MSD (Mega Sale Days) ตัวแปรสำคัญ เปลี่ยนพฤติกรรมนักช้อปออนไลน์

Mega Sale Day

ในโลกของการช้อปปิ้งออนไลน์ มีสิ่งที่ทำให้นักช้อปทุกคนต้องหัวใจเต้นรัว นั่นคือมหกรรม “Mega Sale Days” หรือ MSD เทศกาลสุดพิเศษของการช้อปปิ้งที่ได้บุกโจมตีโลกอีคอมเมิร์ซอย่างหนักหน่วง ด้วยการนำเสนอส่วนลดและข้อเสนอสุดพิเศษที่นักช้อปหน้าใหม่หน้าเก่าไม่อาจต้านทานได้พร้อมประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร แต่ Mega Sale Days คืออะไร? และมีผลกระทบต่อนักช้อปออนไลน์อย่างไร วันนี้มาเจาะลึกปรากฏการณ์การค้าปลีกนี้เพื่อค้นหาผลกระทบที่มีต่อผู้บริโภคและธุรกิจอีคอมเมิร์ซกันครับ 

MSD (Mega Sale Days) คืออะไร?

MSD (Mega Sale Days) คืออะไร

MSD (Mega Sale Days) คืออะไร?

ท่ามกลางตลาดอีคอมเมิร์ซที่เฟื่องฟูทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Mega Sale Days เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดโดยผู้ค้าปลีกออนไลน์แพลต์ฟอร์มต่างๆ อย่างในบ้านเราที่คุ้นเคยกันดี เช่น มหกรรม 9.9 , 10.10 โดย Shopee Lazada และ อื่นๆ อีกมากมาย หรือในประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย มหกรรม Mega Sale Days ก็คึกคักไม่แพ้ในบ้านเรา เช่น มหกรรม 11.11 หรือ Double 11 (วันคนโสดจีน) เทศกาลช้อปปิ้งที่ได้แพร่หลายมาถึงบ้านเราและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นเดียวกัน 
 
ส่วนในเกาหลีใต้ก็มีมหกรรม Black Friday ที่แต่เดิมเป็นวันหยุดชอปปิ้งของชาวอเมริกัน แต่ได้แพร่หลายมายังเกาหลีใต้ผ่านอิทธิพลของผู้ค้าปลีกข้ามชาติ ส่วนในสิงคโปร์มีมหกรรม Great Singapore Sale งานค้าปลีกที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่ปี 1994 โดยเป็นเทศกาลช้อปปิ้งประจำปีที่กินเวลานานหลายสัปดาห์ และในอินเดียมีเทศกาลดิวาลีเทศกาลแห่งแสงสีซึ่งเป็นเทศกาลทางวัฒนธรรมและศาสนาที่สำคัญในอินเดียทั้งยังกลายเป็นฤดูการชอปปิ้งที่สำคัญด้วยผู้ค้าปลีกและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เสนอส่วนลดและโปรโมชั่นมากมายเพื่อเอาใจนักช้อปแดนภารตะ 
 
สิ่งที่เหมือนกันของมหกรรม Mega Sale Days ในแต่ละชาติ คือ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนมีความโดดเด่นด้วยส่วนลด โปรโมชั่น และข้อเสนอมากมายจากผู้ค้าปลีก และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ทั้งนี้ก็เพื่อการกระตุ้นยอดขาย ดึงดูดลูกค้าใหม่ ตลอดจนรักษาลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ซึ่งมหกรรมลดราคาเหล่านี้มักมีระยะเวลาจำกัด ตั้งแต่วันเดียวไปจนถึงสองสามสัปดาห์ โดยข้อมูลล่าสุดจาก Business Marketing Research and Intelligence โดยทีม Meta หรือ Facebook ได้เปิดเผยผลการศึกษาใน 31 ประเทศ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของนักช้อปกับมหกรรม Mega Sale Days ซึ่งผลการศึกษาพบว่า นักช้อปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำของโลกในแง่ของอัตราการมีส่วนร่วมในแคมเปญ Mega Sale Days ที่ 83% ตรงข้ามกับอัตราเฉลี่ยทั่วโลกที่ 69% โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักช้อปในประเทศไทยนั้น มีอัตราการมีส่วนร่วมในมหกรรมนี้สูงถึง 91% เลยทีเดียวครับ

ประโยชน์ของ MSD ต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ประโยชน์ของ MSD (Mega Sale Days)

ประโยชน์ของ MSD ต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

 Mega Sale Days เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายที่โดดเด่นด้วยส่วนลด และข้อเสนอพิเศษต่างๆ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์สำหรับธุรกิจทุกขนาดและในอุตสาหกรรมต่างๆ Mega Sales Days ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของเทศกาลช้อปปิ้งในเอเชียแปซิฟิก (Apac) รวมทั้งในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเกิดจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค กิจกรรมการขายนี้ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมถึงวันหยุดประจำ และเทศกาลขายแบบรายเดือน อาทิ 9.9, 10.10 และ 11.11 รวมถึงเทศกาลช้อปปิ้งสิ้นปี เรียกได้ว่าเปิดโอกาสให้แบรนด์และผู้ค้าปลีกดึงดูดลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันกันอย่างคึกคัก ต่อไปเราจะมาสำรวจข้อดีหลายประการของแคมเปญ Mega Sale Days กันครับ
 

1. รายได้ที่เพิ่มขึ้น

เป้าหมายหลักของธุรกิจใดๆ ก็ตาม คือการสร้างรายได้ และวันที่มียอดขายมหาศาลเป็นโอกาสพิเศษในการบรรลุเป้าหมายนี้ ด้วยการเสนอส่วนลดจำนวนมากสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันให้ซื้อสินค้าที่พวกเขาอาจยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อ ปริมาณการทำธุรกรรมที่แท้จริงในระหว่างเหตุการณ์เหล่านี้สามารถนำไปสู่การเพิ่มรายได้อย่างมาก ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถบรรลุเป้าหมายในการขายและปรับปรุงสภาวะทางการเงินของพวกเขาได้
 

2. โอกาสในการเคลียร์สินค้าคงคลัง

การจัดการสินค้าคงคลังเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเวลาผ่านไป ผลิตภัณฑ์อาจสะสมอยู่ในคลังสินค้าและอาจล้าสมัย ซึ่งเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ ถือเป็นช่องทางที่ดีเยี่ยมในการเคลียร์สินค้าคงคลังส่วนเกิน การเสนอส่วนลดสำหรับสินค้าที่ขายไม่ออกหรือขายไม่ดีสามารถช่วยให้ธุรกิจเพิ่มพื้นที่ว่างอันมีค่าในชั้นวาง ลดต้นทุนการบรรทุก และลดความเสี่ยงของการสูญเสียเนื่องจากสินค้าที่ขายไม่ออก
 

3. การดึงดูดลูกค้าใหม่

วันลดราคาครั้งใหญ่สร้างกระแสที่สำคัญและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่กระตือรือร้นในการมองหาข้อเสนอและส่วนลดต่างๆ การมองเห็นที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถนำไปสู่การหลั่งไหลของลูกค้าใหม่ที่อาจไม่เคยรู้จักธุรกิจของคุณมาก่อน เมื่อลูกค้าเหล่านี้ได้สัมผัสกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแล้ว พวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกค้าประจำของคุณได้แม้ว่าจะสิ้นสุดวันลดราคาครั้งใหญ่ไปแล้วก็ตาม
 

4. ส่งเสริมการรับรู้ถึงแบรนด์

การเข้าร่วม Mega Sale Days ถือเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ ด้วยการโปรโมตธุรกิจของคุณผ่านช่องทางต่างๆ คุณจะสามารถเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ของคุณและเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างขึ้น นอกจากนี้ การมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งเชิงบวกและการบริการลูกค้าที่เป็นเลิศในช่วงวันลดราคาครั้งใหญ่นั้นสามารถสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับลูกค้า โดยกระตุ้นให้พวกเขากลับมาและแนะนำธุรกิจของคุณแก่ผู้อื่นต่อไป
 

5. การรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

วันลดราคาครั้งใหญ่มักทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องรวบรวมข้อมูลของลูกค้า เช่น ที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อนำเสนอโปรโมชันและข้อเสนอพิเศษ ซึ่งข้อมูลนี้มีประโยชน์สำหรับการทำการตลาดในอนาคต นอกจากนี้ การไหลเข้าของลูกค้าในช่วงวันลดราคาครั้งใหญ่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกหรือ Insight อันมีค่าเกี่ยวกับความชอบของผู้บริโภค พฤติกรรมการซื้อ และความนิยมของผลิตภัณฑ์ โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับสินค้าคงคลังและกลยุทธ์การตลาดในอนาคต
 

6. การส่งเสริมความภักดีของลูกค้า 

แม้ว่าวันลดราคาครั้งใหญ่จะดีในแง่ของการดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ได้อีกด้วย การเสนอส่วนลดหรือสิทธิพิเศษพิเศษให้กับลูกค้าประจำในระหว่างกิจกรรมเหล่านี้สามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจของคุณและผู้สนับสนุนหลักได้ โปรแกรมสะสมคะแนนและข้อเสนอพิเศษสามารถจูงใจให้เกิดการซื้อซ้ำ และช่วยให้มั่นใจได้ว่าฐานลูกค้าของคุณจะยังคงมีส่วนร่วมกับคุณตลอดทั้งปี
 

7. ความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง แน่นอนว่าการก้าวนำหน้าคู่แข่งสำคัญเสมอ การเข้าร่วม Mega Sale Days จะทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ด้วยการดึงพวกเขาออกจากคู่แข่ง ซึ่งความสามารถในการเสนอราคาที่ไม่มีใครเทียบได้ และความคุ้มค่าที่โดดเด่นสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณแข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมของคุณได้

ผลกระทบของ MSD ต่อนักช้อปออนไลน์

ผลกระทบของ MSD (Mega Sale Days)
 
อีคอมเมิร์ซได้ปฏิวัติวิธีการซื้อสินค้าของผู้คน ด้วยความสะดวกยิ่งขึ้นกว่าที่เคย ทั้งยังได้กำหนดนิยามใหม่ๆ ของพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ นั่นก็คือ Mega Sale Days (กิจกรรมพิเศษนี้ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางการช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้คน ในส่วนนี้เราจะมาเจาะลึกถึงความสำคัญของ Mega Sale Days และวิธีที่ มันมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของนักช้อปออนไลน์กันครับ 
 

พลังแห่ง Mega Sale Days

Mega Sale Days เป็นกิจกรรมประจำปีหรือรายครึ่งปีที่มีส่วนลดมากมาย ข้อเสนอสุดพิเศษ และข้อเสนอในเวลาจำกัด แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเพียงลูกเล่นทางการตลาด แต่กิจกรรมการขายเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก 

1. ความเร่งด่วนและ FOMO 

MSD สร้างความรู้สึกถึงความเร่งด่วนในหมู่ผู้ซื้อ ข้อเสนอที่มีเวลาจำกัดและตัวจับเวลานับถอยหลังทำให้เกิดความกลัวที่จะพลาด กระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้ออย่างหุนหันพลันแล่น ความเร่งด่วนนี้สามารถเร่งกระบวนการซื้อได้อย่างมาก

2. ทำให้มีการซื้อจำนวนมาก

Mega Sale Days กระตุ้นให้เกิดการซื้อจำนวนมาก ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหลายรายการในการทำธุรกรรมครั้งเดียวเพื่อประหยัดเงินได้สูงสุด ซึ่งในท้ายที่สุดผู้ค้าปลีกจะได้รับประโยชน์จากมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงกิจกรรมเหล่านี้  นอกจากนี้ นักช้อปย่อมมีความอ่อนไหวต่อราคา โดยเฉพาะในช่วง Mega Sale Days พวกเขามักกระตือรือร้นหาส่วนลดและเปรียบเทียบราคาในแพลตฟอร์มต่างๆ ความละเอียดอ่อนที่เพิ่มขึ้นนี้มักจะนำไปสู่ปริมาณการขายที่สูงขึ้น เนื่องจากลูกค้ารู้สึกว่าตนได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าช่วงเวลาปกติ

3. การจับจ่ายโดยใช้อารมณ์

นักช้อปมักประสบกับอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นในช่วง MSD ความตื่นเต้นในการค้นหาสินค้าดีๆ หรือความพึงพอใจในการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นที่ต้องการอย่างมากสามารถสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์เชิงบวก ซึ่งตอกย้ำความปรารถนาที่จะซื้อสินค้า4. การวางแผนล่วงหน้า ผู้บริโภคจำนวนมากวางแผนการซื้อในช่วง Mega Sale Days พวกเขาค้นคว้าผลิตภัณฑ์ สร้างรายการความปรารถนา และคาดการณ์เหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้น ขั้นตอนการวางแผนนี้ช่วยให้ผู้ค้าปลีกมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เนิ่นๆ สร้างความคาดหวังและความภักดีต่อแบรนด์

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักช้อป 

แคมเปญลดราคาครั้งใหญ่ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การค้าปลีก โดยผลักดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างนิสัยการช้อปปิ้ง นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ผู้ค้าปลีกนำกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นนวัตกรรมมาใช้และขยายการนำเสนอทางออนไลน์เพื่อตอบสนองความต้องการการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น อิทธิพลของ Mega Sale Days ต่อพฤติกรรมของนักช้อปออนไลน์นั้นปรากฏชัดในประเด็นสำคัญหลายประการ ได้แก่

 

4. ขยายระยะเวลาการจับจ่าย

แคมเปญ MSD มักกินเวลาเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ส่งผลให้ระยะเวลาการจับจ่ายของนักช้อปยาวนานขึ้น ส่วนขยายนี้สามารถนำไปสู่ยอดขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีเวลามากขึ้นในการสำรวจข้อเสนอและตัดสินใจซื้อ

 

5. การชอปปิ้งหลายแพลตฟอร์ม

นักช้อปมักเข้าชมแพลตฟอร์มออนไลน์หลายแห่งในช่วง MSD เพื่อเปรียบเทียบราคา ความพร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และตัวเลือกในการจัดส่ง พฤติกรรมนี้บังคับให้ผู้ค้าปลีกเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงตนทางออนไลน์และเสนอข้อตกลงที่แข่งขันได้เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า

 

6. การตั้งค่าผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไป

ประเภทผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคซื้อในช่วง MSD อาจแตกต่างจากรูปแบบการซื้อปกติ พวกเขาอาจจัดลำดับความสำคัญของสินค้าราคาสูง เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าฟุ่มเฟือย เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับส่วนลดมากที่สุดในช่วงกิจกรรมเหล่านี้

 

7. การมีส่วนร่วมหลัง MSD

หลังจากงาน Mega Sale Day สิ้นสุดลง ผู้บริโภคยังคงมีส่วนร่วมกับแบรนด์ต่อไป พวกเขาแสดงความคิดเห็น แบ่งปันการซื้อของพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย และสมัครรับจดหมายข่าวเพื่อรับโปรโมชั่นในอนาคต ซึ่งจะขยายผลกระทบของกิจกรรม

 

กลยุทธ์แคมเปญ MSD ที่มีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์ MSD (Mega Sale Days)
การสร้างกลยุทธ์แคมเปญ Mega Sale Day ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ตลอดจนความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย และ การใช้ช่องทางการตลาดต่างๆ ซึ่งต่อไปนี้คือตัวอย่างบางประการของกลยุทธ์ MSD ที่มีประสิทธิภาพครับ
 

1. วางแผนล่วงหน้า

แน่นอนว่าขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการบรรลุยอดขายระดับเมกะที่ประสบความสำเร็จคือการวางแผนล่วงหน้า ธุรกิจต่างๆ ควรเริ่มต้นกระบวนการวางแผนล่วงหน้าหลายเดือนเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่ครอบคลุม รักษาความปลอดภัยสินค้าคงคลัง และเตรียมเว็บไซต์เพื่อรองรับปริมาณการเข้าชมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระบวนการวางแผนนี้ควรรวมถึงการกำหนดเป้าหมาย การสร้างปฏิทินส่งเสริมการขาย และการตัดสินใจเกี่ยวกับส่วนลดและข้อเสนอที่จะสามารถใช้ได้ระหว่างการขาย ตัวอย่างที่ดีของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ยอดเยี่ยมในการวางแผนล่วงหน้าสำหรับวันที่มียอดขายมหาศาล Shopee และ Lazada จะเปิดตัวแคมเปญการตลาดแบบหลายช่องทางที่ครอบคลุม

 
ซึ่งรวมถึงการผสมผสานระหว่างการตลาดบนโซเชียลมีเดีย พันธมิตรที่มีอิทธิพล การตลาดผ่านอีเมล และการโฆษณาดิจิทัลเพื่อเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างและสร้างความสนใจของผู้บริโภคให้มองหาข้อเสนอและส่วนลด
 
ขณะเดียวกันพวกเขาจะร่วมมือกับธุรกิจต่างๆ เพื่อเสนอข้อเสนอและโปรโมชั่นสุดพิเศษ ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ Shopee ได้ร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายระดับพรีเมียมของ Apple เช่น Machines, Switch และ TMT Thunder ในงาน Apple Super Brand Days เพื่อเสนอส่วนลดสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple เช่น iPhone, iPads, MacBooks และอีกมากมาย แบนเนอร์โปรโมชันที่เกี่ยวข้องจะแสดงอย่างเด่นชัดในหน้าแรกของแถบเลื่อนหน้าแรกของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยมียอดขายแฟลชในระยะเวลาจำกัดสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เป็นต้น
 

2. ปลูกฝังความรู้สึกเร่งด่วน

ประเด็นหลักที่เห็นได้อย่างชัดเจน ในแคมเปญ Mega Sales Days ของแต่ละเจ้า คือ การสร้างความรู้สึกเร่งด่วน กิจกรรมลดราคาเหล่านี้ขึ้นชื่อในเรื่องข้อเสนอสุดพิเศษในเวลาจำกัดที่มอบให้กับนักล่าดีล สิ่งสำคัญคือครีเอทีฟโฆษณา Mega Sales ต้องใช้ประโยชน์จากธีมนี้ เพื่อขยายความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการโดยใส่ข้อความที่น่าสนใจและภาพประกอบภายในโฆษณาของคุณ หากใช้โฆษณาวิดีโอ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสร้างความเร่งด่วนตั้งแต่ต้น เช่น เริ่มต้นโฆษณาด้วยข้อความที่เป็นตัวหนา “อย่าพลาด” หรือ “มีเวลาจำกัด” จากนั้นสามารถสำรองข้อมูลด้วยภาพผ่านการเว้นจังหวะที่รวดเร็ว การเปลี่ยนภาพแบบไดนามิก และ คำที่กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ (CTA)
 
ประโยชน์หลักประการหนึ่งของวันที่มียอดขายมหาศาลคือความรู้สึกเร่งด่วนที่พวกเขาสร้างขึ้นในตัวนักช้อป ลูกค้าทราบดีว่าการลดราคาเหล่านี้มีให้บริการในระยะเวลาจำกัดเท่านั้น และพวกเขาต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากส่วนลด ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถเพิ่มความรู้สึกเร่งด่วนนี้ได้ด้วยการสร้างนาฬิกานับถอยหลังบนเว็บไซต์ เสนอข้อเสนอที่มีเวลาจำกัด และเน้นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว
 
มหกรรม 11.11 Big Sale ของลาซาด้า และช้อปปี้ ได้รับความสนใจจากผู้คนนับล้านทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ พวกเขามักจะสร้างความฮือฮาและความตื่นเต้นให้กับงาน 11.11 Big Sale ด้วยการสร้างทีเซอร์แคมเปญช่วงต้นสัปดาห์ก่อนวันงานดังกล่าว ตั้งแต่โซเชียลมีเดีย การตลาดทางอีเมล และการโฆษณาดิจิทัล ไปจนถึงการแจ้งเตือนในแอป ข้อความแจ้งเหล่านี้สร้างความรู้สึกเร่งด่วนและกระตุ้นให้ผู้บริโภคบันทึกวันที่และใส่สินค้าลงในตะกร้าสินค้าแล้วซื้อในวันที่มีงาน
 

3. เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และแอปมือถือ

จำนวนวันที่มียอดขายมหาศาลสามารถสร้างความตึงเครียดให้กับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและแอปมือถือ ทำให้โหลดได้ช้าและขัดข้องเนื่องจากการเข้าชมและการค้นหาที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์และแอปมือถือสามารถรองรับปริมาณการเข้าชมที่เพิ่มขึ้นได้ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรเพิ่มประสิทธิภาพไซต์ของตนโดยใช้เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) บีบอัดรูปภาพและสื่ออื่นๆ และใช้งานแคช
 
Shopify เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์สำหรับวันที่มียอดขายมหาศาล ในช่วงเทศกาลลดราคา Black Friday ปี 2020 ผู้ขายของ Shopify ได้ประมวลผลยอดขายมากกว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มสามารถรองรับปริมาณนี้ได้ Shopify จึงเพิ่มประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์และนำ CDN มาใช้เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลด
 
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada และ Shopee ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และแอปมือถือของตนเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ช้อปปี้ให้ความสำคัญกับการช้อปปิ้งบนมือถือและแอปได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อการเรียกดู ค้นหา และจัดซื้อที่รวดเร็วและง่ายดาย ตอบสนองผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชื่นชอบการค้าบนมือถือ อินโดนีเซียมีอัตราการเจาะระบบอีคอมเมิร์ซบนมือถือสูงที่สุดในโลก ในขณะที่ประเทศไทยเป็นแชมป์ในด้านการเจาะระบบธนาคารบนมือถือ สิ่งนี้บ่งชี้ว่าบริษัทควรรักษาความเป็นมิตรต่อผู้ใช้เมื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และแอปมือถือของตน
 

4. โซลูชั่นการชำระเงินและลอจิสติกส์ที่น่าเชื่อถือ

แน่นอนว่าหากบริษัทของคุณไม่สามารถจัดหาโซลูชันในการชำระเงินที่แข็งแกร่งที่สามารถรองรับธุรกรรมปริมาณมหาศาลได้ ตลอดจนรับรองรับคำสั่งซื้อและการจัดส่งอย่างทันท่วงทีในช่วงที่มียอดขายมหาศาล จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ เช่น ลูกค้าผิดหวัง สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของแบรนด์ และสูญเสียโอกาสในการขาย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ผู้ค้าปลีกออนไลน์จะต้องลงทุนอย่างเพียงพอในระบบประมวลผลการชำระเงินที่เชื่อถือได้ และรักษาการดำเนินงานด้านลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าและการสร้างรายได้
 

5. ไลฟ์สตรีมมิง 

การสตรีมสด ได้กลายเป็นเครื่องมือการตลาดแบบไดนามิกที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ด้วยการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเช่น YouTube, Facebook Live บริษัทต่างๆ จึงสามารถมอบประสบการณ์เชิงโต้ตอบและดื่มด่ำที่ดึงดูดผู้ชมได้ ในช่วงที่มียอดขายมหาศาล คุณสามารถใช้สตรีมมิงแบบสดเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์สุดพิเศษ สาธิตคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ และจัดช่วงถามตอบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม การออกอากาศเหล่านี้สร้างความรู้สึกตื่นเต้น เนื่องจากลูกค้าสามารถรับชมและมีส่วนร่วมในกิจกรรมได้แบบเสมือนจริง เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสร้างความคาดหวังสำหรับวันขายครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
 
Nike ซึ่งเป็นแบรนด์ชุดกีฬาชั้นนำใช้การสตรีมสดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างกระแสและมีส่วนร่วมกับลูกค้าในระหว่างงานเปิดตัวรองเท้าผ้าใบที่ทุกคนตั้งตารอคอย ในปี 2022 Nike ได้เปิดตัวกิจกรรมสตรีมสด “Nike Air Max Day” ซึ่งเปิดตัวรองเท้าผ้าใบดีไซน์ใหม่และมอบส่วนลดสุดพิเศษในระยะเวลาจำกัด สตรีมสดช่วยให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์งานแบบเรียลไทม์ โต้ตอบกับตัวแทนของ Nike และดูผลิตภัณฑ์เด่นอย่างใกล้ชิด วิธีการแบบโต้ตอบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกเร่งด่วนและความตื่นเต้น ซึ่งนำไปสู่การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการคาดหวังสำหรับการเปิดตัวที่กำลังจะมาถึง กิจกรรมสตรีมแบบสดมียอดดูหลายล้านครั้งและช่วยเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญในวันที่มียอดขายมหาศาล
 

6. การตลาดแบบพันธมิตร

การตลาดแบบพันธมิตร หรือ Affiliate Program ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมและเพิ่มยอดขาย ด้วยการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดแบบพันธมิตร ธุรกิจจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายและใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของตนเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ในช่วง Mega Sale Days ตัวแปรสำคัญ เปลี่ยนพฤติกรรมนักช้อปออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์สามารถสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น บทวิจารณ์ผลิตภัณฑ์ วิดีโอแกะกล่องผลิตภัณฑ์ หรือคำรับรองส่วนตัวที่เน้นข้อเสนอที่ไม่ซ้ำใครและข้อเสนอพิเศษที่ลูกค้าคาดหวังได้ในระหว่างงาน การรับรองที่แท้จริงและความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ชมสร้างความไว้วางใจ และความอยากรู้อยากเห็น กระตุ้นการเข้าชม และเพิ่มการเข้าถึงโดยรวมของแคมเปญวันลดราคาครั้งใหญ่ นอกจากนี้ การใช้โปรแกรม Affiliate ยังช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถจูงใจผู้มีอิทธิพลได้โดยเสนอค่าคอมมิชชันสำหรับการขายแต่ละครั้งที่สร้างขึ้นผ่านลิงก์ Affiliate ที่เป็นเอกลักษณ์ กระตุ้นให้พวกเขาโปรโมตกิจกรรมอย่างแข็งขันอีกด้วย
 
ยกตัวอย่าง โปรแกรม Affiliate ของ Sephora (Beauty Insider) แหล่งรวมเมคอัพ สกินแคร์ แฮร์แคร์ และไอเทมความงามชื่อดังจากทั่วโลกได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการตลาดแบบพันธมิตรในการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมและการเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมการขายครั้งใหญ่ ยกตัวอย่างแบรนด์ Sephora สนับสนุนให้อินฟลูเอนเซอร์โปรโมตผลิตภัณฑ์และข้อเสนอสุดพิเศษแก่ผู้ชมผ่านการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงาม โดยรับค่าคอมมิชชันผ่านลิงก์พันธมิตร การแบ่งปันคำแนะนำ บทแนะนำ และการสาธิตผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มต่างๆ  ทำให้เกิดความตื่นเต้นและความคาดหวัง
 
การตลาดแบบพันธมิตรนี้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ที่เชื่อถือได้ โดยใช้ประโยชน์จากความน่าเชื่อถือเพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ คอนเวอร์ชั่น และยอดขายในช่วงงานมหกรรมลดราคาครั้งใหญ่ ความสำเร็จในการใช้การตลาดแบบพันธมิตรของ Sephora แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือจากอินฟลูเอนเซอร์ในการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมและเพิ่มยอดขาย
 

7. ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียช่วยโปรโมต

นักช้อป Mega Sale ส่วนใหญ่ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาสินค้าที่พวกเขาต้องการ และแม้กระทั่งสินค้าใหม่ๆ และส่วนใหญ่ก็เป็นนักช้อปออนไลน์ครั้งแรกเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่ธุรกิจของคุณต้องใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้สำหรับผู้ใช้ใหม่และผู้ใช้ปัจจุบัน วิดีโอหรือเรื่องราวแบบสั้นใน Instagram หรือ Tiktok สามารถเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการบรรลุเป้าหมายนี้ได้
 
เนื้อหาแบบวิดีโออาจมีข้อมูลซึ่งช่วยให้ลูกค้าใหม่เข้าใจผลิตภัณฑ์ของคุณได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานร่วมกับผู้มีอิทธิพลที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากผู้ซื้อชอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยผู้สร้างที่แท้จริงมากกว่าเนื้อหาทั่วไปที่สร้างโดยแบรนด์
 
 

สรุป

 
กิจกรรม Mega Sales ได้กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญในอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งธุรกิจต่างๆ สามารถปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อให้ประสบความสำเร็จระหว่างดำเนินแคมเปญ เพื่อดึงดูดและรักษาลูกค้า เพิ่มรายได้ และเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์ การใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีไม่เพียงแต่รับประกันผลตอบแทนทางการเงินสำหรับผู้ค้าเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์การซื้อเชิงบวกและสนุกสนานให้กับลูกค้าอีกด้วย สุดท้ายนี้ Mega sale days นั้นเป็นมากกว่าโอกาสในการลดราคา เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ ด้วยการเพิ่มรายได้ เคลียร์สินค้าคงคลัง ดึงดูดลูก ค้าใหม่ เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ รวบรวมข้อมูลอันมีค่า ส่งเสริมความภักดีของลูกค้า และเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน ธุรกิจต่างๆ สามารถเจริญเติบโตได้ในตลาดที่มีพลวัตในปัจจุบัน การยอมรับกิจกรรมเหล่านี้และการวางแผนเชิงกลยุทธ์สามารถนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับฐานลูกค้าของคุณ
 
 
แหล่งที่มา :
 
 
 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *