Social Proof คืออะไร? พร้อมเทคนิคการใช้ เพื่อยอดขายทะลุเป้า!

Social Proof
Social Proof – ท่ามกลางสมรภูมิของธุรกิจออนไลน์ที่เฟื่องฟูและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของธุรกิจ ในยุคของการสื่อสารที่ไร้พรมแดนอย่างทุกวันนี้มีเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างหนึ่งที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความไว้วางใจของผู้บริโภคและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า หลักฐานทางสังคม ในบทความนี้เราจะสำรวจไปพร้อมกันว่า หลักฐานทางสังคมคืออะไร? และคุณจะสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้างครับ 

Social Proof คืออะไร?

Social Proof คืออะไร

Social Proof คืออะไร?

ลองจินตนาการว่าคุณกำลังตัดสินใจซื้อโซฟาตัวใหม่ คุณเจอโซฟาอยู่สามตัวที่เข้าตาและถูกใจในอินเทอร์เน็ตโดยพิจารณาจากรูปภาพเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามโซฟาตัวแรกมีบทวิจารณ์มากกว่า 500 คอมเมนต์ โดยมีคะแนนเฉลี่ย 4.8 ดาว ตัวที่สองมีรีวิว 140 คอมเมนต์ และได้คะแนน 2 ดาว ตัวที่สามไม่มีรีวิว สุดท้ายแล้วคุณจะเลือกซื้อโซฟาตัวไหนครับ? คุณน่าจะสนใจโซฟาตัวที่มีลูกค้าแสดงความพึงพอใจมากกว่า 500 ราย ใช่มั้ยครับ? เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่าการพิสูจน์หรือการรับรองทางสังคม ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Marketing Psychology ที่สำคัญมากๆ ในแง่ของกลยุทธ์การตลาด
Social Proof หรือ หลักฐานและการพิสูจน์ทางสังคม คือ ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ผู้คนมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามการกระทำและความคิดเห็นของผู้อื่นเพื่อพยายามสะท้อนพฤติกรรมที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่กำหนด กล่าวคือจะปฏิบัติตามการกระทำหรือความเชื่อของผู้อื่นเนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการได้รับการยอมรับและชื่นชอบจากผู้อื่น ในบริบทของการขายและการตลาด หลักฐานทางสังคมในรูปแบบบทวิจารณ์หรือรีวิวของลูกค้าปัจจุบัน ตลอดจนการรายงานข่าวของสื่อ และอื่นๆ สามารถโน้มน้าวผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ด้วยการแสดงให้เห็นเป็นหลักฐานว่าผู้อื่นได้ซื้อและเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์หรือบริการจริงๆ โดยเป็นการยืนยันคุณค่าของผลิตภัณฑ์

Social Proof ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

ตัวอย่าง Social Proof

ตัวอย่าง หลักฐานทางสังคม ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

1. คำวิจารณ์และคำรับรองจากลูกค้า

รูปแบบการพิสูจน์ทางสังคมขั้นพื้นฐานและสำคัญที่สุดรูปแบบหนึ่ง คือ การวิจารณ์และคำรับรองจากลูกค้าเก่า บริษัทที่ให้ความสำคัญกับรีวิวจากลูกค้าที่พึงพอใจจะมีอัตราคอนเวอร์ชันสูงกว่าบริษัทที่ไม่ทำเลย ธุรกิจของคุณอาจได้รับคำรับรองและบทวิจารณ์บนช่องทางออนไลน์ บทวิจารณ์หรือการรีวิวเป็นตัวอย่างที่สำคัญของการพิสูจน์ทางสังคม การให้คะแนนและบทวิจารณ์บนเว็บไซต์ของคุณตลอดจนการแชร์บนโซเชียลมีเดียทำให้ผู้ชมของคุณรู้ว่าผู้อื่นคิดอย่างไร ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการแสดงให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณนั้นมีความคุ้มค่าที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อ เมื่อผู้คนเห็นว่าผู้อื่นมีประสบการณ์ที่ดีกับผลิตภัณฑ์ของคุณ พวกเขาย่อมมีแนวโน้มที่จะไว้วางใจในแบรนด์ของคุณเช่นเดียวกัน

2. เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (UGC)

UGC หรือเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นคือเนื้อหาทั่วไปที่ลูกค้าของคุณสร้างขึ้น พลังของเนื้อหา UGC อยู่ที่ความเรียบง่าย ผู้คนมีแนวโน้มที่จะคิดว่าเนื้อหา UGC มีความถูกต้องมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาแบบชำระเงินหรือแคมเปญที่มีอิทธิพลแบบดั้งเดิม ความถูกต้องนั้นเมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าผู้คน 76% ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ หมายความว่าเนื้อหา UGC เป็นตัวขับเคลื่อนการขายที่สำคัญอย่างแท้จริง
ผู้คนจะรู้ว่าคุณมีลูกค้าที่มีความสุขเมื่อคุณแบ่งปันเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นบนหน้าโซเชียลของคุณ กลยุทธ์นี้สามารถทำงานได้บนเกือบทุกแพลตฟอร์ม แต่เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปและมีประสิทธิภาพมากที่สุดบน Instagram เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นคือเนื้อหาใดๆ ที่ลูกค้าของคุณสร้างขึ้น เช่น รูปภาพ วิดีโอ และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เนื้อหาประเภทนี้มีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากเป็นการแสดงให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของคุณถูกใช้และเพลิดเพลินโดยคนทั่วไปอย่างแท้จริง

3. การรับรองโดยผู้มีอิทธิพล 

หรือการตลาดแบบ Influencer Marketing กลยุทธ์นี้คือการที่แบรนด์ของคุณจ่ายค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันให้แก่อินฟลูเอนเซอร์ที่นำเสนอแบรนด์ของคุณในโพสต์โซเชียลมีเดียของพวกเขา  เมื่อผู้คนทำการค้นหาเกี่ยวกับคุณในโปรไฟล์ของอินฟลูเอนเซอร์คนโปรด ทันใดนั้นพวกเขาอาจชื่นชมคุณในใจ ดังนั้นพวกเขาจึงคลิกต่อไปที่เว็บไซต์หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณ ซึ่งตอนนี้ถือว่าคุณมีแฟนแบรนด์คนใหม่แล้ว และมีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นลูกค้าของคุณในอนาคตอีกด้วย
เนื่องจากผู้คนชอบติดตามอินฟลูเอนเซอร์เพราะพวกเขาชอบที่จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์และบริการประเภทใดที่ผู้สร้างเนื้อหาเหล่านี้สวมใส่ ใช้ และชื่นชอบ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของหลักฐานทางสังคม และสามารถเปิดเผยแบรนด์ของคุณสู่ผู้ชมในวงกว้างได้ ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจำนวนมาก เมื่อผู้มีอิทธิพลแนะนำผลิตภัณฑ์ของคุณ ผู้ติดตามของพวกเขาก็ย่อมที่จะมีแนวโน้มที่จะเชื่อถือแบรนด์ของคุณและซื้อจากคุณในที่สุด

4. รางวัลต่างๆ ที่แบรนด์ได้รับ

ธุรกิจของคุณได้รับรางวัลหรือได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมของคุณหรือไม่? ถ้าเคย อย่าลืมที่จะโชว์สิ่งนั้น! นี่เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการโน้มน้าวให้ผู้คนทราบว่าธุรกิจของคุณขึ้นชื่อในด้านความเป็นเลิศ รางวัลที่แบรนด์หรือธุรกิจเคยได้รับจากการดำเนินกิจการ หรือ Industry awards ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามที่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของแบรนด์ได้ เมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าคุณได้รับการยอมรับในสังคมพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเอนเอียงมาทางคุณมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

5. กรณีศึกษา (Case studies)

กรณีศึกษาที่ดีจะควรเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชมเป้าหมายของคุณ โดยแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแก้ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างไร และเน้นย้ำถึงผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่พวกเขาได้รับจากการมีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับคุณ เนื้อหาของกรณีศึกษาส่วนใหญ่อาจปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของคุณ อย่างไรก็ตามควรดัดแปลงให้เป็นวิดีโอสำหรับช่อง YouTube ของคุณ  เปลี่ยนวิดีโอ YouTube นั้นเป็นส่วนเล็กๆ หลายส่วนสำหรับ TikTok หรือ Reels การดึงคำพูดสำหรับกราฟิกหรือโพสต์แบบหมุนสำหรับโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

วิธีใช้ Social Proof เพื่อเพิ่มยอดขาย

วิธีใช้ Social Proof เพื่อเพิ่มยอดขาย

7วิธี ใช้หลักฐานทางสังคมเพื่อเพิ่มยอดขาย

1. ทำงานด้วยกลยุทธ์เชิงรุก

แทนที่จะรอให้ลูกค้าพูดสิ่งดีๆ เกี่ยวกับธุรกิจของคุณเพื่อให้คุณนำไปใช้ ลองออกไปพูดคุยกับลูกค้าของคุณก่อน แน่นอนว่าคุณต้องทำให้ปฏิสัมพันธ์ที่มีเกิดประโยชน์ร่วมกันแบบวินวิน เหตุใดลูกค้าของคุณควรสละเวลาในการให้ข้อมูลทางการตลาดแก่คุณ พวกเขาจะได้ประโยชน์อะไร?
ดังนั้นให้คุณเชิญลูกค้าที่ภักดีที่สุด หรือสมัครสมาชิกยาวนานที่สุดของคุณให้เข้าร่วมการสนทนากลุ่ม VIP เชื่อเถอะครับว่า ใครๆ ก็ชอบถูกขอให้เข้าร่วมคลับลับๆ ที่ดูมีอภิสิทธิ์ลักษณะนี้ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของข้อพิสูจน์ทางสังคมที่เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามคุณจำเป็นต้องเสนอสิ่งตอบแทนสำหรับการเข้าร่วม อาทิ บัตรของขวัญ ส่วนลดผลิตภัณฑ์ ของสมนาคุณฟรี เป็นต้น นอกจากนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รวบรวมความคิดเห็นทั้งเชิงบวกและเชิงสร้างสรรค์ โดยให้ความสำคัญเท่าๆ กัน แน่นอนคุณไม่ต้องการให้ลูกค้าชั้นนำของคุณรู้สึกว่าข้อกังวลของพวกเขาถูกละเลย ทุกคนมีพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขและข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ควรมีคุณค่าต่อคุณเท่าเทียมกันหรือมากกว่านั้น
นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างหลักฐานทางสังคมในเชิงรุกได้โดย
  • แชร์และการนำความคิดเห็นทางโซเชียลมีเดียมาใช้ใหม่เพื่อเป็นคำรับรอง
  • แบ่งปันเนื้อหา UGC จากลูกค้าของคุณ
  • จัดการแข่งขันที่ผู้คนต้องเขียนรีวิวเพื่อเข้าร่วม
  • ตอบกลับความคิดเห็น และ DM ทั้งหมด แม้แต่ความคิดเห็นเชิงลบก็ตาม เพื่อสร้างชื่อเสียงของคุณในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้าทุกคนของคุณ

2. ยึดแนวทาง “คุณภาพดีกว่าปริมาณ”

กฎข้อนี้ใช้ได้กับเกือบทุกสิ่ง และข้อพิสูจน์ทางสังคมก็เช่นเดียวกัน คุณควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างห้องสมุดของการพิสูจน์ทางสังคมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้ ชักจูงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงให้รายงานข่าวผ่านสื่อ แทนที่จะประชาสัมพันธ์ออกไปแบบกว้างๆ โดยหวังผลอย่างลมๆ แล้งๆ  ที่สำคัญ คือคุณควรโปรโมตบทวิจารณ์ของลูกค้าที่น่าทึ่ง มีรายละเอียด และน่ายกย่องชมเชยอย่างล้นหลามหนึ่งรายการมาเป็นโฆษณาๆ หนึ่ง แทนที่จะเป็นบทวิจารณ์ธรรมดาๆ เพียงประโยคเดียวเป็นสิบๆ รายการ
คุณสามารถเริ่มใช้หลักฐานทางสังคมในการทำการตลาดของคุณได้โดยไม่ต้องมีคำรับรองหรือการรายงานข่าวจากสื่อที่หรูหรา เพียงเริ่มต้นด้วยการเพิ่มไอคอนความปลอดภัยและป๊อปอัปหลักฐานการซื้อลงในเว็บไซต์ของคุณ ลองทำงานร่วมกับผู้มีอิทธิพลหรือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ขอให้ลูกค้าเขียนรีวิว หรือจัดการแข่งขันเพื่อชิงรางวัลมากมาย ในไม่ช้า คุณจะเริ่มได้รับหลักฐานทางสังคมที่จะนำไปใช้ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

3. วาง หลักฐานทางสังคม อย่างมีกลยุทธ์

รวบรวมและแสดงบทวิจารณ์ของลูกค้าบนเว็บไซต์และหน้าโซเชียลมีเดียของคุณ นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งในการใช้หลักฐานทางสังคม เนื่องจากจะแสดงให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าผู้อื่นมีประสบการณ์เชิงบวกกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ควรแสดงหลักฐานทางสังคมอย่างเด่นชัดบนเว็บไซต์ของคุณ โดยเฉพาะในหน้าผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น บทวิจารณ์ของลูกค้า การให้คะแนนดาว และจำนวนผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ เมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าคนอื่นซื้อและชอบผลิตภัณฑ์ของคุณ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะซื้อด้วยตนเองมากขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเข้าถึงและมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย  นอกจากนี้ คุณควรแสดงเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นบนเว็บไซต์และหน้าโซเชียลมีเดียของคุณ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ วิดีโอ และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เนื้อหาประเภทนี้มีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากแสดงให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของคุณได้รับการยอมรับจากผู้อื่นอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณใช้หลักฐานทางสังคมในแคมเปญการตลาดผ่านอีเมลของคุณ เช่น การใส่คำรับรองจากลูกค้าในอีเมลของคุณ หรือการแสดงวิดเจ็ตหลักฐานทางสังคมในลายเซ็นอีเมลของคุณได้ก็จะยิ่งเพิ่มคะแนนนิยมให้กับคุณได้อีกทางหนึ่ง

4. ร่วมมือกับ Influencer

เพื่อการโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ Influencer คือ ผู้ที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ จำนวนมาก เมื่อคุณเป็นพันธมิตรกับผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ คุณจะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจำนวนมาก และทำให้พวกเขาเห็นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณถูกใช้และได้รับการรับรองคุณภาพโดยคนจริงๆ

5. ใช้ให้เหมาะสม

ผู้ชมที่แตกต่างกันตอบสนองต่อข้อพิสูจน์ทางสังคมประเภทต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ชม B2B อาจได้รับอิทธิพลมากกว่าจากคำรับรองจากธุรกิจอื่นๆ ในขณะที่ผู้ชมของผู้บริโภคอาจตอบสนองต่อบทวิจารณ์จากผู้บริโภคแต่ละรายได้ดีกว่า หรือ หากคุณขายผลิตภัณฑ์ให้กับคนรุ่นมิลเลนเนียล คุณควรใช้หลักฐานทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับคนรุ่นมิลเลนเนียล เป็นต้น การปรับแต่งข้อพิสูจน์ทางสังคมของคุณให้ตรงตามความต้องการและความชอบเฉพาะของผู้ชมจะช่วยเพิ่มผลกระทบในเชิงบวกได้

6. ใช้ให้หลากหลาย

นอกจากนี้ คุณควรใช้หลักฐานทางสังคมหลายประเภท อย่าพึ่งพาหลักฐานทางสังคมเพียงประเภทเดียว การผสมผสาน หลักฐานทางสังคมที่หลากหลายจะสามารถรองรับผู้ชมที่หลากหลาย เนื่องจากลูกค้าบางรายอาจโดนใจมากขึ้นด้วยคำรับรองที่เป็นลายลักษณ์อักษร ในขณะที่บางรายอาจได้รับอิทธิพลจากเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นหรือการรับรองจากผู้มีอิทธิพล เป็นต้น หากคุณเลือกใช้หลักฐานทางสังคมไม่หลากหลาย ในท้ายที่สุดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจะเกิดความรู้สึกว่าคุณกำลังพยายามปลอมแปลงหลักฐานนั้นๆ หรือนั่งเทียนสร้างมันขึ้นมาเองได้ 

7. รักษาความเป็น “ของแท้”

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลักฐานทางสังคมที่คุณใช้นั้นมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ อย่าปลอมแปลงบทวิจารณ์หรือคำรับรอง เนื่องจากการกระทำลักษณะนี้สามารถทำลายความน่าเชื่อถือของคุณลงได้ ยึดมั่นไว้ว่าความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเสมอเมื่อคุณต้องการใช้ประโยชน์จากการพิสูจน์ทางสังคม ที่สำคัญผู้บริโภคในยุคนี้ฉลาดพอที่จะสามารถรับรู้ได้ถึงความไม่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาได้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าพวกเขาพร้อมที่จะไม่ไว้วางใจในแบรนด์ของคุณ ท้ายที่สุดแล้วการพิสูจน์ทางสังคมจะเป็นกำลังสำคัญที่สามารถส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ของคุณ ด้วยการผสมผสานการพิสูจน์ทางสังคมประเภทต่างๆ อย่างมีกลยุทธ์และรักษาความถูกต้อง คุณจะสามารถสร้างความไว้วางใจ สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มยอดขายได้ในที่สุด 

แหล่งที่มา :

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *