ผู้บริโภคในปัจจุบันศึกษาหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณและตัดสินใจซื้อทั้งหมดด้วยตัวเองนอกจากนี้พวกเขามักจะขอคำแนะนำจากสมาชิก เพื่อน คนรู้จัก หรืออ่านรีวิวในโลกออนไลน์ เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ คุณได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณเพื่อเสริมวิธีที่ผู้บริโภคค้นหา ซื้อสินค้า และซื้อในปัจจุบันหรือไม่
ในการทำเช่นนั้น คุณต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าใครคือผู้ซื้อของคุณ ตลาดของคุณ สิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของคุณ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึง จุดเริ่มต้นของการทำการตลาดที่จะสามารถเข้าใจและคว้าใจของผู้บริโภคมีอะไรบ้าง
2.ทำไมต้องทำการ Research?
การวิจัยตลาดช่วยให้คุณรู้ว่าจะหากลุ่มเป้าหมายของคุณได้จากที่ไหน พวกเขาต้องการอะไร จากทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ ข้อมูลเหล่านี้ได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และลูกค้าเหล่านี้ก็กำลังมองหาสินค้าหรือบริการที่สามารถช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหา
เมื่อเข้าใจปัญหาของผู้ซื้อ ต้นตอของปัญหา และรู้ถึงวิธีที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้น คุณจะสามารถสร้างสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านั้น และมันจะสร้างความดึงดูดใจพวกเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การวิจัยตลาดด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ มากมายที่ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของคุณ รวมถึง:
- สถานที่ที่กลุ่มเป้าหมายและลูกค้าของคุณ ทำการค้นหาข้อมูลของสินค้าและบริการ
- คู่แข่งเจ้าไหนที่ลูกค้าของคุณหาข้อมูล เป็นตัวเลือก หรือทำการซื้อสินค้าด้วย
- สิ่งที่มีแนวโน้มหรือกำลังเป็นกระแสที่น่าจับตามองสำหรับลูกค้าของคุณ
- ใครเป็นผู้นำตลาดของคุณและความท้าทายของพวกเขาคืออะไร
- อะไรมีอิทธิพลต่อการซื้อ และการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเป้าหมายของคุณ
3.ประเภทของการทำ Research ตลาด
1.การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์เป็นหนึ่งในวิธีการวิจัยตลาดแบบดั่งเดิม จะช่วยให้สามารถพูดคุยกับแบบตัวต่อตัว หรือสามารถพูดคุยกันแบบเห็นหน้ากัน ดังนั้นเราจึงสามารถพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ และคุณสามารถดูภาษากายของของผู้ให้สัมภาษณ์ได้แบบชัดเจนเพื่อนำไปเป็นข้อมูลนั้นเอง ที่สำคัญการพูดคุยแบบเห็นหน้ากันอาจช่วยให้คุณได้ข้อมูล Insight ที่น่าสนใจอีกด้วยค่ะ
2.การวิจัยส่วนแบ่งตลาด
ทำให้คุณเห็นภาพกลุ่มเป้าหมายของตนเองชัดมากขึ้นจากการแบ่งส่วนแบ่งตลาดออกมา และจัดกลุ่มเป้าหมายของคุณออกเป็นหมวดหมู่ ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะ ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถกำหนดวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการของพวกเขา เข้าใจถึงประเด็นปัญหา ความคาดหวังของพวกเขา และเรียนรู้เกี่ยวกับเป้าหมายของพวกเขา
3.การวิจัยราคา
การวิจัยราคาช่วยให้คุณทราบว่ามีสินค้าหรือบริการใดที่คล้ายคลึงกับตลาดที่คุณขายอยู่ กลุ่มเป้าหมายของคุณยินดีที่จะจ่ายสำหรับสินค้าของคุณอยู่ที่เท่าไหร่ และราคาที่เหมาะสมที่คุณต้องการจะขายอยู่ที่เท่าไหร่ข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณกำหนดของกลยุทธ์การกำหนดราคาได้ดีมากยิ่งขึ้น
4.การวิเคราะห์การแข่งขัน
การวิเคราะห์การแข่งขันนั้นจะช่วยให้คุณเข้าใจการแข่งขันในตลาด และอุตสาหกรรมของคุณอย่างลึกซึ้ง คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ทำได้ดีในอุตสาหกรรมของคุณ สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณมีอยู่แล้วในแง่ของสินค้าแบบของคุณ คู่แข่งของคุณคนไหนที่คุณควรทำงานให้ทันและแซงหน้า และวิธีแยกตัวคุณออกจากการแข่งขันอย่างชัดเจน
5.การวิจัยความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า
การวิจัยความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าจะทำให้คุณเห็นว่า คุณสามารถทำให้ลูกค้าปัจจุบันกลับมาซื้อของคุณซ้ำมากขึ้นเท่าไหร่ และอะไรจะเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาทำเช่นนั้น เช่น ส่วนลดลูกค้าประจำ ของรางวัล การบริการลูกค้าที่โดดเด่น การวิจัยครั้งนี้จะช่วยให้คุณค้นพบวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการส่งเสริมความประทับใจให้กับลูกค้าของคุณ
6.การวิจัยการรับรู้แบรนด์
การวิจัยการรับรู้ถึงแบรนด์บอกคุณเกี่ยวกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณรู้และรับรู้จากแบรนด์ของคุณ โดยจะบอกคุณเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคิดถึงธุรกิจของคุณ และสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าคุณเป็น
7.การวิจัยแคมเปญ
การวิจัยแคมเปญเกี่ยวข้องกับการดูแคมเปญที่ผ่านมาของคุณและวิเคราะห์ความสำเร็จระหว่างกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าปัจจุบัน
ซึ่งต้องมีการทดลองและเจาะลึกถึงการเข้าถึงและสิ่งที่ผู้ชมของคุณจดจำ เพื่อให้คุณสามารถจดจำองค์ประกอบเหล่านั้นไว้สำหรับแคมเปญในอนาคตของคุณ และเน้นย้ำในแง่มุมของสิ่งที่คุณทำที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเหล่านั้น
4.วิธีการทำ Research ตลาด
1.กำหนดลักษณะผู้ซื้อของคุณ
การวิจัยผู้ซื้อของคุณหรือในทางการตลาดเราเรียกว่าการวิเคราะห์ Buyer Personas เป็นการสมมติทั่วไปของลูกค้าในอุดมคติของคุณ
สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเห็นคุณกลุ่มผู้ชมของคุณชัดเจนมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงการสื่อสาร ลักษณะสำคัญที่คุณควรให้ความสำคัญรวมถึงใน Buyer Personas ของคุณคือ:
- อายุ
- เพศ
- ที่ตั้ง
- ตำแหน่งงาน
- ครอบครัว
- รายได้
- ความท้าทายที่สำคัญ
แนวคิดคือการใช้ Buyer Personas ของคุณเป็นแนวทางในการเข้าถึงและเรียนรู้เกี่ยวกับผู้ชมที่แท้จริงในอุตสาหกรรมของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คุณอาจพบว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอาจมีมากกว่าหนึ่งคน ไม่เป็นไร! คุณเพียงแค่ต้องคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับแต่ละบุคลิกเฉพาะ เมื่อคุณกำลังเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญและวางแผนคอนเทนต์ของคุณ
2.ระบุกลุ่มบุคคลที่จะมีส่วนร่วม
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าผู้ซื้อของคุณเป็นใคร ใช้ข้อมูลนั้นเพื่อระบุกลุ่มคนที่คุณต้องการจะมีส่วนร่วมเพื่อทำการวิจัยตลาด ซึ่งควรเป็นตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของลูกค้าเป้าหมายของคุณ เพื่อให้คุณเข้าใจลักษณะที่แท้จริง ความท้าทาย และ พฤติกรรมการซื้อ กลุ่มที่คุณระบุให้มีส่วนร่วมควรประกอบด้วยผู้ที่เพิ่งซื้อสินค้า คนที่เพิ่งโต้ตอบกับคุณ เพราะพวกเขาจะมีข้อมูลที่สดใหม่ให้กับคุณ
3.เตรียมคำถามสำหรับผู้เข้าร่วมการวิจัยตลาดของคุณ
วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการสนทนาคือ การเตรียมพร้อม คุณควรสร้างคู่มือการสนทนา ไม่ว่าจะเป็นการสนทนากลุ่ม แบบสำรวจออนไลน์ หรือการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณครอบคลุมคำถามที่สำคัญที่สุด และใช้เวลาของคุณอย่างชาญฉลาด
4.ระบุคู่แข่งหลักของคุณ
การลงรายชื่อคู่แข่งอาจไม่ง่ายเหมือนบริษัท X กับบริษัท Y บางครั้งแผนกหนึ่งของบริษัทอาจแข่งขันกับผลิตภัณฑ์หรือบริการหลักของคุณ ตัวอย่างเช่น. Apple ขึ้นชื่อเรื่องแล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา แต่ Apple Music แข่งขันกับ Spotify ในด้านบริการสตรีมเพลง
5.สรุปสิ่งที่คุณค้นพบ
เมื่อคุณทำการรวบรวมข้อมูลเสร็จจะได้ข้อมูลจำนวนมาก คุณอาจลองมองหาธีมหรือวิธีการการเล่าเรื่องเพื่อให้สามารถเรียบเรียงเรื่องราวออกมาคุณอาจใช้ซอฟต์แวร์การนำเสนอที่คุณชื่นชอบเพื่อสร้างรายงาน เนื่องจากจะทำให้ง่ายต่อการเพิ่มคำพูด ไดอะแกรม หรือคลิปการโทร
สรุป
การวิจัยตลาดหรือการทำ Research Marketing เป็นจุดเริ่มต้นของการทำการตลาดและเป็นฐานของการทำการทำแผนการตลาดที่ดี ด้วยข้อมูลต่างๆที่ทำการเก็บ วิเคราะห์ และประมวลผลออกมา ซึ่งจะช่วยให้แผนการตลาดของคุณคมและสามารถสร้างผลลัพท์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีในการทำวิจัยตลาดมีให้เลือกหลากหลายวิธี และได้ผลลัพท์ของข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปนั้นเอง
แหล่งอ้างอิง
https://blog.hubspot.com/marketing/market-research-buyers-journey-guide