เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ( UGC ) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารและการตลาดออนไลน์ ซึ่งเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นนั้น หมายถึง เนื้อหาประเภทใดก็ตามที่สร้างโดยบุคคลแทนที่จะเป็นแบรนด์หรือผู้สร้างเนื้อหามืออาชีพ และสามารถมีได้หลายรูปแบบ เช่น โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ความคิดเห็นในบล็อก บทวิจารณ์ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจุดแข็งของเนื้อหาประเภทนี้ คือ ความน่าเชื่อถือที่มากกว่าข้อความทางการตลาดแบบดั้งเดิม เนื่องจากมันเป็นเนื้อหาที่เกิดขึ้นโดยตรงจากผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาอธิบายลงลึกถึงเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เหตุใดจึงสำคัญ และธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเพื่อสร้างแบรนด์และมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้อย่างไรครับ
UGC คืออะไร?
ดูจากชื่อแล้วก็บอกได้ตรงตัวเลยครับ ว่ามันคือ เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น หรือ User-Generated Content ซึ่งเป็นเนื้อหา หรือ คอนเทนต์ที่ผู้ใช้หรือลูกค้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการสร้างขึ้น มักสร้างและแชร์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือชุมชนออนไลน์อื่นๆ สามารถมีได้หลายรูปแบบ อาทิ ภาพถ่าย วิดีโอ บทวิจารณ์ รีวิว ความคิดเห็น และอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบันเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่องทางการสื่อสารโดยตรง ระหว่างแบรนด์และลูกค้า ลูกค้าสามารถแบ่งปันประสบการณ์ ความคิดเห็น และคำติชมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือ สร้างแหล่งข้อมูลที่แท้จริงและน่าเชื่อถือเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภครายอื่นๆ
เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นได้มาจากใครบ้าง?
1. ลูกค้า
ลองนึกถึงวิดีโอแกะกล่องสินค้าที่แชร์บน TikTok หรือโพสต์ที่เต็มไปด้วยคำชมบน Instagram ลูกค้าของคุณมักจะเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดเมื่อพูดถึงเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง ไม่ว่าจะเพราะคุณร้องขอ หรือเพราะพวกเขาตัดสินใจแบ่งปันเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณเอง
2. ผู้ภักดีต่อแบรนด์
ผู้ภักดีผู้สนับสนุนหรือแฟน ๆ ไม่ว่าคุณจะติดป้ายกำกับลูกค้าที่ทุ่มเทที่สุดอย่างไร พวกเขาก็มักจะเป็นกลุ่มที่กระตือรือร้นเกี่ยวกับธุรกิจของคุณมากที่สุด เนื่องจากผู้ภักดีมีความหลงใหลในการบูชาการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ กลุ่มผู้ชมนี้จึงพร้อมที่จะเข้าถึงและขอเนื้อหา เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ที่เฉพาะเจาะจง
3. พนักงาน
เนื้อหาที่พนักงานสร้างขึ้น (EGC) แสดงให้เห็นถึงคุณค่าและเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ของคุณ ตัวอย่างเช่น รูปภาพของพนักงานบรรจุหีบห่อหรือจัดทำคำสั่งซื้อ หรือวิดีโอของทีมงานของคุณที่พูดถึงสาเหตุที่พวกเขาชอบทำงานให้กับบริษัทของคุณ เนื้อหาเบื้องหลังนี้ช่วยสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์และทำงานบนโซเชียลและโฆษณาเพื่อแสดงความถูกต้องชอบธรรมให้กับแบรนด์
4. UGC ครีเอเตอร์
คือ คนที่สร้างเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุนซึ่งเป็นเนื้อหาที่ดูเหมือนจริง แต่ความจริงแล้วเนื้อหาที่พวกเขาสร้างขึ้นได้รับการออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์ในการนำเสนอธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งหมายความว่า UGC Creator ไม่ได้สร้างเนื้อหาแบบออร์แกนิก แต่พวกเขาได้รับเงินจากแบรนด์เพื่อการสร้างเนื้อหาที่เลียนแบบ User-Generated Content นั่นเองครับผม
User-generated Content สำคัญอย่างไร
เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น มักถุกนำมาใช้ในทุกขั้นตอนของเส้นทางของผู้ซื้อ (Customer Journey) เพื่อช่วยโน้มน้าวการมีส่วนร่วมและเพิ่มคอนเวอร์ชั่น เนื้อหาที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางสามารถใช้บนโซเชียลมีเดีย และช่องทางอื่นๆ เช่น อีเมล Landing Page หรือหน้าชำระเงิน โดยมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นนั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบัน อาทิ
1. ยกระดับให้กับความความถูกต้อง
ทุกวันนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ต้องต่อสู้เพื่อให้ตัวเองปรากฏบนโลกออนไลน์ และการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความสนใจของผู้ชมก็เป็นไปอย่างดุเดือด ด้วยเหตุนี้ ผู้ซื้อจึงเลือกได้มากขึ้นเกี่ยวกับแบรนด์ที่พวกเขาจะโต้ตอบด้วย หรือตัดสินใจอุดหนุน โดยเฉพาะคนกลุ่ม Gen Z ที่ความคิดเห็นและการตัดสินใจค่อนข้างไม่แน่นอนเมื่อเทียบกับคนรุ่นอื่นๆ
และไม่ใช่แค่ผู้บริโภคเท่านั้นที่หลงใหลในเนื้อหาที่แท้จริง 60% ของนักการตลาดยอมรับว่าความถูกต้องและคุณภาพเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเท่าเทียมกันของเนื้อหาที่ประสบความสำเร็จ และไม่มีเนื้อหาประเภทอื่นใดที่เป็นของจริงไปได้มากกว่าเนื้อหาที่เป็นธรรมชาติจากลูกค้าของแบรนด์เอง
คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจอยู่เสมอว่า User-Generated Content ของคุณ มาจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จากสามกลุ่มนี้ ได้แก่ ลูกค้า ผู้ภักดีต่อแบรนด์ หรือพนักงาน ในที่สุดผู้คนก็ย่อมไว้วางใจผู้อื่นมากกว่าตัวแบรนด์ ดังนั้น เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น จึงเป็นเหมือนคำพูดแบบปากต่อปากในยุคปัจจุบันที่แทบจะขาดเสียมิได้ และเนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะดูเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นว่าเป็นของแท้มากกว่าเนื้อหาที่สร้างโดยแบรนด์ถึง 2.4 เท่า ดังนั้น จึงถึงเวลาลงทุนในกลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยความถูกต้องแล้วครับ
2. ช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์และทำให้ชุมชนเติบโต
User-Generated Content เปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการเติบโตของแบรนด์แทนที่จะเป็นเพียงผู้ชมธรรมดาๆ สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อความภักดีต่อแบรนด์และความสัมพันธ์ในวงกว้าง เนื่องจากผู้คนเติบโตจากการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง และการสร้าง User-Generated Content ช่วยให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนของแบรนด์ และยังเปิดโอกาสของการสนทนาระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ตลอดจนการโต้ตอบกับแบรนด์ในระดับนี้จะช่วยสร้างและขยายชุมชนที่มีส่วนร่วม การแบ่งปันเนื้อหาของผู้ชมยังช่วยพัฒนาและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชม/ธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งย่อมกระตุ้นให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
3. ทำหน้าที่เป็นสัญญาณแห่งความไว้วางใจ
ความจริงของทุกวันนี้ในยุคที่ผู้คนฉลาดซื้อฉลาดใช้ แบรนด์ทั่วโลกต้องทำงานหนักกว่าที่เคยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และด้วยนักการตลาด 93% ยอมรับว่าผู้บริโภคเชื่อถือเนื้อหาที่สร้างโดยลูกค้ามากกว่าเนื้อหาที่สร้างโดยแบรนด์ สิ่งนี้ส่งสัญญาณว่าเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เป็นรูปแบบที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจในการเพิ่มระดับคะแนนความไว้วางใจ ผู้บริโภคหันมาใช้ User-Generated Content เป็นสัญญาณความไว้วางใจในลักษณะเดียวกับที่พวกเขาต้องการขอความคิดเห็นจากเพื่อน ครอบครัว หรือเครือข่ายมืออาชีพ คนรุ่นมิลเลนเนียลกว่า 50% ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำจากครอบครัวและเพื่อน
4. เพิ่มการแปลงและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ
ธุรกิจจำนวนมากกำลังใช้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างเองเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่ม Conversion และสร้างอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ ซึ่งต่อไปนี้คือเหตุผลที่มีน้ำหนักที่ทำให้พวกเขาเลือกใช้กลยุทธ์นี้ครับ
- ความถูกต้อง : User-Generated Content ถูกมองว่าเป็นของจริงและน่าเชื่อถือมากกว่าเนื้อหาที่สร้างโดยแบรนด์ นี่เป็นเพราะผู้ใช้ไม่มีอคติและมีแนวโน้มที่จะให้ความคิดเห็นและประสบการณ์ที่ตรงไปตรงมา
- หลักฐานทางสังคม : User-Generated Content ได้แสดงหลักฐานทางสังคมว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพ เมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าผู้อื่นกำลังใช้และเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์ พวกเขามีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อมากขึ้น
- การมีส่วนร่วม : User-Generated Content สามารถสร้างความรู้สึกของชุมชนและการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความภักดีที่เพิ่มขึ้นและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างลูกค้าและแบรนด์
- ประหยัดค่าใช้จ่าย : User-Generated Contentอาจเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการสร้างเนื้อหา แบรนด์สามารถประหยัดเงินได้โดยใช้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นแทนที่จะผลิตเนื้อหาของตนเอง
- ประโยชน์ ต่อ SEO: User-Generated Content ยังสามารถให้ประโยชน์ต่อ SEO โดยเพิ่มจำนวนเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นบนเว็บไซต์ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาที่สูงขึ้นและการเข้าชมที่เพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
โดยรวมแล้ว เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่ม Conversion และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยใช้ประโยชน์จากความคิดเห็นที่แท้จริงและเชื่อถือได้ของลูกค้า ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับผู้ชมและกระตุ้นยอดขายได้
5. UGC ปรับเปลี่ยนได้และยืดหยุ่น
ข้อดีอีกหนึ่งประการ คือ นักการตลาดหรือเจ้าของแบรนด์ สามารถใช้ เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น นอกโซเชียลในแคมเปญการตลาดอื่นๆ ได้ ทำให้กลยุทธ์นี้กลายเป็นแนวทางสำหรับทุกช่องทาง และที่สำคัญยังเป็นเนื้อหาที่สามารถสร้างได้หลายรูปแบบ ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะเขียนรีวิวหรือแสดงความคิดเห็นในรูปแบบข้อความ อัปโหลดรูปภาพหรือวิดีโอ หรือแม้แต่สร้างมีมและ gif ของตนเอง ความยืดหยุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงออกในแบบที่เหมาะสมที่สุด และนำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายที่ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ได้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในบริบทที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น บทวิจารณ์ผลิตภัณฑ์ที่เดิมโพสต์บนเว็บไซต์ของผู้ค้าปลีกสามารถแชร์บนโซเชียลมีเดีย หรือนำไปใช้ซ้ำในสื่อการตลาด มีมที่ผู้ใช้สร้างขึ้นสามารถใช้เพื่อโปรโมตแบรนด์หรือกิจกรรม หรือแชร์เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญโซเชียลมีเดีย ด้วยความยืดหยุ่นนี้หมายความว่า User-Generated Content สามารถนำไปใช้ได้หลายวิธี จึงทำให้มันถือเป็นทรัพยากรที่หลากหลายและมีค่า
สุดท้าย มันสามารถปรับและแก้ไขให้เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันได้ ตัวอย่างเช่น บทวิจารณ์ของลูกค้าสามารถตัดตอนมาและใช้เป็นข้อความรับรองบนเว็บไซต์ของบริษัท หรือใช้เพื่อแจ้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รูปภาพหรือวิดีโอที่ผู้ใช้สร้างขึ้นสามารถแก้ไขและใช้ในวิดีโอส่งเสริมการขายหรือโฆษณาได้ ความสามารถในการปรับตัวนี้หมายความว่าสามารถปรับแต่งเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ ทำให้เป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น
6. UGC คุ้มค่ากว่าการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์
ในโลกดิจิทัลในปัจจุบัน ธุรกิจจำนวนมากหันมาใช้การตลาดแบบ Influencer Marketing เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์จะได้ผล แต่ก็ถือว่ามีราคาแพง ในทางตรงกันข้าม เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างมักจะเป็นกลยุทธ์ที่คุ้มค่ากว่าซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น คุ้มค่ากว่าการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ คือ ผู้ใช้มักสร้างและแชร์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เมื่อผู้ใช้โพสต์บทวิจารณ์ ข้อคิดเห็น หรือรูปภาพบนโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มอื่นๆ พวกเขากำลังสร้างเนื้อหาที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนได้ ซึ่งหมายความว่าธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเนื้อหาที่มีค่าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
นอกจากนี้ เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้าง มักถูกมองว่าเป็นเนื้อหาที่แท้จริงและน่าเชื่อถือมากกว่าเนื้อหาจากอินฟลูเอนเซอร์ ในขณะที่อินฟลูเอนเซอร์สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และการเข้าถึงได้ แต่เนื้อหาของพวกเขาอาจถูกมองว่าได้ผ่านการขัดเกลาหรือประดิษฐ์มากเกินไป ในทางตรงกันข้ามเนื้อหาที่ผู้ใช้ สร้างเองนั้นสร้างขึ้นโดยบุคคลจริงที่มีประสบการณ์จริงกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ ดังนั้นจึงสามารถสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือได้มากกว่า สิ่งนี้สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้ในที่สุด
สุดท้าย เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้าง มักจะปรับขนาดได้มากกว่าการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ แม้ว่าการทำงานกับอินฟลูเอนเซอร์จะได้ผล แต่ก็อาจถูกจำกัดด้วยจำนวนอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอยู่ในตลาดหรือเฉพาะกลุ่มที่กำหนด ในทางตรงกันข้าม UGC สามารถสร้างโดยผู้ใช้ใดๆ ก็ตาม ที่มีประสบการณ์เชิงบวกกับแบรนด์ ดังนั้นจึงสามารถแบ่งปันได้อย่างกว้างขวางและมีความถี่มากขึ้น
7. UGC ทำงานร่วมกับโซเชียลคอมเมิร์ซ
อนาคตของการช้อปปิ้งออนไลน์ คือ Social Commerce หรือการช้อปปิ้งโดยตรงบนช่องทางโซเชียลที่คุณชื่นชอบ จุดเด่นหลักของโซเชียลคอมเมิร์ซคือช่วยให้ผู้ชมทำ Conversion ได้เองภายในแอปโซเชียลมีเดีย แทนที่จะออกไปนอกเครือข่ายเพื่อทำการซื้อให้เสร็จ เช่น สมมติว่าคุณกำลังเลื่อนดู Instagram และหยุดดูเสื้อคลุมอาบน้ำตัวใหม่ที่น่ารักสะดุดตา คุณแตะเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ตัดสินใจซื้อ และทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ในแอป นั่นแหละครับ คือการดำเนินการในโซเชียลคอมเมิร์ซ ซึ่ง เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น และโซเชียลคอมเมิร์ซทำงานร่วมกันได้ดี เนื่องจากมันมีอิทธิพลในการผลักดันคอนเวอร์ชั่น ผู้คนเกือบ 80% กล่าวว่า เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา ทำให้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นและการค้าขายบนโซเชียลเป็นสิ่งที่คู่กันไปโดยปริยาย
ธุรกิจจะใช้ประโยชน์จาก UGC ได้อย่างไร
มีหลายวิธีที่ธุรกิจจะสามารถใช้ประโยชน์จาก เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น อาทิ
- แชร์ UGC บนโซเชียลมีเดีย : แชร์รูปภาพ วิดีโอ และรีวิวของลูกค้าบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, Facebook และ Twitter สิ่งนี้ไม่เพียงแค่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้ลูกค้ารายอื่นแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาด้วย
- สร้างแคมเปญเกี่ยวกับ UGC : ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างแคมเปญเกี่ยวกับคอนเทนต์จากผู้ใช้ เช่น การแข่งขันหรือความท้าทาย เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าแบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง
- ใช้ UGC ในสื่อการตลาด : ใช้ UGC ในสื่อการตลาด เช่น โฆษณา โบรชัวร์ และเว็บไซต์ นี่เป็นหลักฐานทางสังคมสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และสร้างความรู้สึกไว้วางใจกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
- มีส่วนร่วมกับลูกค้า : มีส่วนร่วมกับลูกค้าที่แชร์ คอนเทนต์จากผู้ใช้ ด้วยการกดถูกใจ แสดงความคิดเห็น หรือรีโพสต์เนื้อหาของตน สิ่งนี้สร้างความรู้สึกของชุมชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อไป
ปัจจุบัน แบรนด์ต่างๆ ใช้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นในประเภทต่างๆ อย่างหลากหลาย เนื่องจาก คอนเทนต์จากผู้ใช้ เป็นเนื้อหาที่แท้จริง และน่าเชื่อถือที่สุดบนอินเทอร์เน็ตก็ว่าได้ ซึ่งช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ก้าวหน้าไปสู่การเติบโตและสร้างยอดขายได้ตามเป้า ต่อไปนี้เป็นประโยชน์บางประการ เมื่อแบรนด์เลือกใช้กลยุทธ์ คอนเทนต์จากผู้ใช้ครับ
- ให้ลูกค้าพูดแทนคุณ
- ให้แบรนด์มีฐานของการโฆษณาที่ถูกกฎหมาย
- เพิ่มความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์
- สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง
- คอนเทนต์จากผู้ใช้ ช่วยให้แบรนด์มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น
- เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปาก
- สร้างสาระสำคัญของความน่าเชื่อถือ
- เพิ่มความถูกต้องของแบรนด์
- ขับเคลื่อนการแปลง และการขาย
เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ช่วยให้แบรนด์ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า แบรนด์ต่างๆ ควรรู้วิธีเปลี่ยน คอนเทนต์จากผู้ใช้ ให้เป็นแผนการที่ทำกำไร และเนื้อหาประเภทต่างๆ ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นใช้เพื่อขัดเกลากลยุทธ์ทางการตลาด
ประเภทของ UGC
มีแหล่งที่มาหลากหลายเพื่อแยกประเภทของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น แพลตฟอร์มไดนามิกจำนวนมากทำให้แบรนด์ต่างๆ มีคลังคอนเทนต์จากผู้ใช้ขนาดใหญ่ที่สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาได้ ดังนั้นเราจึงแสดงรายการประเภทเนื้อหาที่สำคัญที่สุดที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ซึ่งโดยทั่วไป คอนเทนต์จากผู้ใช้ สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ แต่ผมขออนุญาตแบ่งแยก UGC ออกเป็นรูปแบบที่เฉพาะตัวมากขึ้นดังนี้ครับ
1. UGC จากโซเชียลมีเดีย
เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ การมองเห็นคือความเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่คุณรู้จักและไว้วางใจเป็นผู้ที่ทำให้คุณเห็น ผู้คนต่างถ่ายรูปและแชร์รูปภาพและวิดีโอหลายพันรายการทุกวันบนแพลตฟอร์มโซเชียล และส่วนใหญ่มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์บางประเภท ตั้งแต่โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และบริษัททัวร์ เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น กำลังทำให้โลกออนไลน์ต้องตกตะลึง เมื่อใดก็ตามที่มีคนโพสต์ข้อความโซเชียลเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นทวีตหรือโพสต์บน Instagram ก็ถือว่าเป็นเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นครับ
2. บทวิจารณ์และข้อความรับรอง
เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นที่ได้รับความนิยมอีกประเภท คือ การให้คะแนน และบทวิจารณ์หรือรีวิวของลูกค้า ความคิดเห็นของลูกค้า คือ การตลาดแบบปากต่อปากทางอินเทอร์เน็ตชั้นดีที่ช่วยให้ลูกค้ารายอื่นๆ ทราบเกี่ยวกับแบรนด์ก่อนที่พวกเขาจะเยี่ยมชมร้านค้าหรือตัดสินใจซื้อ เป็นคำชี้แจงที่รับผิดชอบโดยผู้ใช้ที่ให้การยอมรับในแบรนด์ บทวิจารณ์หรือข้อความรับรองนั้นเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการทำให้ลูกค้ามองเห็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ตามสถิติ 92% ของผู้ซื้อออนไลน์ให้น้ำหนักกับรีวิวก่อนการตัดสินใจซื้อ
บทวิจารณ์ช่วยให้แบรนด์ของคุณแพร่กระจายผ่านชั้นการตลาดที่หนาและบาง ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากบุคคลที่สาม เช่น รีวิวของ Google, รีวิว Facebook, รีวิว Yelp, ฯลฯ หรือรีวิวโดยตรงบนเว็บไซต์ ความคิดเห็นนี้เป็นรูปแบบความคิดเห็นที่เป็นธรรมชาติที่สุดที่สามารถช่วยให้แบรนด์เติบโต และกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมอย่างมีประสิทธิภาพ
3. เนื้อหาวิดีโอ
เนื้อหาเช่นวิดีโอ Instagram และวิดีโอ Youtube เป็นแหล่งที่มาหลักของ คอนเทนต์จากผู้ใช้ เมื่อพูดถึงวิดีโอ คุณจะประหลาดใจที่รู้ว่า Youtube มีผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันราว 2 พันล้านคนทุกเดือน และ Instagram มีผู้ใช้ 1 พันล้านคนทุกเดือน ด้วยความนิยมอย่างมากทั่วโลก แพลตฟอร์มเหล่านี้ จึงกลายเป็นหนึ่งในแหล่งที่ดีที่สุดในการสร้าง UGC
Youtube ไม่ได้จัดเตรียมเนื้อหาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด แต่สร้างความรู้สึกที่แท้จริงและน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ด้วยการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ ลองนึกภาพว่าคุณกำลังดูช่อง Youtube และคุณเห็นแบรนด์ที่รับรองโดยลูกค้าที่แท้จริงผ่านวิดีโอขนาดเล็ก สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของคุณหรือไม่?
พวกเขาสามารถบอกคุณได้ผ่านวิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิดีโอแกะกล่องที่แสดงผลิตภัณฑ์ภายในทั้งหมดและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น วิดีโอดังกล่าวเพียงพอที่จะสร้างความปรารถนาให้กับลูกค้า ในทำนองเดียวกัน วิดีโอ Instagram ส่วนใหญ่ประกอบด้วยวิดีโอสั้นๆ ที่โพสต์โดยลูกค้าจริงบน Instagram พร้อมแท็กของแบรนด์ แบรนด์สามารถรีโพสต์เรื่องราวเป็น UGC เพื่อดึงดูดผู้ชมมากขึ้นและสร้างโปรโมชั่นที่ถูกต้องได้
4. บล็อกโพสต์
อาชีพ Blogger กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram และ Facebook เต็มไปด้วย Blogger โดยมี Blog แนวแฟชั่น ลองนึกภาพว่าแบรนด์แฟชั่นของคุณได้รับการโปรโมตบนโซเชียลมีเดียโดยบล็อกเกอร์บางคน พร้อมกับวิดีโอและโพสต์ ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าแบรนด์ของคุณจะได้รับกระแสตอบรับที่ดี
บล็อกเกอร์ มักจะแสดงผลิตภัณฑ์พร้อมบทแนะนำเกี่ยวกับ “วิธีใช้” และวิดีโอเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคุณ เนื้อหาดังกล่าวทำหน้าที่เป็น UGC สำหรับแบรนด์ และช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมจำนวนมาก เนื้อหาใด ๆ ที่อัปโหลดโดยบล็อกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ คือ คอนเทนต์จากผู้ใช้ ที่สามารถช่วยให้แบรนด์เพิ่มจำนวนผู้ติดตามและเพิ่มยอดขายได้ในที่สุด
5. แคมเปญแฮชแท็ก
คุณเคยได้ยินแคมเปญ #ShareACoke หรือ #IceBucketChallenge ไหม มันเป็นหนึ่งในแคมเปญแฮชแท็กที่โด่งดังที่สุดที่เราเคยเห็นก็ว่าได้ครับ อย่างไรก็ตาม แคมเปญแฮชแท็กเป็นเพียงกิจกรรมส่งเสริมการขายที่แบรนด์ตั้งใจจะใช้เนื้อหาที่โพสต์โดยผู้ชมโดยเลือกใช้แฮชแท็กเฉพาะ เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และความน่าเชื่อถือ วัตถุประสงค์ของแบรนด์ในการสร้างแคมเปญแฮชแท็กส่วนใหญ่คือเพื่อเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม และแน่นอนว่ามันเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบในการแสดงจำนวน คอนเทนต์จากผู้ใช้ ทั้งยังเป็นแคมเปญแบบปากต่อปาก ที่ลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์กับแบรนด์ที่เผยแพร่ไปได้ทั่วโลกเพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้ชมและบรรลุความสำเร็จตามที่แบรนด์ต้องการ
6. กรณีศึกษา
กรณีศึกษา คือ การศึกษาเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณโดยละเอียดของผลิตภัณฑ์หรือเรื่องเฉพาะ เช่น บุคคล เหตุการณ์ แบรนด์ ฯลฯ เมื่อลูกค้าเขียนรีวิวในรูปแบบรายละเอียดที่อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียของผลิตภัณฑ์ หรือ บริการ แบรนด์สามารถใช้เนื้อหาเหล่านี้เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ได้ เนื้อหานี้เป็นเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นสำหรับแบรนด์ที่ช่วยให้แบรนด์แสดงผลิตภัณฑ์ของตนในรูปแบบที่หลากหลาย และมีไดนามิก แบรนด์สามารถใช้สิ่งนี้บนเว็บไซต์ของตนเพื่อแบ่งปันความคิดเห็นของลูกค้าที่ใช้จริงคนอื่นๆ เพื่อจูงใจผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า กรณีศึกษาเป็นวิธีการโปรโมตแบรนด์อย่างเป็นทางการในหน้างานดิจิทัล และด้วยวิธีนี้ แบรนด์จะสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชมบนเว็บไซต์และเพิ่มการเข้าถึงผู้ชมได้
7. แบบสำรวจ
แบบสำรวจ คือ มุมมองทั่วไปหรือคำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะเฉพาะหรือผลิตภัณฑ์บางอย่าง เพื่อสร้างแผนการทำงาน แบรนด์จำนวนมาก เลือกใช้แบบสำรวจก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ในตลาด เนื่องจากมุมมองของลูกค้าเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์ทราบความต้องการของตลาดในทางที่ดีขึ้น การใช้ข้อมูลที่ได้รับจากแบบสำรวจทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นกับผู้ใช้ และเพิ่มภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ นอกจากนี้ แบรนด์ต่างๆ ยังสามารถใช้แบบสำรวจ เช่น คอนเทนต์จากผู้ใช้ เพื่อแสดงเนื้อหาในรูปแบบของกราฟ อินโฟกราฟิก และสถิติบนเว็บไซต์เพื่อเชิญชวนและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ หันมาสนใจได้มากขึ้นอีกด้วย
สรุป
เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารและการตลาดออนไลน์ ด้วยมันเป็นแหล่งข้อมูลที่แท้จริง และเชื่อถือได้สำหรับผู้บริโภค ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีส่วนร่วมกับผู้ชมและสร้างแบรนด์ของตน ด้วยการใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างความรู้สึกของชุมชนและความภักดีในหมู่ลูกค้าของพวกเขา ตลอดจนผลักดันยอดขายและการเติบโตของธุรกิจในที่สุด นำมาซึ่งรายได้จำนวนมาก และที่สำคัญที่สุดคือความคุ้มค่า กล่าวคือ มันเป็นการลงทุนที่ต่ำ แต่ให้ ROI คอ่นข้างสูง ดังนั้น หากคุณยังไม่เคยลองโฟกัสที่กลยุทธ์นี้ ก็ถึงเวลาสร้าง UGC สำหรับแบรนด์ของคุณ โดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาดของคุณแล้วครับ
บทความแนะนำ