รวมเคล็ด (ไม่) ลับ เอาชนะ เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น (2025)

เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น

เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น – นักการตลาดบน Facebook หรือเจ้าของเพจหลายคนอาจเคยสงสัยว่าทำไมเวลาโพสต์อะไรไปถึงไม่ค่อยมีคนเห็นหรือไม่มีส่วนร่วมกับโพสต์ของเราเลย ดูเหมือนว่าการมองเห็นฟีดข่าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ว่าเพจของคุณอาจ โดนเฟสปิดกั้นการมองเห็น เข้าให้แล้ว แต่หลายคนคิดว่านี่คือหนึ่งในวิธีการที่ Facebook กระตุ้นให้ผู้ดูแลเพจจำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อโปรโมตโพสต์ของตัวเองเพื่อให้ได้รับการมองเห็นที่น่าพอใจเหมือนที่เคย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งที่หลายคนคิดจะจริงเท็จประการใด แต่เราต้องยอมรับว่าทุกวันนี้หน้าฟีดของ Facebook เป็นพื้นที่ทางการตลาดที่ดุเดือดมากขึ้นทุกวัน ซึ่งหมายความว่าต้องมีการต่อสู้แข่งขันเพื่อทำให้คนเห็นคอนเทนต์ของคุณ แต่ก่อนอื่นเราจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่า Facebook เอาเกณฑ์อะไรมาตัดสินกันล่ะ? ว่าโพสต์แบบไหน? ที่จะได้รับการแสดงให้ผู้คนเห็นได้มากหรือน้อยเพียงใด 

ทำความเข้าใจ Facebook Algorithm

เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น

ย้อนกลับไปในอดีตที่ สงคราม Content Marketing บน Facebook ยังไม่ดุเดือดเช่นทุกวันนี้ การทำเพจและการโพสต์เนื้อหาต่างๆ ลงบนฟีด ดูเหมือนจะได้รับการมีส่วนร่วม หรือ Engagement ที่น่าพอใจได้ไม่ยากนัก ยกตัวอย่างโพสต์ที่ได้รับการกดไลค์เยอะก็จะได้รับ Engagement ที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูของการตลาดบนเฟสบุ๊คอย่างทุกวันนี้ เป็นธรรมดาที่เจ้าของพื้นที่ต้องมีการจัดสรรคัดเลือกเนื้อหาต่างๆ ที่จะแสดงบนฟีดมากกว่าที่เคย ซึ่งตัวการของการปิดกั้นการมองเห็นหรือคัดสรรเนื้อหาให้ขึ้นแสดงผลที่หลายคนสงสัยนี้มีชื่อว่า Edgerank ซึ่งเป็น Algorithm ที่เฟสบุ๊คใช้ในการตัดสินใจว่าโพสต์ใดจะได้รับการแสดงบนไทม์ไลน์นั่นเอง ซึ่งต่อไปนี้คือ องค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนในการตัดสินใจของเจ้า Edgerank ครับ

  • คะแนนความเกี่ยวข้อง (Affinity Score) สิ่งนี้ คือ ตัวชี้วัด ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกเพจแน่นแฟ้นเพียงใด โดยพิจารณาจากการโต้ตอบ การแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการกดไลค์ กดแชร์โพสต์ของคุณบ่อยๆ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดจะช่วยยกระดับคะแนนความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นผู้ที่มีแนวโน้มที่จะเห็นโพสต์ของคุณในหน้าฟีดของตัวเองมากขึ้น
  • น้ำหนัก (weight) หมายถึง น้ำหนักของการโต้ตอบกับโพสต์ของคุณ เช่น ความคิดเห็น หรือ การแชร์โพสต์ จะมีน้ำหนักมากกว่าการกดไลค์ ดังนั้นหากโพสต์ของคุณได้รับความคิดเห็นและ/หรือแชร์เป็นจำนวนมาก โพสต์นั้น (ในทางทฤษฎี) จะแสดงต่อผู้คนจำนวนมากขึ้นนั่นเอง
  • เวลา (Time) เรื่องของเวลาเป็นสิ่งที่อธิบายได้ไม่ยาก เพราะยิ่งโพสต์ของเราเก่ามากเท่าไหร่หรือไม่มีความเคลื่อนไหวบนเพจ เป็นธรรมดาที่จะยิ่งมีความเกี่ยวข้องกับลูกเพจน้อยลงเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าโพสต์จากเพจของคุณจะปรากฏในฟีดข่าวของผู้ที่ติดตามเพจน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

Facebook หรือ Meta มีทีมงานทั้งทีมที่ทำงานด้าน AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Machine Learning โดยส่วนหนึ่งในงานของพวกเขา คือ การปรับปรุงอัลกอริทึมที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้กับเนื้อหาที่มีคุณค่ามากที่สุด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการเพิ่ม ลบ และปรับปรุงรูปแบบการจัดอันดับของอัลกอริทึมมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกอย่างล้วนเน้นหนักไปในสิ่งที่ Facebook คิดว่า “ผู้ใช้ต้องการเห็น” และต่อไปนี้คือ บางส่วนในการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาอัลกอริทึมของ Facebook 

  • 2009 : เปิดตัวอัลกอริธึมตัวแรกเพื่อดันโพสต์ที่มียอดไลค์มากที่สุดไว้ด้านบนสุดของฟีด
  • 2015 : เริ่มมีการลดอันดับเพจที่โพสต์เนื้อหาส่งเสริมการขายมากเกินไป มีการแนะนำฟีเจอร์อย่าง “See First” เพื่อให้ผู้ใช้งานระบุถึงความต้องการเป็นพิเศษในการให้ความสำคัญต่อโพสต์ของเพจในหน้าฟีดของตน
  • 2016 : มีการเพิ่มสูตรคำนวณการจัดอันดับ “Time Spent” หรือ เวลาที่ใช้กับโพสต์ เพื่อวัดมูลค่าของโพสต์ตามระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้ไปกับโพสต์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบ หรือ ไม่แชร์ก็ตาม 
  • 2017 : ปฏิกิริยาต่างๆ เช่น กดหัวใจ หรือ กดโกรธ จะมีน้ำหนักมากกว่าการกดถูกใจแบบเดิม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มวิธีการจัดอันดับอื่นสำหรับวิดีโอ ได้แก่ “Completion Rate” หรืออัตราความสำเร็จของวีดีโอ กล่าวคือ วิดีโอที่สามารถทำให้ผู้คนดูจนจบได้ จะได้รับการแสดงให้ผู้คนจำนวนมากมองเห็น
  • 2018 : อัลกอริธึมใหม่ของ Facebook จัดลำดับความสำคัญของโพสต์ ได้แก่ “โพสต์ที่จุดประกายการสนทนา และการโต้ตอบที่มีความหมาย”  เช่น โพสต์จากเพื่อน ครอบครัว และกลุ่มจะมีความสำคัญมากกว่าเนื้อหาออร์แกนิกจากเพจ 
  • 2019 :  มีการจัดลำดับความสำคัญของ “วิดีโอต้นฉบับคุณภาพสูง” ที่ทำให้ผู้คนรับชมได้นานกว่า 1 นาที โดยเฉพาะวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจได้นานกว่า 3 นาที นอกจากนี้ Facebook ยังเริ่มเพิ่มเนื้อหาจาก “เพื่อนสนิท” ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ผู้คนมีส่วนร่วมมากที่สุด และมีการแนะนำเครื่องมือ “Why am I seeing this post?” หรือ “ทำไมฉันจึงเห็นโพสต์นี้?” เข้ามาใช้กับทุกเนื้อหาไม่เฉพาะเนื้อหาที่เป็นโฆษณาเท่านั้น
  • 2020 :  มีการเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของอัลกอริทึมที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเพื่อให้ตอบรับกับอัลกอริธึมได้ดียิ่งขึ้น เริ่มนำเอาวิธีประเมินความน่าเชื่อถือและคุณภาพของบทความข่าวเพื่อส่งเสริมเนื้อหาข่าวที่น่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลที่ผิดๆ เช่น Clickbait หรือ Fake News นั่นเอง 
  • 2021 :  มีการเปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับอัลกอริธึม โดยมีการปรับอัลกอลิธึมตามผลสำรวจจากผู้ใช้งานในหลากหลาย Topic ของคอนเทนต์ จุดมุ่งหมาย คือเพื่อ “ลดประสบการณ์เชิงลบ” ของผู้ใช้งาน
  • 2022 : เน้นที่การมีส่วนร่วมของผู้ใช้และเนื้อหาที่มีคุณภาพ รวมถึงอัลกอริธึมจะเรียนรู้และปรับการแสดงเนื้อหาให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้ และมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการนำเสนอเนื้อหาที่ต้องการ โดยรวมแล้ว อัลกอริทึมของ Facebook ปี 2022 มีเป้าหมายเพื่อจัดลำดับความสำคัญของเนื้อหาที่ให้ข้อมูลและมีส่วนร่วมซึ่งทำให้ผู้ใช้สนใจแพลตฟอร์ม
  • 2023 : Facebook ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่จุดประกายการสนทนาที่มีความหมายและการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้ เนื้อหาคุณภาพสูง โดยให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและข่าวปลอมมากขึ้น นอกจากนี้ AI เข้ามามีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นในการปรับแต่งเนื้อหาสำหรับผู้ใช้  มาตรฐานชุมชนของ Facebook ได้รับการบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้มีการนำเนื้อหาออกหากละเมิดหลักเกณฑ์
  • 2024 : อัลกอริธึมยังคงปรับปรุงการมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ผู้ใช้และการมีส่วนร่วม โดยเน้นไปที่การโต้ตอบที่มีความหมายมากกว่าการบริโภคแบบพาสซีฟ ซึ่งการกดไลค์โพสต์นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะอัลกอริทึมจะจัดลำดับความสำคัญของโพสต์ที่จุดประกายการสนทนามากกว่า นอกจากนี้ อัลกอริทึมสำหรับ Reels จะแยกจากอัลกอริธึมฟีดหลัก โดยจัดลำดับความสำคัญของเวลาในการดู อัตราการเล่นจนจบ และเมตริกการมีส่วนร่วม เช่น การแชร์และความคิดเห็นสำหรับเนื้อหาวิดีโอโดยเฉพาะ
  • 2025 : Facebook ปี 2025 คือแพลตฟอร์มที่ เน้นคุณภาพของการโต้ตอบมากกว่าปริมาณ, ใช้ AI ในระดับลึก เพื่อจัดลำดับเนื้อหาให้ตรงใจผู้ใช้แบบไม่ใช่แค่ “ถูกใจ” แต่ “มีความหมาย” และ ผสานความเป็น Social กับ Community และ Economy เข้าด้วยกัน

วิธีหลีกเลี่ยง เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น

เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น

ในเมื่อเฟซบุ๊กใช้ระบบในการตัดสินในการคัดเลือกคอนเทนต์ที่จะได้คัดเลือกให้ปรากฎบนฟีดข่าวมาแบบนี้ ต่อไปนี้คือ เคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้คุณเอาชนะกฎเกณฑ์ต่างๆ นี้ ได้ไม่มากก็น้อยครับ เพราะนี่คือ เคล็ดลับอัปเดตปี 2025 สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพใน Facebook เพื่อหลีกเลี่ยง เฟสบุ๊คปิดกั้นการมองเห็น

1. หลีกเลี่ยงการโพสต์ถี่เกินไป

การโพสต์บ่อยเกินไป จะส่งผลให้แต่ละโพสต์มี Engagement ต่ำลง เนื่องจาก Facebook จัดลำดับความสำคัญในแบบ personalized และจะลด Reach ของโพสต์เกินความถี่ที่เหมาะสม ควรโพสต์ไม่เกินวันละ 1 ครั้ง (หรือ 3–5 ครั้งต่อสัปดาห์) เพื่อรักษาคุณภาพและ EdgeRank โดยรวม

2. เน้นเนื้อหาที่กระตุ้นการสนทนาอย่างจริงจัง

Facebook 2025 ให้คะแนนสูงกับโพสต์ที่ก่อให้เกิด Meaningful Interactions เช่น คอมเมนต์ยาว แชร์ความคิดเห็น หรือคอมเมนต์ซ้อนกัน (Replies) และไม่ชอบการร้องขอการมีส่วนร่วมแบบตรงไปตรงมา (เช่น “กดไลก์ถ้าคุณ…” จะโดนปรับลดคะแนน)

3. ใช้ภาพ วิดีโอ หรือคอนเทนต์มีเดียอย่างสม่ำเสมอ

โพสต์โดยไม่มีมัลติมีเดียมักถูกลดความสำคัญ เนื่องจาก Facebook ให้คะแนนสูงกับภาพและวิดีโอที่สร้าง Engagement สูง ซึ่งช่วยเพิ่ม Reach โดยรวม

4. โพสต์ในช่วงเวลาที่ผู้ชมมีแนวโน้มจะเข้าถึงสูงสุด

ข้อมูลปี 2025 แนะนำให้อัปโหลดระหว่างเช้า เช่น 5–9 น. ของวันจันทร์ถึงศุกร์ โดยพิจารณาประเภทหน้าและพฤติกรรมผู้ชม เพื่อวัดผลผ่าน Insights แล้วหาช่วงเวลาที่ “ชัดเจน” ว่าได้ Engagement ดีกว่า (buffer.com)

5. ส่งเสริมให้ผู้ติดตามเปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือน

ให้ผู้ติดตามบนเพจของคุณ เปิดการ “ติดดาว” หรือปรับการรับแจ้งเตือนโพสต์ วิธีนี้ช่วยเพิ่มการมองเห็น แม้ว่าจะเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ แต่มีผลต่อ Reach อย่างชัดเจน

6. ใช้โฆษณา (Promoted Posts) อย่างตั้งใจ

การใช้เงินโปรโมตโพสต์จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะโพสต์ที่มี quality สูง เช่น วิดีโอ หรือบทความที่สร้าง engagement สูง ทั้งในกลุ่มแฟนเพจและคนรอบข้างผู้ที่ engage

7. ใช้ Facebook Stories และ Reels เพื่อเพิ่มการมองเห็น

เนื้อหาแบบ Stories หรือ Reels ที่อยู่บนสุดของแอพ จะถูกมองเห็นง่ายกว่าโพสต์ในฟีด การเผยแพร่ Stories และ Reels อย่างสม่ำเสมอจึงช่วยให้เกิด Reach และ Engagement เพิ่มขึ้น

8. มีส่วนร่วมกับผู้ติดตามด้วยตนเอง

ตอบคอมเมนต์, โพสต์คำถาม, ไลฟ์สด (Live Stream) และเชิญชวนให้คนร่วมพูดคุยในประเด็นที่สนใจจริง จะช่วยสร้างความสัมพันธภาพ และส่งผลให้โพสต์ถูกจัดอันดับดีขึ้น ทั้งจากผู้ใช้เองและ algorithm

9. หลีกเลี่ยงคลิกเบตและเนื้อหาไม่น่าเชื่อถือ

Facebook ปี 2025 แก้ปัญหาสแปม, ข่าวปลอม และคลิกเบตอย่างเข้มงวด โดยจะลด Reach ของโพสต์ที่มี hashtags เกินจริง ข้อความยาวไม่เกี่ยวข้องภาพ หรือพาดหัวจงใจชี้นำ นอกจากนี้ ยังเริ่มเปลี่ยนจาก fact‑check เป็นระบบ Community Notes ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เพิ่มเติมบริบทให้กับโพสต์แทน

สรุปภาพรวม

หัวข้อ เทคนิคปี 2025
ความถี่โพสต์ พอเหมาะ พยายามไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน
เนื้อหา เน้นบทสนทนาที่มีคุณค่า
มีเดีย โพสต์ภาพหรือวิดีโอทุกครั้ง
เวลาที่โพสต์ ช่วงเช้า 5.00 – 9.00 น.
แจ้งเตือน แนะนำคนดูเปิด Notification
โปรโมต เลือกโพสต์ดีจริง & จ่ายเงินโปรโมต
Stories/Reels ควรใช้ฟีเจอร์นี้อย่างจริงจัง
Engagement ตอบคอมเมนต์ ไลฟ์สด ตั้งคำถาม
เนื้อหาไม่โกง ตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงคลิกเบต

 

 

แหล่งที่มา :

theverge.com

businessinsider.com

sfgate.com

https://blog.useproof.com/facebook-algorithm

https://www.ignitesocialmedia.com/

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *