การตลาดดิจิทัล
เชื่อว่าไอเดียใหม่ๆ ด้านการตลาดเป็นสิ่งที่ Digital Marketer หลายคนพยายามคิดและสร้างสรรค์ออกมาให้แตกต่างและโดดเด่น ด้วยสภาพการแข่งขันของการตลาดยุคใหม่ที่ค่อนข้างจะดุเดือด ใครที่สามารถนำเสนอไอเดียใหม่ๆ หรือใช้เครื่องมือการตลาดใหม่ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ก็ย่อมกุมความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากความสามารถในการตอบโจทย์ต่อแนวโน้มของการตลาดในอนาคตได้กลายเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์และธุรกิจ ยิ่งผู้คนบริโภคเนื้อหาดิจิทัลเป็นประจำทุกวัน ในไม่ช้าแพลตฟอร์มการตลาดแบบเดิมๆ จะหายไปและการตลาดดิจิทัลจะเข้ามาครอบงำโดยสมบูรณ์ วันนี้เราจะมาพูดถึงรูปแบบของ Digital Marketing สมัยใหม่บางอย่างที่คาดว่าจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อความสำเร็จของทุกธุรกิจทั้งในปีนี้และปีต่อๆไปครับ
ทำความเข้าใจหลักการ 5Ds
ทำความเข้าใจ หลักการ 5Ds ของ การตลาดดิจิทัล
ก่อนจะไปดูถึงเทรนด์การตลาดสมัยใหม่ที่นักการตลาดควรรู้ เรามาทำความเข้าใจแก่นของการตลาดดิจิทัลกันก่อนครับ ว่ามีแนวคิดรากฐานอย่างไร แน่นอนว่าการตลาดดิจิทัลในปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ สื่อดิจิทัล ข้อมูล และเทคโนโลยีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาด อย่างที่เราจะเห็นได้ว่า ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนั้นมีการใช้โซเชียลมีเดียและเครื่องมือค้นหามากขึ้นในการค้นหาผลิตภัณฑ์และบริการ ปัจจุบัน การตลาดดิจิทัลให้ความสำคัญกับการโต้ตอบของผู้ชมมากกว่าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ลูกค้าต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำความเข้าใจสินค้าและบริการของบริษัท ดังนั้น 5Ds จึงมีความสำคัญในการจัดการปฏิสัมพันธ์ทางการตลาดดิจิทัลกับลูกค้า โดยแนวคิด 5Ds นี้ ดัดแปลงมาจากหนังสือ “Digital Marketing” โดย Dave Chaffey และ Fiona Ellis-Chadwick
1. อุปกรณ์ดิจิทัล (Digital Device)
ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใช้แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ อุปกรณ์เล่นเกม ความเป็นจริงเสมือน และอุปกรณ์ช่วยด้านภาพในการสื่อสารกับธุรกิจ บริษัทต่างๆ ในปัจจุบันใช้อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าต้องการค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการออนไลน์ พวกเขาอาจใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อสื่อสารกับธุรกิจทั่วโลก ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีอิทธิพลสำคัญในการพัฒนาการมีส่วนร่วมระหว่างธุรกิจกับลูกค้า
2. แพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platforms)
สำหรับการตลาดสมัยใหม่ เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ โซเชียลมีเดีย เสิร์ชเอนจิน และ เว็บไซต์ ทุกวันนี้บริษัทต่างๆ สื่อสารกับลูกค้าโดยใช้แอปพลิเคชันและเบราว์เซอร์จากแพลตฟอร์มหลักๆ อาทิ Google, Facebook, Instagram ,YouTube, Twitter หรือ LinkedIn และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ แพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้สำหรับการโฆษณาและการสื่อสารกับลูกค้า บริษัทต่างๆ ใช้สื่อดิจิทัลเพื่อเข้าถึงลูกค้าเมื่อพวกเขาต้องการขายบริการหรือผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทขายรองเท้า พวกเขาจะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนผ่านโฆษณาบนการค้นหาของ Google
ในบรรดาแพลตฟอร์มดิจิทัล โซเชียลมีเดียถือเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นเสมือนตัวเอก เนื่องจากมีผู้ใช้มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก มีรายงานว่าโซเชียลมีเดียมีผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้น 950,000 รายทุกวัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่านักการตลาดสมัยใหม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้มากขึ้น ซึ่งอาจเลือกใช้ประโยชน์สูงสุดจากสื่อดิจิทัลที่หลากหลายได้ตามต้องการ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงผู้ชมของแบรนด์ต่างๆ คือการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แม้ว่าจะมีไซต์เบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันจำนวนมากสำหรับจุดประสงค์ดังกล่าว แต่การใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันยอดนิยมย่อมช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับผู้คนจำนวนมากขึ้น ตัวอย่างได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และอื่นๆ เนื่องจากผู้ใช้ดิจิทัลส่วนใหญ่มีบัญชีอย่างน้อยหนึ่งบัญชีบนแพลตฟอร์มเหล่านี้
3. สื่อดิจิทัล (Digital Media)
สื่อดิจิทัล ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในหลักของการตลาดดิจิทัล 5Ds ซึ่งสื่อดิจิทัลในที่นี้ สามารถหมายถึง โฆษณา อีเมล ข้อความ เสิร์ชเอนจิน และโซเชียลมีเดีย ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกใช้โดยธุรกิจ ทั้งนี้ก็เพื่อการเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย นี่เป็นแนวคิดพื้นฐานของการตลาดดิจิทัลในการเข้าถึงลูกค้า บริษัทและแบรนด์ต่างๆ จะต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสมของตัวเองในการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต และจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง หากธุรกิจเลือกสื่อที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมก็อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินและเสียเวลาได้ ต่อไปนี้เป็นสื่อดิจิทัลบางประเภท ที่นักการตลาดควรพิจารณา
- โซเชียลมีเดีย : แพลตฟอร์ม เช่น Facebook, Instagram และ Twitter ช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งปันเนื้อหา โต้ตอบกับลูกค้า และเรียกใช้แคมเปญโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย
- บล็อกและบทความ : การสร้างบล็อกโพสต์ที่ให้ข้อมูลและโต้ตอบได้จะสร้างความเป็นผู้นำทางความคิดและกระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์
- วิดีโอ : เนื้อหาภาพ เช่น การสาธิตผลิตภัณฑ์หรือบทช่วยสอน ดึงดูดผู้ชมและเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์
- อินโฟกราฟิก : อินโฟกราฟิกที่ดึงดูดสายตาและย่อยง่ายเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว
- พอดแคสต์ : พอดแคสต์เป็นแพลตฟอร์มเสียงเพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรม บทสัมภาษณ์ และการเล่าเรื่อง
4. ข้อมูลดิจิทัล (Digital Data)
Digital Data มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด เมื่อธุรกิจต่างๆ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค พวกเขาจะรวบรวมข้อมูลที่ช่วยให้บริษัทพัฒนาหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับโปรไฟล์ลูกค้าและรูปแบบการมีส่วนร่วมกับธุรกิจ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภค ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจของพวกเขา และดูแลการตัดสินใจซื้อเพื่อโปรโมต ข้อมูลนี้ใช้สำหรับการขายต่อ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ และเพิ่มอัตราการซื้อของลูกค้า การวิเคราะห์นี้ยังช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่และกรณีการใช้งานอีกด้วย
- แบบฟอร์มการติดต่อเว็บไซต์ (Website contact form)
- จุดขาย (POS)
- การแข่งขัน (Contests)
- แบบสำรวจ (Surveys)
- การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม (Event sign-ups)
- การติดตั้งแอปพลิเคชัน (App Installation)
การรวบรวมข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจได้จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า ด้วยฐานข้อมูลนี้ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดเป้าหมายใหม่และทำการตลาดในอนาคตได้
5. เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology)
วิวัฒนาการของการตลาดดิจิทัล
วิวัฒนาการของ การตลาดดิจิทัล
ก่อนจะไปติดตามความเคลื่อนไหวของการตลาดดิจิทัลสมัยใหม่ที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน เรามาดูถึงความเป็นมาของมันกันสักหน่อยครับ คำว่า Digital Marketing นั้นมีที่มาอย่างไร ความจริงแล้วคำนี้ถูกใช้ครั้งแรกในปี 1990 เริ่มต้นด้วยการมาถึงของอินเทอร์เน็ตและการพัฒนาแพลตฟอร์ม Web 1.0 อนุญาตให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ แต่ไม่อนุญาตให้แบ่งปันข้อมูลนี้ผ่านทางเว็บ
1. ยุคบุกเบิกของการตลาดดิจิทัล (ปี 1990)
- อินเตอร์เน็ตได้แพร่หลาย และปูทางไปสู่ช่องทางการตลาดใหม่ๆ
- การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) เริ่มหยั่งรากลึกในยุคนี้ โดยมีช่องทางการสื่อสารโดยตรงกับลูกค้า
- เครื่องมือค้นหาในยุคแรก เช่น AltaVista และ Yahoo! ได้ถือกำเนิดขึ้น ทำให้เกิดการใช้กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา SEO
- โฆษณาแบนเนอร์ ได้กลายเป็นรูปแบบแรกของการโฆษณาออนไลน์ โดยมีแบนเนอร์แบบคลิกได้เป็นครั้งแรกเปิดตัวในปี 1994 ได้แก่ แบนเนอร์ของ AT&T บน HotWired
2. การถือกำเนิดของ Web2.0 (ปี 2000)
- Web 2.0 ซึ่งเป็นเว็บไซต์แบบไดนามิกที่พัฒนามาจาก Web1.0 ได้ถือกำเนิดขึ้น ตลอดจนเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง (UGC) ที่ซึ่งส่งเสริมการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียในเวลาต่อมา
- แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยุคแรกๆ อย่าง My Space และ Facebook ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในยุคนี้ โดยสร้างช่องทางใหม่สำหรับการมีส่วนร่วมกับแบรนด์
- การโฆษณาบนการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยแพลตฟอร์มเช่น Google AdWords เริ่มได้รับความสนใจ โดยเสนอการเข้าถึงที่ตรงเป้าหมายไปยังผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
- การตลาดผ่านเนื้อหา หรือ Content Marketing ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการตลาดสมัยใหม่ โดยเน้นข้อมูลอันมีคุณค่าและการเล่าเรื่องเพื่อดึงดูดและรักษาผู้ชมไว้
3. ยุคเฟื่องฟูของสมาร์ทโฟน (ปี 2010)
- สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แพร่หลาย ทำให้นักการตลาดจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้การตลาดที่ถูกปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Responsive)
- การตลาดตามตำแหน่ง โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี GPS เพื่อมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลตามตำแหน่งของผู้ใช้
- การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถกำหนดเป้าหมายกลุ่มประชากรและความสนใจเฉพาะได้
- เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติยุคแรกๆ ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งช่วยปรับปรุงงานและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดในยุคนี้
4. ยุคแห่ง Data และ AI (ปี 2020 เป็นต้นมา)
- การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ทำการตลาดแบบเจาะจงเฉพาะบุคคลได้
- ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขับเคลื่อนแชทบอท ระบบสั่งงานด้วยเสียง และแคมเปญโฆษณาแบบไดนามิกเพื่อประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่มากขึ้น
- ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพิ่มขึ้น กระตุ้นให้นักการตลาดนำแนวทางปฏิบัติด้านข้อมูลที่มีจริยธรรมมาใช้ และสร้างความไว้วางใจกับผู้บริโภค
- เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ เช่น ความเป็นจริงเสมือน (AR) และความเป็นจริงเสริม (VR) ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ที่ดื่มด่ำ
ความสำคัญของ การตลาดดิจิทัล ในปัจจุบัน
1. เพิ่มการเข้าถึงและการมองเห็น
2. คุ้มค่า
3. ผลลัพธ์ที่วัดได้
4. การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้น
5. ความได้เปรียบทางการแข่งขัน
การตลาดดิจิทัลยุคใหม่ที่นักการตลาดควรรู้
การตลาดดิจิทัล ยุคใหม่ ที่นักการตลาดควรรู้
1. ระบบอัตโนมัติทางการตลาด AI (Marketing Automation)
2. ความเป็นจริงเสริม (AR) และความเป็นจริงเสมือน (VR)
3. การตลาดเฉพาะบุคคลขั้นสูง (Hyper-Personalization)
4. การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing)
5. การตลาดวิดีโอ (Video Marketing)
6. การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยเสียง (VSO)
7. เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (UGC)
8. โซเชียล คอมเมิร์ซ (Social Commerce)
9. ความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูล (Privacy and Data Protection)
10. ความยั่งยืนและการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ (Sustainability And Purpose-Driven Marketing)
สรุป
แหล่งที่มา :
https://www.tutorialspoint.com