การขยายตัวของป๊อปมาร์ทในประเทศไทยนั้นโดดเด่นด้วยการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การตลาดที่สร้างสรรค์ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้บริโภค ความสามารถของบริษัทในการมีส่วนร่วมกับชุมชนและส่งเสริมวัฒนธรรมการสะสมมีส่วนทำให้ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง ในขณะที่ป๊อปมาร์ทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมกับชุมชนของบริษัทจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของตลาดของเล่นศิลปะในประเทศไทยและทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามเรามาวิเคราะห์แนวทางของกลยุทธ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จของพวกเขากันครับ
1. การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์
กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของป๊อปมาร์ทในประเทศไทยนั้นมุ่งเน้นไปที่ของสะสมในกล่องสุ่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความตื่นเต้นในการแกะกล่องของเล่นปริศนานี่เองที่ดึงดูดผู้บริโภคช่วยสร้างความรู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารอ โดยพวกเขามักจะเปิดตัวฟิกเกอร์รุ่นจำกัด และซีรีส์พิเศษต่างๆ ซึ่งช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมการสะสมในหมู่ลูกค้า นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์มาตรฐานแล้วป๊อปมาร์ทยังเปิดตัวดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินชาวไทย เช่น ซีรีส์ “Crybaby” ที่ออกแบบโดย มด-นิสา ศรีคำดี ซึ่งถือเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้ร่วมงานกับป๊อปมาร์ท ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบโดยคุณมดสามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคในประเทศไทยและสะท้อนถึงความชอบทางวัฒนธรรมในขณะที่ยังคงความสมบูรณ์ทางศิลปะของแบรนด์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี
2. แนวทางการตลาดแบบ Omnichannel
ป๊อปมาร์ทใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ
Omni Channel ที่แข็งแกร่งซึ่งผสานรวมช่องทางการขายออนไลน์และออฟไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee และ Lazada ซึ่งมียอดขายเติบโตอย่างมากในประเทศไทย แนวทางนี้ทำให้ป๊อปมาร์ทสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นในขณะที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นเยาว์ที่ชอบซื้อของออนไลน์
นอกจากนี้ การส่งเสริมการขายในร้านค้าและกิจกรรมยังมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การตลาดของป๊อปมาร์ท โดยมีการจัดงานป๊อปอัพอีเวนต์และนิทรรศการที่ดึงดูดชุมชนและสร้างกระแสเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อยู๋บ่อยครั้ง ซึ่งอีเวนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้คนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความรู้สึกเป็นชุมชนในหมู่นักสะสมอีกด้วย
3. การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
ป๊อปมาร์ทมีส่วนร่วมกับผู้ชมอย่างแข็งขันผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยใช้ผู้มีอิทธิพลและชุมชนแฟนคลับในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ ซึ่งกลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มการมองเห็นแบรนด์เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ หรือ
UGC เนื่องจากแฟนๆ แบ่งปันคอลเลกชันและประสบการณ์ของตนทางออนไลน์ ซึ่งชุมชนออนไลน์ที่มีชีวิตชีวานี่เองที่มีส่วนสนับสนุนความตื่นเต้นโดยรวมเกี่ยวกับแบรนด์และข้อเสนอต่างๆของแบรนด์
4. ตัวชี้วัดความสำเร็จ
การขยายสาขาของป๊อปมาร์ทสู่ประเทศไทยได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ การเปิดสาขาที่ 6 ในกรุงเทพฯ เมื่อไม่นานนี้ ได้สร้างสถิติยอดขายในวันเดียวใหม่สำหรับร้านค้าในต่างประเทศ โดยเกิน 10 ล้านหยวน (ประมาณ 1.37 ล้านดอลลาร์) ในวันเปิดตัว ซึ่งล่าสุดทางบริษัทได้เปิดตัวสาขาที่ 7 เป็นที่เรียบร้อย ณ ศูนย์การค้า Mega Bangna เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ความสำเร็จอันน่าทึ่งได้เน้นย้ำถึงความต้องการผลิตภัณฑ์ของป๊อปมาร์ทที่แข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย คำติชมของผู้บริโภคจำนวนมากล้วนพูดถึงเสน่ห์ของการออกแบบที่ไม่เหมือนใครของป๊อปมาร์ทและความตื่นเต้นในการสะสม แฟนๆ จำนวนมากแสดงความตื่นเต้นต่อผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแบรนด์และความผูกพันทางอารมณ์ที่พวกเขามีต่อตัวละคร การมีส่วนร่วมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์และกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ
5. กระแสวัฒนธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน
ประเทศไทยมีประเพณีอันยาวนานในการชื่นชมงานศิลปะและของสะสม ทำให้เป็นตลาดที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ของ ป๊อปมาร์ท วัฒนธรรมนักสะสมที่มีชีวิตชีวาของประเทศผสมผสานกับความหลงใหลในวัฒนธรรมป๊อปเข้ากันได้อย่างลงตัวกับข้อเสนอของป๊อปมาร์ท ความสามารถของบริษัทในการใช้ประโยชน์จากความผูกพันทางวัฒนธรรมนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ป๊อปมาร์ท ยังมอบแพลตฟอร์มสำหรับนักสะสมในการเชื่อมต่อทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ความคิดริเริ่มในการมีส่วนร่วมของชุมชนของแบรนด์ เช่น แฟนเพจและกิจกรรมต่างๆ สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบ แง่มุมของชุมชนนี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์โดยรวมของผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
6. แนวโน้มในอนาคต
เมื่อมองไปข้างหน้า ป๊อปมาร์ทมีแผนอันทะเยอทะยานในการขยายเพิ่มเติมในประเทศไทยและทั่วโลก บริษัทมีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากความสำเร็จในตลาดไทยเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันหลากหลายของภูมิภาคและความสนใจที่เพิ่มขึ้นในของสะสมเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโต วิสัยทัศน์ของผู้บริหารขยายออกไปไกลกว่าของเล่นศิลปะ โดยพวกเขามีแผนที่จะสำรวจช่องทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น สวนสนุกและศูนย์ความบันเทิงดิจิทัลแบบครบวงจร กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงนี้มุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์ความบันเทิงแบบองค์รวมให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ป๊อปมาร์ท อยู่ในตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
มาถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่าความสำเร็จของป๊อปมาร์ทเกิดจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจและสร้างสรรค์ โดยใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายในการดึงดูดลูกค้าและสร้างความผูกพันกับแบรนด์ การปรับตัวและการเข้าใจตลาดในแต่ละประเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ป๊อปมาร์ทสามารถรักษาความสำเร็จและขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์เหล่านั้นป๊อปมาร์ทจึงสร้างสูตรความสำเร็จให้กับตัวเอง ตลอดจนการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพสูง ราคาที่เข้าถึงได้ การกระจายสินค้าที่สะดวก และการส่งเสริมการตลาดที่น่าสนใจ ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้นำในตลาดของเล่นดีไซเนอร์และของสะสมในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัยครับ