Petsumer – ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่าคนไทยมีลูกน้อยลงโดยจำนวนเด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะที่อัตราการเกิดลดลง คนไทยมีแนวโน้มที่จะหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า 49% ของคนไทยเลือกเลี้ยงสัตว์เป็นลูก (Pet Parent) แทนการมีลูกซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับตัวและหันมาใช้กลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า “Petsumer” เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีความรัก และความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงรายละเอียดในประเด็นนี้กันครับ
Petsumer คืออะไร?
ทำความเข้าใจ Petsumer คืออะไร?
การตลาดแบบ Petsumer หมายถึง กลยุทธ์การตลาดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีความเต็มใจมากขึ้นที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงสำหรับสัตว์เลี้ยงของตน โดยรวมคำว่าสัตว์เลี้ยง (Pet) และผู้บริโภค (Consumer) เข้าด้วยกัน ซึ่งเน้นย้ำถึงสถานะเฉพาะตัวของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ให้ความสำคัญกับความต้องการและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยงของตนเป็นอันดับแรก
เทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย เนื่องจากบรรทัดฐานทางสังคมเปลี่ยนแปลงไปโดยคนวัยทำงานหรือวัยสร้างครอบครัวเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนโครงสร้างของครอบครัวแบบดั้งเดิมผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงโดยทั่วไปในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ Generation Y (อายุ 24 ถึง 41 ปี) โดยส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นผู้หญิงประชากรกลุ่มนี้มีลักษณะเฉพาะ คือ มีความผูกพันทางอารมณ์กับสัตว์เลี้ยงอย่างแน่นแฟ้น ส่งผลให้มีการใช้จ่ายสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงมีความโดดเด่นในเรื่องความเต็มใจที่จะจ่ายเงินสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการระดับพรีเมียม ซึ่งรวมถึง
- อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง : ผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงจำนวนมากให้ความสำคัญกับโภชนาการ โดยมักจะเลือกอาหารสัตว์เลี้ยงออร์แกนิกหรืออาหารเฉพาะทาง
- บริการอาบน้ำและตัดขน : บริการต่างๆ เช่น การอาบน้ำและตัดขนเป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเน้นย้ำถึงความต้องการให้สัตว์เลี้ยงได้รับการดูแลและการดูแลเป็นอย่างดี
- ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกาย : มีตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงอาหารเสริมและบริการสัตวแพทย์ เนื่องจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องการให้แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงของตนมีอายุยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ปัจจัยที่ทำให้ Petsumer เติบโต
1. การเปลี่ยนแปลงพลวัตของครอบครัว
2. การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับสัตว์เลี้ยง
3. อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย
Petsumer กับการปรับตัวของธุรกิจและอุตสาหกรรม
1. อุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการสัตว์เลี้ยง
2. บริการดูแลสัตว์เลี้ยง
3. บริการและการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง
4. การค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ
5. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสัตว์เลี้ยง
6. บริการสัตวแพทย์และการดูแลสุขภาพ
7. แบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์สำหรับสัตว์เลี้ยง
Influencer สัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียง
1. จุ๊มเหม่งมีอะไร
2. Gluta Story
3. เอ็ดเวิร์ด แมวนักเดินทาง
4. วอแวเป็ดมีผม
กลยุทธ์ Petsumer ทำอย่างไรให้สำเร็จ
1. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
- ดำเนินการวิจัยตลาด : ใช้การสำรวจกลุ่มเป้าหมาย และการสัมภาษณ์ เพื่อรวบรวมคำติชมโดยตรงจากเจ้าของสัตว์เลี้ยง ข้อมูลเชิงคุณภาพเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบ ปัญหา และการตัดสินใจซื้อของพวกเขาได้
- สร้างตัวตนของผู้ซื้อ : พัฒนาตัวตนของผู้ซื้อโดยละเอียดที่สรุปลักษณะเฉพาะของลูกค้าในอุดมคติของคุณ ตัวตนเหล่านี้ควรมีข้อมูลประชากร จิตวิเคราะห์ และลักษณะทางพฤติกรรม ช่วยให้มองเห็นและเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น
- ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากโซเชียลมีเดีย : วิเคราะห์เมตริกการมีส่วนร่วมและข้อมูลประชากรของกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ข้อมูลนี้สามารถเปิดเผยเนื้อหาใดที่ผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงเข้าถึงมากที่สุดและเมื่อใดที่พวกเขาใช้งานออนไลน์มากที่สุด
- มีส่วนร่วมในการรับฟังทางโซเชียล : ติดตามการสนทนาเกี่ยวกับแบรนด์และอุตสาหกรรมของคุณบนโซเชียลมีเดียและฟอรัม การปฏิบัตินี้สามารถช่วยระบุเทรนด์ ความรู้สึก และความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ในชุมชนผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงได้
- แบ่งกลุ่มเป้าหมายของคุณ : แบ่งกลุ่มเป้าหมายของคุณออกเป็นกลุ่มย่อยตามลักษณะหรือพฤติกรรมที่เหมือนกัน การแบ่งกลุ่มนี้ช่วยให้ทำการตลาดได้อย่างตรงเป้าหมายมากขึ้น และมีกลยุทธ์การสื่อสารที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น ติดตามคู่แข่ง ตลอดจนศึกษาคู่แข่งของคุณเพื่อทำความเข้าใจกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของผู้ชม การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นในกลยุทธ์ของคุณเองได้
2. นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรับแต่งได้
- อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง : ให้ลูกค้าปรับแต่งสิ่งของต่างๆ เช่น ปลอกคอ สายจูง และป้ายระบุตัวตนด้วยชื่อสัตว์เลี้ยงหรือดีไซน์เฉพาะตัว
- อาหารสัตว์เลี้ยง : การนำเสนอสูตรอาหารสัตว์เลี้ยงตามปัจจัยต่างๆ เช่น สายพันธุ์ อายุ ขนาด และระดับกิจกรรม
- เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง : การให้ตัวเลือกขนาดและการออกแบบที่ตอบโจทย์สายพันธุ์และประเภทร่างกายที่แตกต่างกัน
ด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล แบรนด์ต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในสายสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ ส่งเสริมให้เกิดความผูกพันทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ที่สำคัญ การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์ และผลักดันการเติบโตทางธุรกิจในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงที่มีการแข่งขันอย่างสูงได้ในที่สุด
3. โฟกัสความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง
4. สร้างประสบการณ์ Omnichannel ที่ราบรื่น
5. ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย
การใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มองว่าสัตว์เลี้ยงของตนเป็นสมาชิกในครอบครัว ซึ่งการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลอย่างมีกลยุทธ์ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างการเชื่อมต่อที่มีความหมาย สร้างความภักดีต่อแบรนด์ และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้
- Facebook : เหมาะสำหรับการแบ่งปันเนื้อหาที่น่าสนใจ จัดการแข่งขัน และสร้างชุมชน
- Instagram : เหมาะสำหรับนำเสนอภาพถ่ายและวิดีโอสัตว์เลี้ยงที่ดึงดูดสายตา ตลอดจนการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์
- YouTube : ช่องทางสำคัญที่ช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาเพื่อให้ความรู็และความบันเทิง เช่น วิดีโอสอนการดูแลสัตว์เลี้ยงและการสาธิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ
6. สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
- แนวทางที่เน้นลูกค้า : นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจความต้องการและความปรารถนาที่เฉพาะเจาะจงของผู้บริโภคสัตว์เลี้ยง แบรนด์ต่างๆ ต้องรวบรวมคำติชมผ่านแบบสำรวจ การโต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดีย และบทวิจารณ์ของลูกค้า เพื่อระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุงและโอกาสของผลิตภัณฑ์ใหม่
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ : การปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างค่อยเป็นค่อยไปในข้อเสนอผลิตภัณฑ์มีความสำคัญ ซึ่งอาจรวมถึงการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของอาหารสัตว์เลี้ยง การพัฒนารสชาติใหม่ๆ หรือการแนะนำบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงอาจสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยการสร้างไลน์ผลิตภัณฑ์ขนมออร์แกนิกที่ตอบโจทย์เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ใส่ใจสุขภาพ
- การปรับปรุงบริการ : นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์แล้ว นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องสามารถขยายไปสู่บริการได้ ซึ่งอาจรวมถึงแผนการดูแลสัตว์เลี้ยงแบบเฉพาะบุคคล บริการสมัครสมาชิกสำหรับอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง หรือแอปมือถือที่ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงติดตามสุขภาพและโภชนาการของสัตว์เลี้ยง แบรนด์ที่ให้บริการเฉพาะบุคคลสามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภคสัตว์เลี้ยง
- การผสานเทคโนโลยี : การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ต่างๆ สามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจรูปแบบและความชอบในการซื้อ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ได้ ตัวอย่างเช่น บริการอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยงอาจใช้ระบบจองออนไลน์ที่ช่วยให้สามารถกำหนดเวลาได้ตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง
- โครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืน : เนื่องจากผู้บริโภคสัตว์เลี้ยงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น การพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องจึงควรเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งอาจรวมถึงการจัดหาอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ยั่งยืนหรือการสร้างถุงเก็บมูลสัตว์เลี้ยงที่ย่อยสลายได้ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- นวัตกรรมเชิงร่วมมือ : การร่วมมือกับสัตวแพทย์ นักโภชนาการสัตว์เลี้ยง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ สามารถนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงอาจร่วมมือกับคลินิกสัตวแพทย์เพื่อสร้างอาหารเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาสุขภาพเฉพาะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในหมู่ผู้บริโภค