า ทำให้การจับคู่เจตนาของผู้ค้นหาใน Long-Tail Keywords นั้นตรงกับความต้องการได้อย่างเจาะจงกว่า
ขั้นตอนที่ 6 : ค้นหาเกี่ยวกับคู่แข่งของคุณ
การทำ Keyword Research บน Google เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณอาจไม่เพียงพอ นอกจากนี้คุณยังจะต้องสำรวจถึงสิ่งที่คู่แข่งของคุณกำลังทำ ยิ่งคุณเข้าใจคอนเทนต์ในอุตสาหกรรมของคุณได้ดีเท่าไร ก็ยิ่งดีสำหรับ SEO ของคุณเท่านั้น
การทำความเข้าใจถึงความสามารถในการแข่งขันของคำหลักต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถระบุข้อความค้นหาที่อาจจัดอันดับได้ยากเกินไป แต่ที่สำคัญที่สุด คุณจะสามารถค้นหาช่องว่างของโอกาสคำหลักได้ โอกาสเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณค้นหาคำที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับคำหลักของแบรนด์หรือสินค้าในอุตสาหกรรม ซึ่งมีการแข่งขันที่ต่ำลงมาหรือระดับปานกลาง
เมื่อเราได้ทำ Keyword Research ตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วจะทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึกมากพอที่จะนำวางกลยุทธ์ทางเว็บไซต์ คอนเทนต์ และ SEO ได้อย่างแม่นยำและที่สำคัญสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำค้นคว้าข้อมูลนี้อาจใช้เวลา แต่รับรองว่าจะช่วยให้การทำงานและผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว