Digital Nomad คืออะไร?
Digital Nomad คือ บุคคลที่ใช้เทคโนโลยี เพื่อทำงานจากทุกที่ในโลกในแบบ Remote Work โดยอาศัยเพียงแล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟนและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อสื่อสารกับลูกค้าหรือทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานโดยไม่ต้องยึดติดอยู่กับการเข้าออฟฟิศ แต่สามารถทำงานได้จากร้านกาแฟ co-working space หรือแม้แต่เปลริมชายหาดแทน เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิสระในการทำงานอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนไม่ได้เป็นเพียงผู้รับจ้างทำงานอออนไลน์ หรือฟรีแลนซ์ทั่วไป แต่มีไม่น้อยที่เป็นถึงเจ้าของกิจการที่ทำงานทุกอย่างแบบครบลูปบนโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไลฟ์สไตล์ที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีวินัยในตัวเอง มีทักษะการจัดการเวลา มีความสามารถในการปรับตัว และรู้จักการสร้างแรงจูงใจในตนเอง
ดิจิทัลโนแมด กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถึงแม้จะเป็นแนวคิดที่มีมานานพอสมควรแล้ว เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่แสวงหาอิสระและความยืดหยุ่นในการทำงาน ยิ่งในยุคที่อินเทอร์เน็ตไฮสปีดและสมาร์ทโฟนเฟื่องฟู หนังสือชื่อ “The 4-Hour Workweek: Escape 9-5, Live Anywhere, and Join the New Rich” ที่ตีพิมพ์ในปี 2007 ของ ทิโมธี เฟอริส ก็ได้กลายเป็นเสมือน ‘คัมภีร์’ ของผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัลโนแมด ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ไปโดยปริยายชาวดิจิทัลโนแมดนั้นสามารถเดินทางหรือท่องเที่ยวได้ในขณะที่ไม่เสียการเสียงาน ทำให้พวกเขามีชีวิตที่สมดุลซึ่งครั้งหนึ่งหลายคนอาจเคยคิดว่าไลฟ์สไตล์แบบนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่สำคัญวิถีชีวิตที่มีความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวนั้นทำให้มีโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมและประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต
ประโยชน์ของการเป็น ดิจิทัลโนแมด
1. Digital Nomad : มีอิสระในการทำงานตามที่ต้องการ
2. Digital Nomad : ได้ออกแบบไลฟ์สไตล์ในแบบของคุณ
3. Digital Nomad : ข้อได้เปรียบทางการเงิน
4. Digital Nomad : ประสิทธิผลของงานที่ดีขึ้น
ไม่มีเวลาให้เสียเปล่าเมื่อคุณเดินทางไปยังสถานที่โปรดปรานตามใจชอบได้เกือบทุกวัน การสำรวจสภาพแวดล้อมใหม่ๆ จะช่วยกระตุ้นให้คุณทำงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะการผจญภัยอาจเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ดีที่สุด นอกจากนี้อิสระในการทำงานจากทุกที่ทุกเวลายังหมายความว่าคุณสามารถปรับตารางเวลาให้เหมาะกับความต้องการและเริ่มต้นทำงานได้เมื่อพร้อมที่ประสิทธิภาพของความคิดอ่านอยู่ในจุดที่พร้อมมากที่สุด
5. Digital Nomad : ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น
ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นเมื่อคุณผสมผสานแนวคิดที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแนวคิดใหม่ๆ นักประสาทวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า “ซินแนปติกเพลย์” ยิ่งแนวคิดดูไม่ลงรอยกันมากเท่าไหร่ ซินแนปส์ ก็ยิ่งเกิดขึ้นในสมองของคุณมากขึ้นเท่านั้น การทำงานในที่ต่างๆ ทุกวันทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย และเมื่อสมองของคุณเต็มไปด้วยข้อมูลที่หลากหลายเหล่านี้ ความคิดของคุณก็จะสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น การอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ สามารถทำลายความซ้ำซากจำเจของกิจวัตรประจำวัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่องานสร้างสรรค์ การได้เห็นสิ่งใหม่ๆ และสัมผัสกับความรู้สึกใหม่ๆ สามารถช่วยให้คุณหลีกหนีจากกิจวัตรเดิมๆ และที่สำคัญคือทำเกิดไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
6. Digital Nomad : สร้างทักษะความยืดหยุ่นให้ชีวิต
การเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้คุณต้องออกจาก Comfort Zone โดยปริยาย และเพื่อที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ทุกวัน คุณต้องเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน สิ่งนี้ทำให้คุณต้องเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ใใที่ท้าทายนอนาคตมากขึ้นการเดินทางยังช่วยปรับปรุงปฏิกิริยาของสมองต่อการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเมื่อคุณเดินทาง ความเครียดในการท่องไปในสถานที่ต่างแดนจะทำให้ เดนไดรต์ (Dendrite) หรือ แขนงประสาทประเภทหนึ่งของเซลล์ประสาท (neuron) ที่ยื่นออกมาจากส่วนที่เป็นตัวเซลล์ (soma) ที่ทำหน้าที่นำกระแสประสาทเข้าสู่เซลล์ประสาทนั้นแตกหน่อในสมองของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถและความเอาใจใส่ของสมองในสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ท้าทาย
7. Digital Nomad : รับแรงบันดาลใจจากสภาพแวดล้อมใหม่
การเดินทางไม่เพียงช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณเป็นมืออาชีพที่สร้างสรรค์และสร้างผลงานได้มากขึ้นอีกด้วย การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่สามารถให้มุมมองใหม่ หรือการมองโลกในมุมมองที่แตกต่างออกไป ดิจิทัลโนแมดอาจพบกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และผู้คนใหม่ๆ ซึ่งสามารถเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นและกระตุ้นความคิดของพวกเขา
8. Digital Nomad : ได้พบปะผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก
9. Digital Nomad : สามารถสร้างมิตรภาพที่ดี
อุปสรรคของการเป็น ดิจิทัลโนแมด
1. ชีวิตที่ไม่แน่นอน
2. การปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่
3. ชีวิตทางสังคมของคุณอาจขาดตอน
4. ความกังวลด้านความปลอดภัย
5. การจัดการเวลา
6. การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียรและปลอดภัย
หนทางสู่การเป็น ดิจิทัลโนแมด
ด้วยการเพิ่มขึ้นของการทำงานแบบ Work from Anywhere หรือ Remote Work และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นตระหนักถึงศักยภาพของการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาสถานที่ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปสู่วิถีชีวิตเร่ร่อนทางดิจิทัลอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่เคยทำงานนอกออฟฟิศมาก่อน อย่างไรก็ตามต่อไปเป็นแนวทางบางประการสู่การเป็นดิจิทัลโนแมดได้อย่างที่คุณต้องการครับ
1. ค้นหาลู่ทางหรือความเชี่ยวชาญของคุณ
2. สร้างสถานะออนไลน์ที่แข็งแกร่ง
3. สร้างกิจวัตรที่แน่นอน
4. สร้างคอนเน็คชันที่ดี
5. พร้อมรับความยืดหยุ่น
6.จัดระเบียบอยู่เสมอ
7. ลงทุนในอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ
8. จัดลำดับความสำคัญในเรื่องส่วนตัว
บทความแนะนำ