Facebook ads manager : เครื่องมือที่ช่วยให้การทำโฆษณาไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Facebook ads manager

Facebook ads manager

เชื่อว่าหลายคนคงพอจะเคยได้ยินชื่อเครื่องมือ Facebook ads manager กันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเครื่องมือตัวนี้คืออะไร สามารถทำอะไรได้บ้าง ข้อดีเป็นยังไง หรือ แตกต่างกับตัวเครื่องมือที่ชื่อว่า Facebook Business Manager อย่างไร ซึ่งในบทความนี้เราจะมาอธิบายกัน รวมไปถึงการแนะนำ 7 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเริ่มต้นสร้างโฆษณาด้วยตัวเองค่ะ

Facebook ads manager คืออะไร?

พูดง่ายๆ มันคือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้าง ปรับแก้ไข และจัดการโฆษณาของคุณได้ โดยที่จะแสดงภาพให้เห็นว่าโฆษณาของคุณจะบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างไรบน Social Media และ Audience Network ซึ่งคุณสามารถใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ผลลัพธ์แคมเปญ ทำให้คุณได้รู้จักกลุ่มเป้าหมาย ผลิตภัณฑ์ กับทิศทางในการทำการตลาดที่เหมาะสมกับคุณมากยิ่งขึ้น

ซึ่งตัวเครื่องมือนี้คุณสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์หรือดาวน์โหลด facebook ads manager app เข้ามาเพื่อใช้งานผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อีกด้วย

Ads manager ทำอะไรได้บ้าง ?

  • การสร้างแคมเปญโฆษณา เริ่มต้นจากคุณต้องเลือกวัตถุประสงค์ทางการตลาด กลุ่มคนที่คุณต้องการเข้าถึง พื้นที่ในการแสดงโฆษณา และรูปแบบของโฆษณา ซึ่งคุณสามารถใช้ เครื่องมือ Ad creation ในการออกแบบสร้างสรรค์โฆษณาขึ้นมา
  • บริหารจัดการแคมเปญโฆษณาหลายรายการพร้อมกันโดยที่คุณสามารถแก้ไข หรือตั้งค่า กลุ่มผู้ชม งบประมาณ ตำแหน่งการแสดงโฆษณา จำนวนหลายรายการภายในหน้าเดียวกัน รวมไปถึงการสร้างสำเนาโฆษณาของคุณขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
  • ดูประสิทธิภาพโฆษณาของคุณ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพโฆษณาของคุณ โดยที่คุณสามารถดูผลลัพท์ในระดับโฆษณา, ชุดโฆษณา, ไปจนถึงแคมเปญและภาพรวมการทำงานของโฆษณาทั้งหมด เมตริกที่คุณสนใจ และการสร้างหรือตั้งเวลารายงานโฆษณา
  • การเลือกดูรายละเอียดของบัญชี แคมเปญ ชุดโฆษณาหรือโฆษณา เพื่อจัดการ Creative หรือ Art workของคุณ หรือดูผลลัพธ์แบบเฉพาะเจาะจงเป็นบางรายการได้ เพราะคุณสามารถปรับแต่งเลือกหัวข้อในแสดงผลลัพท์ได้ด้วยตนเอง

ข้อดีของ Ads Manager

  • สร้างสำเนาโฆษณาของคุณขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว 
  • แก้ไขการตั้งค่าโฆษณาของคุณ เช่นกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ ภายในที่เดียว
  • วิเคราะห์ผลลัพธ์และทำการเปลี่ยนแปลงโฆษณาและแคมเปญได้ทันที
  • ปรับแต่งกราฟและตารางของคุณเพื่อดูเมตริกที่สำคัญได้ตามความต้องการเฉพาะบุคคล
  • สามารถสร้างและจัดการโฆษณาได้ทั้งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และคอมพิวเตอร์
  • ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในการสร้างและปรับปรุงแคมเปญโฆษณาชุดต่อๆไป

ความแตกต่างระหว่าง Ads Manager กับ Business Manager 

คุณรู้หรือไม่ว่า? ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Ads manager กับ Business manager ในโลกของ Facebook อาจสร้างความสับสนให้กับบางคน ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าความแตกต่างของสองอย่างนี้คืออะไร

Ads Manager

เป็นเครื่องมือของ Facebook ที่คุณสามารถสร้างและจัดการโฆษณาของคุณ คุณสามารถแก้ไข หรือ ดูผลลัพท์แคมเปญโฆษณา ชุดโฆษณาและโฆษณาทั้งหมดได้

Business Manager

Business Manager เป็นตัวจัดการธุรกิจครบวงจรที่คุณสามารถจัดการกิจกรรมทางการตลาดและการโฆษณาทั้งหมดบนแพลตฟอร์มของเฟสบุ๊ค ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจทุกขนาด ช่วยให้คุณสร้างโฆษณา จัดการทรัพย์สินต่างๆหลากหลายรายการ เช่น เพจ Facebook โปรไฟล์ Instagram ง่ายต่อการแบ่งปันและเข้าถึงเนื้อหากับทีมของคุณและพันธมิตรภายนอกได้อย่างง่ายดาย

7 ขั้นตอนการสร้างโฆษณา Ads Manager

Step #1 : สร้างโฆษณา 

ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้งาน คุณจะต้องมีเพจสำหรับธุรกิจก่อน หากคุณยังไม่มีเพจธุรกิจ คุณสามารถสร้างได้ที่ Create a Page

  1. ใส่รายละเอียดเพจของคุณ ชื่อ / หมวดหมู่ /คำอธิบาย
  2. กด Create Page
สร้างเพจ

เมื่อคุณตั้งค่าโปรไฟล์ธุรกิจแล้วหรือหากคุณมีอยู่แล้ว Facebook จะช่วยให้สร้างโฆษณาแรกของคุณได้อย่างง่ายดาย และไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใดๆ เพราะระบบจะสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อคุณสร้างเพจ

แพลตฟอร์มนี้เป็นเหมือนสำนักงานใหญ่ของการทำโฆษณา ที่มีฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณ :

  • ตั้งค่าแคมเปญ ชุดโฆษณา และตัวโฆษณา
  • จัดการและแก้ไขการใช้จ่ายพวกสื่อ
  • กำหนดเป้าหมายเฉพาะของลูกค้า
  • ตรวจสอบประสิทธิภาพ เมตริกของแคมเปญ

หากคุณต้องการเข้าถึงแพลตฟอร์ม สามารถคลิกปุ่มในแถบเครื่องมือด้านซ้ายมือ

Step #2 : เริ่มต้นสร้างโฆษณา 

เมื่อคุณอยู่ในแพลตฟอร์ม เลือกปุ่มสีเขียว “Create Ad” คุณจะได้รับแจ้งให้เลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญหรือสิ่งที่คุณต้องการบรรลุในการทำโฆษณาจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 ลำดับดังนี้

  • Awareness : สร้างความรู้และความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
  • Consideration : อนุญาตให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ กดคลิกลิงก์ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม และคำนึงถึงสินค้าหรือบริการของคุณเป็นอันดับต้นๆ
  • Conversion : กระตุ้นผู้ชมไปยังจุดที่เราต้องการ (เช่น คลิกเพื่อซื้อหรือลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่น)
facebook ads objective

Step #3 : เลือกกลุ่มเป้าหมาย 

ความสามารถในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของ Facebook ด้วยข้อมูลประชากรจำนวนมากที่รวบรวมจากผู้ใช้งานทั่วโลก คุณจึงสามารถระบุรายละเอียดได้ว่าต้องการนำส่งโฆษณาไปให้กลุ่มคนกลุ่มไหนดู และนี้คือตัวอย่างหัวข้อในการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่คุณสามารถเลือกรายละเอียด เพื่อกรองหากลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับคนที่คุณต้องการที่สุด มีหัวข้อดังนี้

  • Location สถานที่ : กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการส่งโฆษณาโดยการอิงจากตำแหน่งสถานที่ คุณสามารถเลือกเมือง เขต รัฐ รหัสไปรษณีย์ 
  • Age อายุ : กำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ
  • Gender เพศ : กำหนดเป้าหมายโฆษณาไปที่ ผู้หญิง ผู้ชายหรือคนทุกเพศ
  • Languages ภาษา : กำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ใช้ในบางภาษา
  • Detailed Targeting กำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยละเอียด : รวมหรือยกเว้นกลุ่มคนจากกลุ่มเป้าหมาย ตามเกณฑ์เช่น ข้อมูลประชากร ความสนใจ พฤติกรรม
  • Connections การเชื่อมต่อ : รวมหรือยกเว้นผู้คนจากกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยอิงจากการเชื่อมต่อจาก เพจ แอป หรืออีเวนท์
  • Custom Audiences การกำหนดกลุ่มเป้าหมายเองคือ กลุ่มเป้าหมายที่เลือกจากข้อมูลที่เรามีอยู่ หรือ ข้อมูลที่สร้างขึ้นมากจากเครื่องมือของ Facebook คุณสามารถสร้าง Custom Audiences จากรายการ Facebook pixel, Facebook SDK และ การมีส่วนร่วมบน Facebook
เลือกกลุ่มเป้าหมายบน Facebook ads manager

Step #4 : กำหนดงบประมาณโฆษณาของคุณ

ระบบอนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมจำนวนเงินที่ต้องการใช้จ่ายกับโฆษณาแต่ละรายการ ปัจจุบันมีสองวิธีหลักในการจัดสรรงบประมาณของการใช้สื่อ

  • Daily Budget (จำนวนเงินโดยเฉลี่ยที่คุณจะใช้จ่ายต่อวันกับโฆษณา) 
  • Lifetime Budget (จำนวนเงินที่คุณจะใช้ทั้งหมดภายในช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับโฆษณา)
เลือกงบประมาณในการทำ Facebook ads

และก่อนที่คุณจะใส่งบประมาณในแคมเปญ สิ่งสำคัญคือคุณต้องทบทวนวัตถุประสงค์แคมเปญของคุณอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์หรือเพจ Facebook แสดงว่าคุณต้องตั้งเป้าหมายให้มีต้นทุนต่อการคลิกลิงก์ต่ำที่สุด

Step #5 : กำหนดตำแหน่งการแสดงโฆษณาของคุณ

ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะเลือกตำแหน่งการแสดงโฆษณา หมายถึงตำแหน่งที่โฆษณาของคุณจะปรากฏบนแพลตฟอร์ม ยกตัวอย่างเช่น ในฟีดข่าวบน Facebook, Messenger หรือแม้กระทั่ง Instagram สตอรี่ หากคุณตั้งค่าโฆษณาเป็นครั้งแรกควรเลือกเป็น Automatics Placements เพื่อให้ระบบประเมินว่าตำแหน่งโฆษณาไหนคุ้มค่ากับงบประมาณและตรงตามเป้าหมายของคุณมากที่สุด

ads-placement

Step #6 : สร้างโฆษณาของคุณ

Facebook ทำให้การสร้างโฆษณานั้นง่ายมากเพียงแค่ทำตามคำแนะนำที่กำหนดโดย Facebook ในการเลือกรูปแบบโฆษณา ช่องทาง โฆษณา คำอธิบาย ของคุณ

เมื่อพูดถึงรูปแบบโฆษณาของคุณคุณมีตัวเลือกดังนี้

  • Single Image : โฆษณาที่ใช้รูปภาพเดียว
  • Single Video : โฆษณาที่ใช้วิดีโอเดียว
  • Slideshow : โฆษณาที่ใช้รูปภาพ 2-10 ภาพ หรือวิดีโอ 
  • Carousel : โฆษณาที่ใช้รูปภาพไม่เกิน 10 ภาพ หรือวิดีโอแต่ไม่สามารถใช้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน

หากคุณอยากศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบของโฆษณาสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ads มีกี่ประเภท? และใช้งานอย่างไรให้ตอบโจทย์เป้าหมายการตลาด

create-ads

Step #7 : เผยแพร่โฆษณาของคุณ

เมื่อคุณพอใจกับโฆษณาที่คุณกำหนดแล้วสามารถกดปุ่ม “Publish” เพื่อบันทึกโฆษณาของคุณ จากนั้นระบบจะตรวจสอบโฆษณาของคุณ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง และทำการเผยแพร่ทันทีเมื่อได้รับอนุมัติ

สรุป

จากเนื้อหาทั้งหมดข้างต้นคงทำให้เรารู้แล้วว่า เฟสบุ๊ค แอดเมเนเจอร์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการสร้างและจัดการโฆษณาของคุณ และสามารถช่วยในเรื่องการทำกลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดียให้ตอบโจทย์กับเป้าหมายทางธุรกิจมากขึ้น และเมื่อคุณตั้งค่าพื้นฐานแล้ว คุณสามารถเริ่มวางแผนและดำเนินการโฆษณาบนเฟสบุ๊คที่จะส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณได้ไม่ยากค่ะ

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.facebook.com/business/help/200000840044554?id=802745156580214
https://snapshotinteractive.com/
https://later.com/blog/
https://www.impactplus.com/blog
https://www.facebook.com/business/help

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *