Customer Retention : 10 กลยุทธ์ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอีกครั้ง

Customer Retention

Customer Retention – ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น การรักษาลูกค้าเดิมให้กลับมาใช้บริการอีกครั้งกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจบริการ แน่นอนการหาลูกค้าใหม่ต้องใช้ทรัพยากรและค่าใช้จ่ายที่สูง แต่การรักษาลูกค้าเดิมกลับมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าและสามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนมากกว่า ดังนั้นวันนี้คุณจะได้ค้นพบวิธีการที่จะทำให้ลูกค้าของคุณรู้สึกพึงพอใจและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้นและสุดท้ายก็เพิ่มโอกสที่พวกเขาจะกลับมาใช้บริการซ้ำอีกครั้งครับ

Customer Retention คืออะไร?

Customer Retention คืออะไร

ทำความเข้าใจ Customer Retention คืออะไร?

Customer Retention หรือ การรักษาลูกค้า หมายถึง กระบวนการที่ธุรกิจต่างๆ นำมาใช้เพื่อทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำอีกครั้ง แม้ว่าจะมีทางเลือกอื่น ๆ อยู่มากมาย การรักษาลูกค้าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และช่วยเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่น่าพอใจให้แก่พวกเขา เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่แสดงถึงความสามารถของธุรกิจในการรักษาลูกค้าที่มีอยู่ให้มีส่วนร่วม พึงพอใจ และภักดีต่อบริษัทตลอดเวลา โดยในปลายทางจะวัดว่าธุรกิจนั้นๆ สามารถป้องกันการสูญเสียลูกค้าได้ดีเพียงใด และรับรองว่าลูกค้าจะกลับมาใช้บริการซ้ำหรือไม่ ซึ่งการรักษาลูกค้าไว้ได้สูงย่อมบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ในขณะที่การรักษาลูกค้าไว้ได้ต่ำบ่งชี้ถึงความไม่พอใจหรือการแข่งขันที่รุนแรง

ความสำคัญของ Customer Retention

ความสำคัญของ Customer Retention
การรักษาลูกค้าถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในการประสบความสำเร็จทางธุรกิจก็ว่าได้เพราะมันหมายถึงความสามารถของบริษัทในการรักษาลูกค้าที่มีอยู่ให้คงอยู่ได้ในระยะยาวโดยการสร้างความพึงพอใจ การมีส่วนร่วม และความภักดีให้กับลูกค้า การรักษาลูกค้าไว้จะคุ้มทุนกว่าการหาลูกค้าใหม่มาก และยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน มีกำไร และมีความแข็งแกร่งของแบรนด์อีกด้วย โดยความสำคัญของการรักษาลูกค้าสามารถเข้าใจได้จากหลายมิติ เช่น ผลประโยชน์ทางการเงิน ชื่อเสียงของแบรนด์ ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน และประสิทธิภาพการดำเนินงาน ต่อไปนี้คือการสำรวจโดยละเอียดว่าเหตุใดการรักษาลูกค้าจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจครับ
 

1. ผลประโยชน์ทางการเงิน

  • รายได้ที่เพิ่มขึ้น
การรักษาลูกค้ามักจะทำกำไรได้มากกว่าการหาลูกค้าใหม่ ลูกค้าที่ภักดีมักจะใช้จ่ายมากขึ้นในระยะยาว ส่งผลให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคง การวิจัยระบุว่าลูกค้าที่มีอยู่มักจะใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าใหม่ถึง 67% ทำให้มูลค่าตลอดอายุลูกค้า (CLV) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การรักษาลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเพียง 5% สามารถเพิ่มผลกำไรได้ตั้งแต่ 25% ถึง 95% ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้าที่รักษาลูกค้าไว้ได้สร้างความไว้วางใจและความคุ้นเคยกับแบรนด์แล้ว ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อซ้ำโดยไม่ต้องทำการตลาดอย่างหนัก
 
  • การประหยัดต้นทุน
การหาลูกค้าใหม่นั้นอาจมีราคาแพงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมถึง 5 ถึง 25 เท่า เนื่องมาจากต้นทุนทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย การเน้นที่การรักษาลูกค้าจะทำให้ธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดโดยรวมได้ในขณะที่ยังคงสร้างรายได้จากธุรกิจเดิมได้ ความคุ้มทุนนี้ทำให้บริษัทสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลงทุนในด้านอื่นๆ ของการเติบโตได้
 

2. ชื่อเสียงของแบรนด์

  • ความภักดีต่อแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น
การรักษาลูกค้าช่วยส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว ลูกค้าที่พึงพอใจมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์มากขึ้น โดยแบ่งปันประสบการณ์เชิงบวกกับผู้อื่นผ่านการบอกต่อและรีวิวออนไลน์ โปรโมชั่นที่เป็นธรรมชาตินี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความภักดีของลูกค้าที่มีอยู่อีกด้วย ซึ่งจะสร้างวงจรข้อเสนอแนะเชิงบวกที่ช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของแบรนด์
 
  • ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
อัตราการรักษาลูกค้าที่สูงทำให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก ลูกค้าที่ภักดีมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปใช้คู่แข่งน้อยลง เนื่องจากพวกเขาเชื่อใจและรู้สึกพึงพอใจในแบรนด์ สิ่งนี้สร้างอุปสรรคสำหรับผู้เข้ามาใหม่ในตลาดและช่วยให้ธุรกิจรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ ในอุตสาหกรรมที่ความภักดีของลูกค้ามีความสำคัญสูงสุด ข้อได้เปรียบนี้สามารถเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับความสำเร็จได้
 

3. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่มีค่า
ลูกค้าที่คงอยู่จะเสนอข้อเสนอแนะที่มีค่าซึ่งสามารถแจ้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการปรับปรุงบริการ ลูกค้าที่ภักดีมักจะเต็มใจเข้าร่วมการสำรวจและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบของพวกเขามากกว่า วงจรข้อเสนอแนะนี้ช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งข้อเสนอตามความต้องการจริงของลูกค้า นำไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น
 
  • การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ดีขึ้น 
การมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีอยู่ผ่านการสื่อสารส่วนบุคคลและการตลาดแบบกำหนดเป้าหมายช่วยรักษาความสนใจในแบรนด์ได้ การทำความเข้าใจพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าทำให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งการโต้ตอบได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการชื่นชม การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความสัมพันธ์ แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำอีกด้วย
 

4. การเติบโตอย่างยั่งยืน

  • กระแสรายได้ที่คาดเดาได้
การรักษาลูกค้าจะนำไปสู่กระแสรายได้ที่คาดเดาได้ เนื่องจากลูกค้าที่ภักดีมักจะซื้อของเป็นประจำในช่วงเวลาหนึ่ง ความเสถียรนี้ทำให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น และวางแผนสำหรับการเติบโตในอนาคตได้ ฐานลูกค้าที่สม่ำเสมอจะวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
 
  • โอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรม
ลูกค้าระยะยาวทำหน้าที่เป็นพื้นที่ทดสอบอันล้ำค่าสำหรับแนวคิดและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ความสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับแบรนด์ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม เนื่องจากธุรกิจสามารถพึ่งพาลูกค้าที่ภักดีเพื่อรับคำติชมที่จริงใจก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการแบบวนซ้ำนี้ส่งเสริมวัฒนธรรมของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและนวัตกรรมภายในองค์กร
 
สรุปแล้ว การรักษาลูกค้าไม่ได้เป็นเพียงกลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของรูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งขับเคลื่อนการเติบโต ความสามารถในการทำกำไร และความยั่งยืน ด้วยการให้ความสำคัญกับความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า ธุรกิจสามารถได้รับประโยชน์มากมาย ตั้งแต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นและการประหยัดต้นทุน ไปจนถึงชื่อเสียงของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นและข้อมูลเชิงลึกหรือ Insight ที่มีค่า ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน การมุ่งเน้นที่การรักษาลูกค้าที่มีอยู่ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาวและความยืดหยุ่นต่อความผันผวนของตลาด บริษัทที่ลงทุนในกลยุทธ์การรักษาลูกค้าจะวางตำแหน่งตัวเองให้เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
 
 

10 กลยุทธ์ เพื่อ Customer Retention ที่สำเร็จ

10 กลยุทธ์ Customer Retention

การรักษาลูกค้าเก่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าและเพิ่มรายได้ ในส่วนนี้เราจะสำรวจ 10 กลยุทธ์ที่นักการตลาดต้องรู้ให้ลึก เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถรักษาลูกค้าไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

1.  ปรับปรุงกระบวนการ Onboarding

วิธีการทำให้ลูกค้าใหม่รู้สึกต้อนรับและเข้าใจผลิตภัณฑ์ การ Onboarding เป็นขั้นตอนแรกที่ลูกค้าใหม่จะได้สัมผัสกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงกระบวนการ Onboarding ให้มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ลูกค้าใหม่รู้สึกต้อนรับและเข้าใจการใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • สร้างคู่มือการใช้งานที่ชัดเจน : จัดทำเอกสารหรือวิดีโอสอนการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
  • ติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิด : ส่งอีเมลหรือข้อความต้อนรับพร้อมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้งานและบริการหลังการขาย
  • จัดอบรมหรือสัมมนาออนไลน์ : จัดกิจกรรมเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และตอบคำถามของลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผลิตภัณฑ์มีความซับซ้อน

2. สร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว

การใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับแต่งประสบการณ์ให้ตรงตามความต้องการ การสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับความสนใจจากแบรนด์ ซึ่งสามารถทำได้โดย:

  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า : ใช้ข้อมูลจากการซื้อขายและพฤติกรรมของลูกค้าในการปรับแต่งข้อเสนอและแคมเปญการตลาด
  • ส่งข้อเสนอเฉพาะบุคคล : สร้างข้อเสนอหรือโปรโมชั่นที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า เช่น ส่วนลดสำหรับสินค้าที่เคยดูหรือซื้อ
  • ใช้เทคโนโลยี AI : ใช้ระบบ AI ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามพฤติกรรมของลูกค้า

3. สร้างโปรแกรมความภักดี (Loyalty Programs)

วิธีการสร้างและจัดการโปรแกรมที่กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ โปรแกรมความภักดีช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ โดยสามารถออกแบบโปรแกรมได้ดังนี้:

  • ตั้งเกณฑ์ในการสะสมคะแนน : ให้คะแนนสำหรับทุก ๆ การซื้อ ซึ่งสามารถแลกเป็นส่วนลดหรือสินค้าฟรีในอนาคต
  • เสนอสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก : เช่น โปรโมชั่นเฉพาะสมาชิก การเข้าถึงสินค้าหรือบริการใหม่ก่อนใคร
  • ติดตามและวิเคราะห์ผล : ตรวจสอบผลลัพธ์ของโปรแกรมเพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

4. ให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพ

เทคนิคในการพัฒนาคุณภาพการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจ การให้บริการลูกค้าที่มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความพึงพอใจ ซึ่งสามารถทำได้โดย:

  • ฝึกอบรมทีมงาน : ให้ความรู้และทักษะในการตอบสนองต่อคำถามและปัญหาของลูกค้าอย่างมืออาชีพ
  • ตั้งระบบตอบกลับที่รวดเร็ว : พัฒนาระบบเพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามได้ง่าย และได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว
  • ติดตามผลหลังการบริการ : สอบถามความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับประสบการณ์บริการ เพื่อปรับปรุงในอนาคต

5. สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการใช้ช่องทางต่าง ๆ ในการสื่อสารกับลูกค้าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพช่วยรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกช่องทางที่เหมาะสม : ใช้ช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล โซเชียลมีเดีย หรือ SMS เพื่อเข้าถึงลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม
  • ส่งข้อมูลที่มีคุณค่า : ส่งข่าวสาร โปรโมชั่น หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของลูกค้า
  • เปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์ : สร้างแพลตฟอร์มสำหรับให้ลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นหรือสอบถามได้

6. เสนอส่วนลดและข้อเสนอพิเศษ

การสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำผ่านโปรโมชัน ส่วนลดและข้อเสนอพิเศษเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้ากลับมา โดยสามารถทำได้ดังนี้:

  • กำหนดช่วงเวลาโปรโมชั่น : สร้างโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญเพื่อกระตุ้นยอดขาย
  • เสนอส่วนลดสำหรับการซื้อซ้ำ : ให้ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำในระยะเวลาที่กำหนด
  • จัดแคมเปญแบบ Limited-Time Offers : สร้างแรงจูงใจด้วยข้อเสนอที่จำกัดเวลา ทำให้ลูกค้ารู้สึกต้องรีบตัดสินใจ

7. สร้างชุมชนรอบแบรนด์

วิธีการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ในลูกค้า การสร้างชุมชนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า โดยสามารถทำได้ดังนี้:

  • สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ : เช่น ฟอรัม หรือกลุ่มในโซเชียลมีเดีย ที่ให้ลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กัน
  • จัดกิจกรรมหรือเวิร์กช็อป : จัดกิจกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์เพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้า และสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
  • ส่งเสริมเนื้อหาจากผู้ใช้ (User-Generated Content) : สนับสนุนให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย

8. Re-Engage ลูกค้าที่ไม่เคลื่อนไหว

เทคนิคในการดึงดูดลูกค้าที่หยุดซื้อให้กลับมาอีกครั้ง เมื่อลูกค้าหยุดซื้อ การ Re-Engage เป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถทำได้ดังนี้:

  • วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า : ตรวจสอบข้อมูลเพื่อระบุว่าลูกค้าคนไหนหยุดซื้อ และหาสาเหตุเบื้องหลังนั้น
  • ส่งข้อความติดตามผล : ติดต่อกลับไปยังลูกค้าที่ไม่เคลื่อนไหว พร้อมเสนอข้อเสนอพิเศษเพื่อกระตุ้นให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง
  • ขอความคิดเห็นจากลูกค้า : ถามเหตุผลว่าทำไมถึงหยุดซื้อ เพื่อใช้ข้อมูลในการปรับปรุงบริการ

9. รับฟังความคิดเห็นและปรับปรุงบริการ

วิธีการใช้ฟีดแบ็กจากลูกค้าเพื่อพัฒนาประสบการณ์การรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงบริการ โดยสามารถทำได้ดังนี้:

  • จัดทำแบบสอบถามหรือสำรวจความคิดเห็น : ขอความคิดเห็นจากลูกค้าหลังจากใช้บริการ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา
  • วิเคราะห์ฟีดแบ็กเพื่อปรับปรุงบริการ : ใช้ข้อมูลจากความคิดเห็นเพื่อนำไปปรับแก้ไขจุดบกพร่องในผลิตภัณฑ์หรือบริการ
  • แจ้งผลลัพธ์แก่ลูกค้า : แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นของพวกเขามีค่า และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ในธุรกิจ

10. สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

วิธีที่จะทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นในตลาด การแข่งขันในตลาดนั้นสูงมาก การสร้างความแตกต่างจะช่วยให้แบรนด์โดดเด่น โดยสามารถทำได้ดังนี้ :

  • เน้นคุณค่าเฉพาะตัวของแบรนด์ : สื่อสารถึงคุณค่าที่แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น คุณภาพสินค้า บริการหลังการขาย หรือแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืน
  • สร้างเอกลักษณ์ทางแบรนด์ (Brand Identity) : พัฒนาโลโก้ สี และเสียงของแบรนด์ให้น่าจดจำ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนในตลาด
  • นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง : นำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพื่อรักษาความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย

กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้าง Customer Retention และที่สำคัญจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้ การรักษาลูกค้าไม่ใช่เพียงแค่กลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยพื้นฐานของกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนที่ขับเคลื่อนการเติบโต ความสามารถในการทำกำไร และความได้เปรียบทางการแข่งขัน การให้ความสำคัญกับความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าผ่านกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะยาวได้พร้อมทั้งลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการหาลูกค้ารายใหม่ให้เหลือน้อยที่สุด

ในตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด การมุ่งเน้นที่การรักษาลูกค้าที่มีอยู่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการและความชอบที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคได้

 

 

 แหล่งที่มา :

https://www.peelinsights.com

https://www.ibm.com

 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *