บอกต่อ 10 เทคนิค ขายของ บนช่องทางออนไลน์ให้ปัง! (ฉบับปี 2024)

ขายของออนไลน์
ขายของ – ทุกวันนี้ผู้คนชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์ที่แสนจะง่ายดาย หากจะว่าไปแล้วหลายคนอาจมองว่ามันเป็นเสมือนงานอดิเรกที่สนุกสนาน แต่สำหรับธุรกิจถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เชื่อว่าคุณอาจเคยประสบปัญหาต่างๆ ในการทำธุรกิจของคุณ อาทิ ยอดขายไม่ดีตามคาดหวัง ทั้งๆ ที่คุณอาจลองทำทุกอย่างเพื่อการเพิ่มยอดขายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา ใช้อินฟลูเอนเซอร์แต่ก็ยังไม่โดนใจลูกค้า ซึ่งหากคุณกำลังรู้สึกมืดแปดด้านไม่ต้องกังวลใจไปครับ! วันนี้ Talka เรามีเคล็ดลับบางอย่างรอคุณอยู่ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายของออนไลน์ให้คุณได้อย่างแน่นอนครับ
 

ทำไมยุคนี้ต้อง ขายของ ออนไลน์

ทำไมต้องขายของออนไลน์

ก่อนอื่นเลย สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าการขายของ หรือการขายสินค้าออนไลน์นั้นจะสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณได้มากน้อยแค่ไหน ต้องอ่านครับ เนื่องจากการขายของออนไลน์สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณผ่านช่องทางต่างๆ สิ่งที่ได้เปรียบการขายแบบมีหน้าร้านคือ คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าที่อยู่เหนือขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการขายและแหล่งรายได้ นอกจากนี้ ต้นทุนค่าโสหุ้ยที่ลดลงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจออนไลน์ เช่น ค่าเช่า และค่าพนักงานที่ลดลง อาจทำให้อัตรากำไรสูงขึ้นได้นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับขนาดของการขายออนไลน์ยังช่วยให้คุณขยายธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ทางกายภาพครับที่สำคัญ ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ที่มีประสิทธิภาพ คุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายและการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเพิ่มรายได้ของคุณอย่างไม่รู้จบนอกจากนี้ ความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจออนไลน์ช่วยให้คุณสามารถปรับตัวเข้ากับแนวโน้มของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดความมั่นใจในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนเมื่อเวลาผ่านไป อินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติวิธีที่เราซื้อขายสินค้า ทำให้การเป็นผู้ประกอบการออนไลน์เป็นเส้นทางสู่ความมั่งคั่งในยุคปัจจุบัน ด้วยการควบคุมพลังของการขายออนไลน์ คุณจะสามารถเข้าถึงตลาดโลก เพิ่มประสิทธิภาพ และใช้ประโยชน์จากแนวโน้มผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อบรรลุความสำเร็จทางการเงิน

ช่องทางการ ขายของ ออนไลน์ในปัจจุบัน

ช่องทางการขายของออนไลน์
ในยุคนี้ช่องทางการขายของบนช่องทางออนไลน์นั้นมีอยู่หลากหลายช่องทาง ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์รูปแบบธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือช่องทางที่สำคัญบางส่วนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันครับ
 

1. แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee เป็นตลาดกลาง (Market Place) ที่กว้างขวางซึ่งคุณสามารถลงรายการและขายผลิตภัณฑ์ของคุณได้ ที่สำคัญ แพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้ยังนำเสนอโซลูชันการรับส่งข้อมูล การประมวลผลการชำระเงิน และการจัดส่งในตัว ซึ่งทำให้ผู้ขายสามารถเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างได้ง่ายขึ้น
 

2. แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ Pinterest นำเสนอฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Facebook Marketplace, Instagram Shopping และ Pinterest Buyable Pins ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงและขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ใช้โดยตรงภายในสภาพแวดล้อมโซเชียลเน็ตเวิร์ก ความได้เปรียบของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นบริการออนไลน์หรือเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างและแบ่งปันเนื้อหา เชื่อมต่อกับผู้ใช้รายอื่น และมีส่วนร่วมในเครือข่ายโซเชียล แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้บุคคลและองค์กรสามารถโต้ตอบ สื่อสาร และแบ่งปันเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และลิงก์ เป็นต้น

 
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ขายสามารถขายของ ขายสินค้าหรือบริการต่างๆ ด้วยการสตรีมสด (Live Streaming) หรือการใช้กลยุทธ์การขายที่ผู้ขายโปรโมตและขายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้กับลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่านการสตรีมวิดีโอสดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิงสดโดยเฉพาะ แนวทางนี้ช่วยให้ผู้ขายสามารถแสดงผลิตภัณฑ์ โต้ตอบกับผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ตอบคำถาม และประมวลผลธุรกรรมทั้งหมดในขณะที่ถ่ายทอดสด ซึ่งการขายสดสามารถมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบอินเทอร์แอคทีฟ และมีส่วนร่วมมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการช้อปปิ้งออนไลน์แบบดั้งเดิม เนื่องจากลูกค้าสามารถถามคำถามและรับคำตอบจากผู้ขายได้ทันทีในระหว่างการถ่ายทอดสด นอกจากนี้การขายออนไลน์แบบไลฟ์สดยังสร้างความรู้สึกเร่งด่วนและความพิเศษ เนื่องจากผู้ชมอาจมีโอกาสซื้อสินค้าที่มีข้อจำกัดหรือสิทธิพิเศษเฉพาะระหว่างการสตรีมสดเท่านั้น เป็นต้น
 

3. เว็บไซต์ของคุณเอง

การสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณเองช่วยให้คุณควบคุมแบรนด์และประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ แพลตฟอร์มเช่น Shopify, WooCommerce และ BigCommerce นำเสนอเครื่องมือที่ใช้งานง่ายสำหรับการสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ พร้อมด้วยตัวเลือกการออกแบบที่ปรับแต่งได้และเกตเวย์การชำระเงินแบบรวม เป็นต้น
 

ประโยชน์ของการขายของออนไลน์

ประโยชน์ของการขายของออนไลน์
 
ในส่วนนี้เราจะขยายประโยชน์จากการขายของออนไลน์บางประเด็นที่ได้กล่าวถึงไปในส่วนแรกให้ชัดเจนขึ้นนะครับ แน่นอนว่าการขายออนไลน์ให้ประโยชน์มากมายแก่ธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งประโยชน์หลักบางประการ ได้แก่
 

1. การเข้าถึงที่เพิ่มขึ้น

การขายออนไลน์ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกโดยไม่มีข้อจำกัดด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ การเข้าถึงที่ขยายออกไปนี้สามารถนำไปสู่การเพิ่มการมองเห็นแบรนด์และฐานลูกค้าที่มีศักยภาพ
 

2. ความสะดวกสบาย

ทั้งธุรกิจ และผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายในการขายออนไลน์ ลูกค้าสามารถเรียกดูและซื้อสินค้าหรือบริการได้จากทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านค้าจริง ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจต่างๆ สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาทำการของร้านค้าแบบเดิมๆ
 

3. ความคุ้มค่า

การตั้งค่าและบำรุงรักษาร้านค้าออนไลน์มักจะคุ้มค่ากว่าการสร้างร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง ช่วยให้ผู้ขายออนไลน์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ  อาทิ ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และค่าจ้างพนักงาน ซึ่งอาจส่งผลให้อัตรากำไรสูงขึ้น
 

4. การตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย

การขายออนไลน์ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูล และกลยุทธ์การตลาดแบบกำหนดเป้าหมายเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับแต่งข้อความทางการตลาดและโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการและความชอบของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
 

5. ค่าใช้จ่ายที่ลดลง

การขายออนไลน์โดยทั่วไปมีต้นทุนค่าโสหุ้ยน้อยกว่าค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับการดำเนินธุรกิจค้าปลีกแบบเดิมๆ ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับปรุงการจัดการสินค้าคงคลัง ประมวลผลคำสั่งซื้อได้โดยอัตโนมัติ และลดความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทางกายภาพ ซึ่งนำไปสู่การประหยัดต้นทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม
 

6. ความสามารถในการปรับขนาด

การขายออนไลน์มีความสามารถในการปรับขนาดได้ ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการดำเนินงานได้อย่างง่ายดายตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ด้วยความสามารถในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากขึ้นและปรับตัวตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจต่างๆ จะสามารถขยายการแสดงตนทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
 

7. ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

การขายออนไลน์ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า ความชอบ และรูปแบบการซื้อ ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่สูงขึ้นในท้ายที่สุด
 

8. ความยืดหยุ่น

การขายออนไลน์ให้ความยืดหยุ่นสำหรับทั้งธุรกิจและผู้บริโภค ผู้ขายสามารถอัปเดตรายการผลิตภัณฑ์ ปรับราคา และใช้แคมเปญส่งเสริมการขายแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าตามจังหวะและความสะดวกของตนเอง
 
โดยรวมแล้วการขายออนไลน์เปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เพิ่มยอดขาย และปรับปรุงประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็มอบความสะดวกสบาย ทางเลือก และประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวแก่ผู้บริโภค
 

10 วิธีทำความเข้าใจลูกค้า ก่อนขายออนไลน์

10 วิธีทำความเข้าใจลูกค้า
 
ก่อนที่เราจะไปเข้าเรื่องเทคนิคในการเพิ่มยอดขายของออนไลน์ การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันสำหรับการขายออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญที่คุณควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนครับ
 

1. ข้อมูลประชากร

เริ่มต้นด้วยการระบุข้อมูลประชากรพื้นฐานของกลุ่มเป้าหมายของคุณ อาทิ อายุ เพศ สถานที่ ระดับรายได้ ระดับการศึกษา อาชีพ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยในการสร้างโปรไฟล์ของลูกค้าทั่วไปของคุณ
 

2. จิตวิทยา

เจาะลึกแง่มุมทางจิตวิทยาของผู้ฟังของคุณ เข้าใจไลฟ์สไตล์ ความสนใจ ค่านิยม ทัศนคติ และพฤติกรรมของพวกเขา ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณปรับแต่งข้อความทางการตลาดและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความชอบและความเชื่อของพวกเขา
 

3. ความต้องการและปัญหาของลูกค้า

ระบุความต้องการ ความปรารถนา และจุดเจ็บปวดของกลุ่มเป้าหมายของคุณ พวกเขากำลังพยายามแก้ไขปัญหาอะไร? เป้าหมายและแรงบันดาลใจของพวกเขาคืออะไร? ด้วยการทำความเข้าใจความท้าทายและแรงจูงใจ คุณจะสามารถวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของพวกเขาได้
 

4. รูปแบบพฤติกรรม

วิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์ของกลุ่มเป้าหมายของคุณ พวกเขาใช้เวลาออนไลน์ที่ไหน? พวกเขาใช้แพลตฟอร์มและช่องทางโซเชียลมีเดียใดบ้าง? พวกเขาค้นหาคำหลักหรือคีย์เวิร์ดอะไร? การทำความเข้าใจพฤติกรรมออนไลน์ของพวกเขาจะช่วยให้คุณเลือกช่องทางที่เหมาะสมสำหรับการตลาดและการมีส่วนร่วม
 

5. คำติชมและบทวิจารณ์

ให้ความสำคัญกับคำติชมของลูกค้า อาทิ  รีวิว บทวิจารณ์ และความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณหรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันในตลาด ข้อมูลเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ชมของคุณชอบหรือไม่ชอบเกี่ยวกับข้อเสนอที่มีอยู่และสิ่งที่พวกเขาต้องการการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่คุณจะสามารถหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้
 

6. การวิเคราะห์คู่แข่ง

ศึกษาคู่แข่งและฐานลูกค้าของพวกเขา วิเคราะห์กลยุทธ์ทางการตลาด การนำเสนอผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคา และกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของลูกค้า การทำความเข้าใจว่าอะไรใช้ได้ผลกับคู่แข่งสามารถช่วยให้คุณระบุช่องว่างในตลาดหรือพื้นที่ที่คุณสามารถสร้างความแตกต่างให้กับตนเองได้
 

7. แบบสำรวจและการสัมภาษณ์

จัดทำแบบสำรวจและสัมภาษณ์กับลูกค้าปัจจุบันหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกโดยตรง ถามคำถามเกี่ยวกับความชอบ ประสบการณ์ และความคาดหวังของพวกเขา ข้อมูลเชิงคุณภาพนี้มีคุณค่าอย่างยิ่งในการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด และความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณ
 

8. การวิเคราะห์ข้อมูล

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ อาทิ Google Analytics เพื่อติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมบนเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ของคุณ ตรวจสอบตัวชี้วัดหรือเมตริกต่างๆ  อาทิ แหล่งที่มาของการเข้าชม อัตราตีกลับ (Bounce Rate)  อัตราคอนเวอร์ชั่น (Conversion Rate)  และข้อมูลประชากรของผู้เข้าชมของคุณ ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขายออนไลน์ของคุณได้
 

9. การพัฒนาบุคลิกภาพของผู้ซื้อ

สร้างรายละเอียดลักษณะของผู้ซื้อ หรือ Customer Persona ที่แสดงถึงลักษณะของกลุ่มต่างๆ ในกลุ่มเป้าหมายของคุณ บุคคลเหล่านี้ควรมีโปรไฟล์สมมติโดยอิงจากข้อมูลจริงและข้อมูลเชิงลึก บุคลิกที่สมมุติขึ้นนี้จะช่วยให้คุณเห็นอกเห็นใจลูกค้าและปรับแต่งข้อความทางการตลาดและกลยุทธ์ให้เหมาะกับความต้องการและความชอบของพวกเขาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
 

10. การเรียนรู้และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

รวบรวมคำติชมและข้อมูลอยู่เสมอ และเตรียมพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ของคุณตามแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงและความต้องการของลูกค้า ภูมิทัศน์ออนไลน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการติดตามความต้องการของผู้ชมเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว
 
ด้วยการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างถี่ถ้วน คุณสามารถปรับแต่งกลยุทธ์การตลาด การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และประสบการณ์ของลูกค้าเพื่อดึงดูด มีส่วนร่วม และแปลงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10 เทคนิค ขายของ ออนไลน์ ให้ยอดขายดี

เทคนิคขายของออนไลน์ ให้ยอดขายดี
ด้วยการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และความแพร่หลายของการใช้งานอินเทอร์เน็ต ธุรกิจทุกขนาดจึงนำการขายออนไลน์มาเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์การขายของตนเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จในโลกการแข่งขันของการขายออนไลน์นั้นต้องการมากกว่าแค่การแสดงผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ เพื่อที่จะเติบโตและเพิ่มผลกำไรอย่างแท้จริง ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องใช้เทคนิคที่มีประสิทธิภาพซึ่งปรับให้เหมาะกับตลาดดิจิทัล ในส่วนนี้ เราจะสำรวจเทคนิคที่ทรงพลัง 10 ประการในการขายออนไลน์ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจเพิ่มยอดขายและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
 

1. เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับ Conversion

เว็บไซต์ของคุณเปรียบเสมือนหน้าร้านดิจิทัลของธุรกิจของคุณ และการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ Conversion ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้สูงสุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณใช้งานง่าย ดึงดูดสายตา และมีการใช้ปุ่มกระตุ้นการตัดสินใจ หรือ CTA ที่ชัดเจน กระบวนการชำระเงินที่ปรับปรุงใหม่ และรูปภาพและคำอธิบายผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งและกระตุ้นให้เกิด Conversion ในที่สุด
 

2. ใช้ประโยชน์จากพลังของ SEO

การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO) นั้นมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเข้าชมทั่วไป หรือ Organic Traffic มายังเว็บไซต์ของคุณ ดำเนินการวิจัยคำหลัก (Keywords) เพื่อระบุคำค้นหาที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ และเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณตามนั้น นอกจากนี้ให้มุ่งเน้นที่การสร้างเนื้อหาที่ให้ข้อมูลคุณภาพสูงซึ่งให้คุณค่าแก่ผู้ชมเป้าหมายของคุณ ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานคำหลักที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงอันดับของเครื่องมือค้นหาและดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น
 

3. ใช้การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมอบโอกาสมากมายสำหรับธุรกิจในการเชื่อมต่อกับลูกค้าและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน พัฒนาตัวตนที่แข็งแกร่งบนช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น Facebook, Instagram, Twitter(X) และ LinkedIn และมีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณผ่านโพสต์ การอัปเดต และเนื้อหาเชิงโต้ตอบเป็นประจำ ใช้ประโยชน์จากการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มประชากรเฉพาะและดึงดูดปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งท้ายที่สุดจะสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายและรายได้
 

4. ลงทุนในการโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่าย

นอกเหนือจากความพยายามทางการตลาดแบบออร์แกนิก (Organic Marketing) แล้ว การลงทุนในการโฆษณาแบบชำระเงินยังช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์ของคุณและเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น พิจารณาใช้แพลตฟอร์มโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) เช่น โฆษณา Google หรือตัวเลือกการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย เช่น โฆษณาบน Facebook และโฆษณาบน Instagram กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมายคำหลักและข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้อง และติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่ม ROI สูงสุดและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น
 

5. เสนอส่วนลดและโปรโมชัน

ใครๆ ต่างก็ชอบข้อเสนอดีๆ จริงมั้ยครับ และการเสนอส่วนลดและโปรโมชันอาจเป็นวิธีกระตุ้นการซื้อและกระตุ้นยอดขายที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นคุณสามารถพิจารณาจัดโปรโมชันแบบจำกัดเวลา เสนอโค้ดส่วนลด หรือใช้โปรแกรมสะสมคะแนนเพื่อให้รางวัลแก่ลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ ทดลองใช้โปรโมชันประเภทต่างๆ เพื่อวัดประสิทธิภาพและระบุสิ่งที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด
 

6. ใช้กลยุทธ์การขายต่อเนื่องและการขายต่อยอด

การขายต่อเนื่อง (Cross Selling) และการขายต่อยอด (Up Selling) เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อโดยเฉลี่ยและเพิ่มผลกำไรสูงสุด แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องหรือเสริมให้กับลูกค้าในระหว่างขั้นตอนการชำระเงิน (การขายต่อ) หรือสนับสนุนให้พวกเขาอัปเกรดเป็นผลิตภัณฑ์หรือชุดที่มีราคาสูงกว่า (การขายต่อยอด) ปรับเปลี่ยนคำแนะนำส่วนบุคคลตามความต้องการของลูกค้าและประวัติการซื้อเพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้องและประสิทธิผล
 

7. เพิ่มประสิทธิภาพรายการผลิตภัณฑ์และคำอธิบาย

วิธีที่คุณนำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณทางออนไลน์อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อยอดขายและอัตราคอนเวอร์ชัน เพิ่มประสิทธิภาพรายการผลิตภัณฑ์และคำอธิบายด้วยชื่อที่น่าสนใจ คำอธิบายโดยละเอียด และรูปภาพคุณภาพสูง เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจซื้อ เน้นคุณลักษณะหลัก คุณประโยชน์ และจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณจากคู่แข่งและกระตุ้นยอดขาย
 

8. เสนอค่าจัดส่งฟรีและการคืนสินค้าที่ไม่ยุ่งยาก

ค่าจัดส่งและนโยบายการคืนสินค้าอาจมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของนักช้อปออนไลน์ พิจารณาเสนอการจัดส่งฟรีหรือลดราคาสำหรับคำสั่งซื้อที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อจำนวนมากขึ้นและลดอัตราการละทิ้งรถเข็น นอกจากนี้ ให้ทางเลือกในการคืนสินค้าที่ไม่ยุ่งยากและสื่อสารนโยบายการคืนสินค้าของคุณอย่างชัดเจนเพื่อสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจกับลูกค้า ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การขายที่สูงขึ้นและการดำเนินธุรกิจซ้ำ
 

9. เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์มือถือ

ด้วยความแพร่หลายของอุปกรณ์มือถือที่เพิ่มมากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณสำหรับผู้ใช้มือถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่นในทุกอุปกรณ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณตอบสนองต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ โหลดได้รวดเร็ว และใช้งานง่ายบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต การเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่เพียงแต่ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ยังช่วยเพิ่มอันดับเครื่องมือค้นหาของคุณตามที่ Google จัดลำดับความสำคัญ
 

10. ติดตามและวิเคราะห์ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ

เพื่อปรับปรุงความพยายามในการขายออนไลน์ของคุณอย่างต่อเนื่องและเพิ่มผลกำไรสูงสุด การตรวจสอบและวิเคราะห์ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ติดตามตัวชี้วัด (Metric)  เช่น ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ อัตราคอนเวอร์ชั่น มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย และต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (Customer Acquisition Cost) เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิผลของกลยุทธ์ของคุณและระบุจุดที่ต้องปรับปรุง ใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อปรับแต่งกลยุทธ์ ทดลองใช้แนวทางใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขายของคุณเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
 
 

สรุป

การเรียนรู้ศิลปะการ ขายของ บนช่องทางออนไลน์ต้องใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ ตลอดจนความมุ่งมั่นในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้เทคนิคทั้ง 10 ข้อข้างต้น เชื่อว่าคุณจะสามารถปรับปรุงตัวตนบนโลกออนไลน์ เพิ่มยอดขาย และเพิ่มผลกำไรสูงสุดในตลาดดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการแปลงเว็บไซต์ การใช้ประโยชน์จาก SEO และการตลาดบนโซเชียลมีเดีย การลงทุนในการโฆษณาแบบชำระเงิน เสนอส่วนลดและโปรโมชั่น การใช้กลยุทธ์การขายต่อเนื่องและการขายต่อยอด เพิ่มประสิทธิภาพรายการผลิตภัณฑ์  เสนอการจัดส่งฟรีและการคืนสินค้าที่ไม่ยุ่งยาก เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์มือถือ และการตรวจสอบ ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของการขายออนไลน์และประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ไม่มากกก็น้อยครับ
 
 
 
 
 
 
แหล่งที่มา :
 
 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *