MBTI – เชื่อว่าหลายคนอาจเคยทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาที่เกี่ยวกับการค้นหาคำตอบว่าบุคลิกภาพ และลักษณะนิสัยของตัวคุณเองเป็นอย่างไรกันมาบ้างใช่มั้ยครับ? เมื่อหลายคนต้องการที่จะทราบถึงบุคลิกภาพของตัวเองจึงได้มีการต่อยอดในการใช้แบบทดสอบนี้มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวางกลยุทธ์ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์ที่จูงใจให้คนได้มาทำการทดสอบเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย หรือ เว็บไซต์ ตลอดจนการนำไปปรับใช้กับการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ว่าแต่ Myers–Briggs Type Indicator คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไรต่อโลกของธุรกิจและการตลาด วันนี้ Talka จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันครับ
MBTI คืออะไร?
ทำความเข้าใจ MBTI คืออะไร?
1. เปิดเผยตัวตน เทียบกับ เก็บตัว (Extraversion Vs. Introversion)
- Extraversion (เปิดเผยตัวตน) หมายถึง การได้รับพลังงานจากผู้อื่น คนที่ชอบเปิดเผยอาจมุ่งความสนใจไปที่การรวมกลุ่มทางสังคม โครงการกลุ่ม และการเป็นศูนย์กลางของความสนใจ
- Introversion (เก็บตัว) หมายถึง การได้รับพลังงานจากโลกภายในของตน คนที่เก็บตัวมักชอบใช้เวลาอยู่คนเดียว และอาจจะสนใจงานอดิเรกส่วนบุคคลและ/หรือการมีปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกับผู้อื่นมากกว่า
2. ใช้ประสาทสัมผัส เทียบกับ ใช้สัญชาติญาณ (Sensing Vs. Intuition)
- Sensing (ประสาทสัมผัส) หมายถึง วิธีที่บุคคลผสานรวมข้อมูล คนที่ใช้ประสาทสัมผัส หรือ Sensing มักจะชอบข้อมูลที่เป็นรูปธรรมและคิดได้จริงและเป็นเส้นตรงมากกว่า พวกเขาชอบคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงเมื่อต้องทำงานต่างๆ ให้เสร็จสิ้น
- Intuition (สัญชาติญาณ) คนที่ใช้ สัญชาตญาณมากกว่าจะให้ความสำคัญกับประสบการณ์ทางอารมณ์ส่วนตัวมากกว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีความเป็นปรัชญาและมีจินตนาการมากกว่า
3. ใช้ตรรกะ เทียบกับ ใช้ความรู้สึก (Thinking Vs. Feeling)
- Thinking (ตรรกะ) ผู้ที่ใช้ตรรกะหรือความคิด มีแนวโน้มที่จมีเป้าหมายและปฏิบัติได้จริงในการตัดสินใจ พวกเขายังสนใจที่จะค้นคว้าหรือใช้ประสบการณ์ของผู้อื่นเพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิง
- Feeling (ความรู้สึก) ในทางกลับกัน ผู้ที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวนั้นมีแนวโน้มที่จะมีพื้นฐานทางอารมณ์มากกว่า พวกเขาพึ่งพาความต้องการหรือความปรารถนาภายในของตน และมักจะคำนึงถึงผลกระทบทางอารมณ์เมื่อตัดสินใจเลือกในบางสิ่งบางอย่าง
4. มีแบบแผน เทียบกับ ไม่ยึดติดแบบแผน (Judging Vs. Perceiving)
- Judging (มีแบบแผน) ผู้ที่มีแบบแผนจะรับมือกับโลกภายนอกด้วยการประเมินซึ่งมีโครงสร้างที่ชัดเจน พวกเขาชอบที่จะรู้ว่าจะคาดหวังอะไร และมีความสัมพันธ์กับความสม่ำเสมอและความคุ้นเคย
- Perceiving (ไม่ยึดติดแบบแผน) ผู้ที่ไม่ยึดติดกับแบบแผนมีแนวโน้มที่จะมีความเป็นธรรมชาติและมีความยืดหยุ่นได้มากกว่าเมื่อต้องรับมือกับโลกภายนอก มีความประนีประนอมหรือสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า
MBTI สำคัญอย่างไรต่อองค์กร
แบบทดสอบ Myers-Briggs สำคัญอย่างไร? ต่อองค์กร
ในปัจจุบันมีองค์กรธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับการให้พนักงานได้ทดลองทำแบบทดสอบประเภทของบุคลิกภาพ ซึ่งข้อมูลจากการทดสอบบุคลิกภาพ (ของพนักงาน) จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เข้าใจใน จุดแข็ง และจุดอ่อนของพนักงาน ตลอดจนเข้าใจในวิธีสร้างการรับรู้ และการประมวลผลข้อมูลของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น พนักงานจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นถึงวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าหางาน จัดการเวลา แก้ปัญหา ตัดสินใจ และจัดการกับความเครียดของพนักงาน ต่อไปนี้คือวิธีที่องค์กรต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลจากแบบทดสอบเพื่อนำมาสร้างองค์กรที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จได้มากขึ้นครับ
1. สร้างความเข้าใจในทีมงาน
2. สร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
3. ช่วยพัฒนาความเป็นผู้นำ
4. ช่วยแก้ไขข้อขัดแย้ง
5. เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
ประโยชน์ของ MBTI ในการวางกลยุทธ์การตลาด
1. การปรับแต่งเนื้อหาและการส่งข้อความ
2. การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย
3. การวางตำแหน่งและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
4. การมีส่วนร่วมกับโซเชียลมีเดีย
5. การบริหารลูกค้าสัมพันธ์
ข้อควรพิจารณา การใช้ MBTI
ในปัจจุบันเราอาจเห็นได้ว่าแบรนด์ต่างๆ นิยมทำคอนเทนต์ที่มีการนำแบบทดสอบ Myers-Briggsมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Engagement หรือ ทำให้คนเข้ามาในเว็บไซต์ หรือ Landing Page มากขึ้น ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ได้ข้อมูลที่เป็นอินไซต์ที่มีค่าต่อการนำมาปรับใช้ แต่แม้ว่าการรวมข้อมูลเชิงลึกจากแบบทดสอบบุคลิกภาพที่ธุรกิจของคุณได้จากกลุ่มเป้าหมายมาใช้ในกลยุทธ์การตลาดจะสามารถให้กรอบการทำงานที่มีคุณค่าสำหรับการทำความเข้าใจ และเชื่อมโยงกับผู้ชมที่หลากหลาย
อย่างไรก็ตาม นักการตลาดควรคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และหลีกเลี่ยงการมองภาพกว้างหรือเหมารวมเกินไปโดยพิจารณาจากประเภทบุคลิกภาพเพียงอย่างเดียว แม้ว่า แบบทดสอบ Myers-Briggs จะถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในสาขาต่าง ๆ แต่ความเกี่ยวข้องและความสำคัญของแบบทดสอบ Myers-Briggs ในกลยุทธ์ทางการตลาดยังเป็นประเด็นที่ยังมีการถกเถียงกันอยู่แม้อาจมีข้อโต้แย้งว่าการทำความเข้าใจประเภทบุคลิกภาพของผู้บริโภคอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น การปรับแต่งโฆษณา และข้อความให้เข้ากับลักษณะบุคลิกภาพที่เฉพาะเจาะจงอาจโดนใจกลุ่มประชากรบางกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักการตลาดอาจใช้ข้อมูลเชิงลึกจากแบบทดสอบ Myers-Briggs เพื่อสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจของบุคคล รูปแบบการสื่อสาร และกระบวนการตัดสินใจ