ในยุคที่การสื่อสารทางธุรกิจผ่านโซเชียลมีเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว LINE Official Account (LINE OA) กลายเป็นช่องทางหลักที่ธุรกิจไทยกว่า 5 ล้านราย นำมาใช้ในการเข้าถึงลูกค้า จุดแข็งของ LINE OA คือ ความสะดวกในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคที่ใช้งาน LINE อยู่แล้วเป็นประจำ แต่ความท้าทายก็ คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าไม่เพียงแค่ทักมาคุย แต่เกิดการซื้อจริง และซื้อซ้ำ? หนึ่งในคำตอบก็คือ Rich Menu ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายได้แบบอัตโนมัติ และสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้ลูกค้า บทความนี้ Talka จะพาคุณไปเจาะลึกตั้งแต่พื้นฐานของ ริชเมนู วิธีการใช้งาน เทคนิคการออกแบบ กลยุทธ์การนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดขายที่เจ้าของธุรกิจควรรู้ครับ
Rich Menu ใน LINE OA คืออะไร?

Rich Menu ใน LINE OA คืออะไร?
Rich Menu คือ เมนูลัดที่แสดงอยู่ด้านล่างหน้าจอแชทใน LINE OA (LINE Official Account) ตลอดเวลา เปรียบเสมือน “ป้ายบอกทางดิจิทัล” ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูล สินค้า หรือบริการที่ต้องการได้ทันทีเพียงแค่คลิกเดียว โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ข้อความถามหรือรอแอดมินมาตอบ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและรวดเร็วในการสื่อสารกับลูกค้า เพราะทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพในเมนูเดียว
คุณสมบัติหลักของ Rich Menu
-
แสดงผลตลอดเวลาใต้ช่องแชท
ลูกค้าสามารถเห็นและกดใช้งานเมนูได้ตลอด ไม่ว่าจะเข้ามาเวลาใด ทำให้โอกาสในการขายหรือการเข้าถึงข้อมูลไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา -
สามารถใส่ปุ่มลัดได้หลายปุ่มตาม Layout ที่กำหนด
ธุรกิจสามารถออกแบบได้ว่าจะมีปุ่มกี่ปุ่ม เช่น 3 ปุ่ม 6 ปุ่ม หรือมากกว่านั้น เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปุ่มสั่งซื้อสินค้า รับโปรโมชั่น หรือเชื่อมต่อไปยังบริการอื่นๆ -
ออกแบบภาพและข้อความให้ตรงกับแบรนด์ได้
คุณสามารถใส่โลโก้ สีประจำแบรนด์ หรือข้อความที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของธุรกิจ เพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพ และทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น -
เชื่อมต่อไปยังลิงก์ เว็บไซต์ หรือฟังก์ชันอื่นๆ ภายใน LINE OA ได้ทันที
ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมไปยังหน้าสินค้า เว็บไซต์หลัก ระบบจองคิว คูปองส่วนลด หรือแม้แต่การเชื่อมกับ Chatbot เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลทันทีโดยไม่ต้องรอ
จะเห็นได้ว่า ริชเมนู ทำหน้าที่เป็น เครื่องมืออำนวยความสะดวก ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันก็เป็น เครื่องมือการตลาด ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
Rich Menu ช่วยเพิ่มยอดขายใน LINE OA ได้อย่างไร

ยุคนี้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ ความคาดหวังว่าแบรนด์จะต้องตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด การต้องรอคำตอบนานเกินไปอาจทำให้ลูกค้าหันไปหาคู่แข่งได้ทันที ดังนั้น ริชเมนู จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะมันช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการได้ทันทีเพียงแค่คลิก โดยไม่ต้องพิมพ์ถามหรือเลื่อนหาข้อมูลเอง ซึ่งทำให้ขั้นตอนการซื้อสั้นลงและการตัดสินใจง่ายขึ้นมาก
ลองนึกภาพตามดูครับ เมื่อลูกค้าเปิดแชทขึ้นมาแล้วเห็นปุ่ม “สั่งซื้อทันที” หรือ “รับโปรโมชันพิเศษ” อยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาเลื่อนหาข้อความเก่า ไม่ต้องสงสัยว่าจะเริ่มต้นตรงไหน แค่กดคลิกเดียวก็ไปถึงหน้าสั่งซื้อหรือข้อมูลสำคัญที่ต้องการได้เลย ผลลัพธ์ที่ได้ คือโอกาสการปิดการขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นในส่วนนี้เรามาดูเหตุผลสำคัญที่ ริชเมนู เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มยอดขายใน Line Official Account ได้กันครับ
1. ช่วยลดขั้นตอนการซื้อ
ลูกค้าส่วนใหญ่ในยุคดิจิทัลคุ้นชินกับการเข้าถึงทุกอย่างแบบรวดเร็วและสะดวกสบาย ดังนั้น หากเส้นทางการซื้อ (Customer Journey) ดูซับซ้อนเกินไป เช่น ต้องพิมพ์ถาม รอแอดมินตอบ หรือค้นหาลิงก์เอง โอกาสที่ลูกค้าจะหลุดออกจากการซื้อกลางทางย่อมมีสูงมาก ซึ่งการใช้ ริชเมนูเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ถือว่าได้ผลอย่างยิ่ง เพราะธุรกิจสามารถนำปุ่มที่จำเป็นทั้งหมด เช่น “สั่งซื้อสินค้า”, “ดูโปรโมชั่น”, “สอบถามเพิ่มเติม” มาวางไว้ตรงหน้าในทันที ลูกค้ากดเพียงคลิกเดียวก็สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการซื้อได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลา
สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยย่นเวลาการตัดสินใจ แต่ยังเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งาน ทำให้โอกาสปิดการขายเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
2. ทำให้โปรโมชั่นมองเห็นได้ตลอดเวลา
หนึ่งในปัญหาที่หลายธุรกิจเจอเมื่อใช้ LINE OA คือ ข้อความโปรโมชั่นหรือประกาศสำคัญมักถูกกลบด้วยข้อความแชทใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าที่เข้ามาภายหลังหรือกลับมาเปิดอ่านอีกครั้งอาจไม่เจอข้อมูลสำคัญที่คุณตั้งใจสื่อสาร แต่ด้วย ริชเมนู โปรโมชั่นหรือแคมเปญเด่นจะยังคงถูกตรึงอยู่ที่ด้านล่างหน้าจอเสมอ ลูกค้าสามารถเห็นได้ทุกครั้งที่เข้ามาแชท ไม่ว่าจะเป็นการลดราคา, Flash Sale, คูปองส่วนลด หรือสินค้าขายดี ข้อดีคือธุรกิจไม่จำเป็นต้องส่งข้อความซ้ำ ๆ ให้รบกวนลูกค้า แต่ยังคงมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญจะไม่หล่นหายไปไหน ซึ่งช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ทันทีเมื่อต้องการ
3. สร้างความเป็นมืออาชีพ
ริชเมนู ที่ดีควรเป็นเครื่องมือที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ริชเมนู ที่ออกแบบอย่างสวยงาม ใช้โทนสีที่สอดคล้องกับ CI ของแบรนด์ และมีข้อความที่กระชับเข้าใจง่าย จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจและความเป็นมืออาชีพตั้งแต่แรกเห็น แบรนด์ที่มีริชเมนู ที่จัดวางเป็นระเบียบจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้มากกว่าการมีเพียงข้อความตอบกลับอัตโนมัติธรรมดา อีกทั้งยังช่วยสร้าง “First Impression” ที่ดี ทำให้ลูกค้าอยากกดเข้าไปสำรวจเมนูต่าง ๆ และมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
4. เพิ่ม Conversion อัตโนมัติ
หัวใจสำคัญของการขายออนไลน์คือ ทำให้ลูกค้าเจอสิ่งที่ต้องการโดยเร็วที่สุด หากต้องเสียเวลาไล่หาข้อมูลหลายขั้นตอน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลื่อนออกหรือปิดไปเลย แต่การมี ริชเมนู ทำให้ลูกค้าสามารถคลิกเข้าถึงสินค้า โปรโมชั่น หรือบริการที่ต้องการได้ทันที เช่น คลิกเพื่อดูคอลเลกชันใหม่ จองบริการ หรือชำระเงินออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดนี้ ช่วยลดการสูญเสียโอกาสกลางทาง และทำให้ Conversion Rate สูงขึ้นแบบอัตโนมัติ ธุรกิจจึงไม่ต้องพึ่งการขายเชิงรุกเพียงอย่างเดียว เพราะระบบ ริชเมนู ทำหน้าที่เสมือน พนักงานขายออนไลน์ที่ยืนต้อนรับลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง คอยแนะนำเส้นทางการซื้อที่ง่าย สะดวก และ รวดเร็วที่สุด
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ริชเมนู ไม่ใช่เพียงแค่ฟีเจอร์เสริม แต่เป็น เครื่องมือเชิงกลยุทธ์ ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ LINE OA ได้อย่างแท้จริง ซึ่งหากมองในภาพรวม ริชเมนู ก็คือ “พนักงานขายออนไลน์” ที่ยืนต้อนรับลูกค้าหน้าร้านตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาเวลาใด ก็จะเห็นทางเลือกการซื้อ โปรโมชั่น และช่องทางการติดต่ออยู่เสมอ ต่างจากการสนทนาปกติที่ต้องรอคำตอบ ริชเมนู ช่วยให้ธุรกิจนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการก่อนที่พวกเขาจะถาม และนี่คือปัจจัยที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
องค์ประกอบสำคัญของ Rich Menu

1. ดีไซน์ที่ชัดเจน
หมายถึงการใช้ ภาพ สี และสัญลักษณ์ ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ทันที เช่น หากเป็นร้านอาหาร ควรใช้โทนสีเดียวกับบรรจุภัณฑ์หรือโลโก้ เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้อย่างไม่สับสน และควรหลีกเลี่ยงการใส่ภาพหรือไอคอนที่ไม่สอดคล้องกับธุรกิจ เพราะจะทำให้ผู้ใช้ไม่มั่นใจว่าปุ่มนั้นนำไปสู่สิ่งใด
2. ข้อความสั้น กระชับ
คำที่ใช้ควรชัดเจนและตรงประเด็น เช่น “สั่งเลย”, “รับโปร”, “ดูเมนู” หรือ “เช็กสถานะ” ข้อความที่ดี จะช่วยลดเวลาคิดของลูกค้า ไม่ต้องตีความเยอะ แค่เห็นก็รู้ว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์อะไร
3. ปุ่มกดที่ใช้งานง่าย
ขนาดปุ่มต้องเหมาะสม ไม่เล็กเกินไปจนกดยาก โดยเฉพาะบนมือถือ ที่สำคัญ จำนวนปุ่มไม่ควรมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ ริชเมนู ดูรก และทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ทางที่ดีควรโฟกัสที่ 3–5 ปุ่มหลัก ที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
4. ลิงก์ที่ตรงจุด
ทุกๆ ปุ่ม ควรนำพาผู้ใช้ไปยังปลายทางที่มีประโยชน์จริง เช่น หน้าโปรโมชั่นล่าสุด หน้าแชทกับแอดมิน หน้าเช็กสินค้า หรือหน้า Checkout โดยตรง ควรหลีกเลี่ยงการลิงก์ไปยังหน้าโฆษณาหรือหน้าที่ไม่มีสาระสำคัญ เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกหงุดหงิด และอาจเลิกใช้งานได้
เทคนิคการออกแบบ Rich Menu ให้คนอยากคลิก
การออกแบบ คือ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตา และเป็นตัวกำหนดว่าลูกค้าจะ “เลือกคลิก” หรือ “เลื่อนผ่านไป” ดังนั้น หากคุณทำ ริชเมนู ได้โดดเด่นและใช้งานง่าย โอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าก็จะสูงขึ้นมาก ซึ่งเทคนิคการออกแบบที่ควรใช้ ได้แก่
- ใช้สีที่ตรงกับแบรนด์ และไม่รบกวนสายตา : การเลือกโทนสีที่เข้ากับอัตลักษณ์ของแบรนด์ เช่น สีประจำบริษัทหรือสีที่อยู่บนโลโก้ จะช่วยให้ผู้ใช้จดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงสีที่แสบตาหรือทำให้ข้อความบนปุ่มอ่านยาก เช่น สีตัวอักษรตัดกับพื้นหลังไม่พอ จนทำให้ลูกค้ารู้สึกสับสน
- ใช้ข้อความ CTA ที่กระชับและเข้าใจทันที : ข้อความบนปุ่มควรสั้น ตรงประเด็น และกระตุ้นให้เกิดการคลิก เช่น “ซื้อเลย”, “รับฟรี”, “จองทันที” หรือ “กดดูโปร” การใช้คำกริยาที่เร่งเร้า (Action words) จะช่วยสร้างแรงจูงใจได้มากกว่าข้อความทั่วไป
- ใส่ไอคอนหรือภาพสินค้าเพื่อสื่อสารทันที : ภาพหรือไอคอนช่วยลดเวลาในการทำความเข้าใจ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องอ่านเยอะ เพียงเห็นสัญลักษณ์หรือรูปสินค้า ก็รู้ทันทีว่าปุ่มนี้พาไปที่ไหน เช่น รูปตะกร้าสำหรับ “สั่งซื้อสินค้า” หรือรูปคูปองสำหรับ “รับโปรโมชั่น”
- ทำ A/B Testing เพื่อหาดีไซน์ที่เหมาะที่สุด : อย่าหยุดแค่การออกแบบครั้งแรก แต่ควรทดสอบหลายๆ รูปแบบ เช่น การเปลี่ยนสีปุ่ม ตำแหน่ง หรือข้อความ CTA แล้วเปรียบเทียบว่าแบบไหนมีอัตราการคลิกสูงสุด วิธีนี้จะช่วยให้ได้ ริชเมนูที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่มีเพียงความสวยงาม
Checklist การออกแบบที่ไม่ควรมองข้าม
- ข้อความไม่เกิน 2–3 คำต่อปุ่ม → ยิ่งสั้น ยิ่งเข้าใจง่าย
- ภาพต้องคมชัด ไม่แตก ไม่เบลอ → เพื่อความน่าเชื่อถือและมืออาชีพ
- จัดลำดับความสำคัญของปุ่ม → ปุ่มที่สำคัญที่สุด เช่น “สั่งซื้อ” หรือ “โปรโมชั่นพิเศษ” ควรวางไว้ตำแหน่งที่ลูกค้ามองเห็นก่อน เช่น ตรงกลางหรือฝั่งซ้าย เพราะสายตามักเริ่มอ่านจากซ้ายไปขวา
สรุปแล้ว เราจะเห็นได้ว่าการออกแบบ ริชเมนู ที่ดี ไม่ได้วัดกันที่ความ “สวยงาม” เพียงอย่างเดียวครับ แต่ยังต้องคำนึงถึงความเข้าใจง่าย ความสอดคล้องกับแบรนด์ และการใช้งานจริงของลูกค้าด้วย ยิ่งดีไซน์ชัดเจนและคลิกง่ายเท่าไหร่ โอกาสปิดการขายก็จะยิ่งสูงขึ้น
ข้อควรเลี่ยง
- ใช้ข้อความยาวเกินไป
ข้อความที่ยาวและมีหลายบรรทัดทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ามีข้อมูลมากเกินความจำเป็น ส่งผลให้ไม่อยากอ่านจนจบ การเขียนแบบกระชับด้วยคำสั้น ๆ ที่เข้าใจง่ายจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วกว่า
- การออกแบบที่ทำให้สับสน
ยกตัวอย่างเช่น หากใช้สีสันหรือสัญลักษณ์มากเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ว่าควรกดตรงไหน หรือ ปุ่มที่จัดเรียงไม่เป็นระบบ เช่น วางโปรโมชั่นกับบริการหลังการขายปะปนกันโดยไม่มีหมวดหมู่ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานลดลง และโอกาสคลิกซื้อก็จะน้อยลงไปด้วย สรุปได้ว่า ริชเมนู ที่ดีไม่ใช่แค่ “สวย” หรือ “มีครบ” แต่ต้อง ชัดเจน ใช้งานง่าย และตรงจุด เพื่อพาผู้ใช้ไปยังเป้าหมายของแบรนด์อย่างรวดเร็วที่สุดนั่นเอง
ขั้นตอนการสร้าง Rich Menu บน LINE OA

หลายคนอาจมองว่าการทำ Rich Menu ใน LINE OA เป็นเรื่องซับซ้อน ต้องใช้เวลาออกแบบเยอะ และมีขั้นตอนที่วุ่นวาย แต่จริง ๆ แล้วหากคุณเข้าใจโครงสร้าง และรู้จักเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุน คุณจะสามารถสร้าง ริชเมนู ที่ดูเป็นมืออาชีพได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่นาทีริชเมนูไม่ใช่แค่แถบเมนูด้านล่างในแชท แต่เป็น “ด่านแรก” ที่ลูกค้าสัมผัสกับแบรนด์บน LINE OA หากออกแบบอย่างมีกลยุทธ์ก็ย่อมช่วยให้ลูกค้าค้นหาสิ่งที่ต้องการได้เร็วขึ้น ลดการหลุดออกจากการซื้อ และช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายทันที ต่อไปเรามาดู ขั้นตอนในการสร้าง ริชเมนู กันครับแล้วคุณจะเห็นว่ามันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด
1. เข้าสู่ระบบ LINE Official Account Manager
- เริ่มจากล็อกอินเข้าสู่ระบบ LINE Official Account Manager
- เลือกบัญชี LINE OA ที่ต้องการสร้าง ริชเมนู
- การทำผ่านระบบ Manager จะสะดวกที่สุด เพราะเป็นศูนย์กลางการจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อความบรอดแคสต์ แชทบอท หรือ ริชเมนู
Tip: แนะนำให้จัดการผ่านหน้าจอเดสก์ท็อป มากกว่ามือถือ เพราะขนาดหน้าจอใหญ่จะช่วยให้ควบคุมรายละเอียดต่างๆ ได้ง่ายกว่า
2. เลือกเมนู Rich Menu
- เมื่อเข้าหน้าหลักแล้ว ให้คลิกเมนู ริชเมนู ในแถบการจัดการด้านซ้าย
- ที่หน้านี้คุณจะเห็น ริชเมนู ที่เคยสร้างไว้ทั้งหมด (ถ้ามี) และสามารถแก้ไขหรือสร้างใหม่ได้
3. คลิกปุ่ม “สร้างใหม่”
- กดปุ่ม Create New / สร้างใหม่ เพื่อเริ่มต้นสร้าง ริชเมนู
- ระบบจะเปิดหน้าตั้งค่าใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ชื่อเมนู ขนาด Layout การอัปโหลดภาพ ไปจนถึงการตั้งค่าปุ่มลิงก์
4. เลือกขนาด Layout ที่เหมาะสม
- LINE OA มี Layout ให้เลือกหลายแบบ เช่น
- 1 ปุ่มใหญ่เต็มจอ (เหมาะกับการทำโปรโมชั่นเดียวชัด ๆ เช่น Flash Sale)
- 3 ปุ่ม (ใช้งานบ่อย เช่น “เมนูอาหาร / โปรโมชั่น / ติดต่อเรา”)
- 6 ปุ่ม (ครอบคลุมหลายบริการ เช่น “สั่งซื้อ / โปร / รีวิว / แผนที่ / ติดต่อ / คูปอง”)
- เลือก Layout ตามพฤติกรรมผู้ใช้และจำนวนฟีเจอร์หลักที่คุณต้องการนำเสนอ
Tip: หากเพิ่งเริ่มต้น แนะนำแบบ 3 ปุ่ม เพื่อไม่ให้รกเกินไป และให้ง่ายต่อการออกแบบ
5. อัปโหลดรูปภาพที่ออกแบบไว้
- เตรียมไฟล์ภาพที่ออกแบบมาแล้ว ขนาดตรงกับ Layout ที่เลือก
- รองรับไฟล์ JPG / PNG โดยควรใช้ภาพคุณภาพสูงเพื่อความคมชัด
- ดีไซน์ควรใส่ โลโก้แบรนด์ สีประจำแบรนด์ และข้อความสั้น ๆ ที่บอกได้ทันทีว่าปุ่มแต่ละปุ่มทำหน้าที่อะไร
Tip: อย่าใส่ข้อความเยอะเกินไป เพราะตัวอักษรเล็ก ๆ บนมือถือจะอ่านยาก
6. ตั้งค่าปุ่มแต่ละปุ่มว่าจะเชื่อมไปที่ใด
- ทุกปุ่มสามารถกำหนด Action ได้ เช่น
- ส่งข้อความอัตโนมัติ (Auto-reply) → เช่น “ขอดูเมนูหน่อยค่ะ”
- ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ / ร้านค้าออนไลน์ → เช่น Shopee, Lazada, หรือหน้า Checkout
- เปิดคูปอง → ดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชั่นเฉพาะใน LINE OA
- โทรออกทันที → เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าติดต่อด่วน เช่น คลินิก ร้านอาหาร
- ส่ง Location → ใช้กับร้านที่มีหน้าร้านจริง เพื่อพาลูกค้าไปที่ร้านได้ง่าย
- การตั้งค่าที่ดีจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าใช้งานง่าย ไม่ต้องพิมพ์ถามเอง
Tip: ลำดับการจัดปุ่มก็ควรคิดเชิงกลยุทธ์ เช่น วางปุ่ม “สั่งซื้อ” หรือ “โปรโมชั่น” ไว้ด้านซ้ายล่าง (จุดที่กดง่ายที่สุด)
7. กำหนดระยะเวลาการใช้งาน
- ริชเมนู สามารถตั้งให้แสดงตลอด หรือแสดงเฉพาะช่วงเวลาได้
- ตัวอย่างเช่น
- เมนูโปรโมชั่นพิเศษ → ใช้ได้แค่ 1 สัปดาห์
- เมนูหลักของร้าน → แสดงตลอดเวลา
- การตั้งเวลาเหมาะกับแบรนด์ที่ทำการตลาดเป็นรอบ เช่น ช่วงเทศกาล หรือแคมเปญ Flash Sale
8. กด บันทึกและเผยแพร่
- เมื่อทำครบทุกขั้นตอนแล้ว ให้กด บันทึก จากนั้นกด เผยแพร่ (Publish)
- ลูกค้าจะเห็น ริชเมนู ในทันทีเมื่อเข้ามาที่แชทของ LINE OA
เครื่องมือช่วยออกแบบ Rich Menu
การออกแบบภาพสำหรับ ริชเมนู เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก เพราะภาพที่ดีจะช่วยดึงดูดสายตาและบอกหน้าที่ของแต่ละปุ่มได้ชัดเจน
- Canva
- มี Template ริชเมนู สำเร็จรูป ใช้งานง่ายเหมาะกับมือใหม่
- สามารถแก้ไขตัวอักษร สี และใส่โลโก้ของแบรนด์ได้ทันที
- ไม่ต้องมีทักษะดีไซน์ก็สามารถทำงานออกมาดูดีได้
- Photoshop / Illustrator
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งได้ทุกรายละเอียด
- เหมาะกับการออกแบบขั้นสูงหรือแบรนด์ที่ต้องการงานกราฟิกคุณภาพระดับมืออาชีพ
- LINE Creative Tool
- เครื่องมือที่ LINE พัฒนาเพื่อช่วยสร้าง ริชเมนู โดยเฉพาะ
- สามารถเลือก Layout และแก้ไขได้ง่าย เหมาะกับคนที่ต้องการงานไวและไม่ซับซ้อน
เห็นมั้ยครับว่าการสร้าง Rich Menu บน LINE OA ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิด เพียงแค่เข้าใจขั้นตอนและเตรียมภาพที่เหมาะสม ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยกระบวนการหลักๆ คือ:
- เข้าสู่ระบบ LINE OA Manager
- เลือกเมนู Rich Menu → สร้างใหม่
- เลือก Layout ที่เหมาะสม
- อัปโหลดภาพที่ออกแบบไว้
- ตั้งค่าปุ่มแต่ละปุ่ม (ข้อความ, ลิงก์, คูปอง ฯลฯ)
- กำหนดระยะเวลา
- บันทึกและเผยแพร่
และที่สำคัญที่สุด อย่าลืมว่า การออกแบบ ริชเมนู ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องคิดเชิงกลยุทธ์ ให้ลูกค้าคลิกไปสู่สิ่งที่แบรนด์ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อ ดูโปรโมชั่น หรือการติดต่อทันที
5 กลยุทธ์ใช้ Rich Menu เพิ่มยอดขาย

1. ใช้ให้เป็น Catalog สินค้า
-
เปลี่ยน ริชเมนู ให้กลายเป็นเหมือน “หน้าร้านย่อส่วน” ใน LINE OA
-
แทนที่ลูกค้าจะต้องพิมพ์ถามว่า “มีสินค้าอะไรบ้าง?” ก็สามารถกดปุ่มดูเมนูสินค้า หรือบริการได้ทันที
-
สามารถทำเป็นหมวดหมู่ เช่น “สินค้าใหม่”, “สินค้าขายดี”, “สินค้าลดราคา” เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง: ร้านเสื้อผ้าออนไลน์ทำปุ่ม “New Arrivals” และ “Sale 50%” อยู่คู่กัน ลูกค้าที่กดเข้ามาส่วนใหญ่เลือกไปที่หมวด Sale ก่อน ทำให้ยอดการปิดการขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
2. ใส่ปุ่ม โปรโมชัน / คูปอง
-
ปุ่มโปรโมชันใน ริชเมนู ถือเป็น “แม่เหล็กดึงดูด” ที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ารีบกดเพื่อดูข้อเสนอพิเศษ
-
คูปองส่วนลดเป็นหนึ่งในวิธีที่กระตุ้นยอดขายได้เร็วที่สุด เพราะลูกค้ารู้สึกว่าถ้าไม่ใช้ตอนนี้อาจพลาดโอกาส
-
สามารถกำหนดเป็นคูปองเฉพาะ LINE OA เพื่อสร้างความพิเศษ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้สิทธิ์มากกว่าคนทั่วไป
ตัวอย่าง: ร้านอาหารญี่ปุ่นทำปุ่ม “รับคูปองส่วนลด 20%” ลูกค้าเพียงแค่กดแล้วโชว์คูปองที่หน้าร้าน ทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาร้านจริงเพิ่มขึ้นกว่า 25% ภายในเดือนเดียว เป็นต้น
3. ปุ่ม Chat กับแอดมิน
-
ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่จะกดสั่งซื้อทันที บางคนอาจยังมีข้อสงสัย เช่น อยากรู้วิธีใช้งานสินค้า ขนาด หรือรายละเอียดบริการเพิ่มเติม
-
การมีปุ่ม Chat กับแอดมิน ใน Rich Menu จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการช่วยเหลือได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนหาหรือพิมพ์เอง ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะเลิกสนใจเพราะไม่ได้คำตอบ
ตัวอย่าง: คลินิกเสริมความงามใส่ปุ่ม “ปรึกษาฟรีกับผู้เชี่ยวชาญ” ใน ริชเมนู ลูกค้าที่กดเข้ามาได้รับคำแนะนำทันที ผลลัพธ์คือทำให้ยอดการนัดหมายปรึกษาเพิ่มขึ้น 40%
4. เชื่อมกับ ระบบจ่ายเงิน
-
หนึ่งในปัญหาใหญ่คือ ลูกค้า “หลุดออกจากการสั่งซื้อ” เพราะขั้นตอนชำระเงินซับซ้อนหรือหาลิงก์ไม่เจอ
-
การทำปุ่ม ริชเมนู ที่เชื่อมไปยังหน้าชำระเงินโดยตรง จะทำให้เส้นทางการซื้อสั้นลงและปิดการขายได้เร็วขึ้น
-
เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีสินค้ายอดนิยมซ้ำ ๆ เช่น อาหารเดลิเวอรี เครื่องสำอาง หรือสินค้าแฟชั่น
ตัวอย่าง: ร้านขายสกินแคร์ทำปุ่ม “ซื้อเลย จ่ายออนไลน์” เชื่อมตรงไปยังหน้าชำระเงินแบบ One Page Checkout ลูกค้าที่เคยลังเลไม่กดสั่งซ้ำกลับซื้อได้ง่ายขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น 35%
5. ปุ่ม จองคิว / ลงทะเบียน
-
ธุรกิจบริการ เช่น คลินิก สถาบันสอนพิเศษ โรงแรม หรือร้านทำผม มักต้องการให้ลูกค้าจองคิวล่วงหน้า
-
การมีปุ่ม “จองคิวทันที” หรือ “ลงทะเบียนคลาสเรียน” จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่ต้องพิมพ์หรือติดต่อผ่านหลายช่องทาง
-
สามารถเชื่อมต่อกับระบบจองคิวออนไลน์ เช่น Google Calendar, Calendly หรือระบบจองคิวเฉพาะทางของธุรกิจ
ตัวอย่าง: โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษใส่ปุ่ม “ลงทะเบียนทดลองเรียนฟรี” ลูกค้าที่กดเข้ามากรอกข้อมูลเพียงไม่กี่ขั้นตอน ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมทดลองเรียนเพิ่มขึ้น 50% ภายใน 2 สัปดาห์
ตัวอย่างการใช้งานจริง
-
ร้านกาแฟ ทำปุ่ม “สั่งเดลิเวอรี” และ “รับคูปองส่วนลด” อยู่ใน Rich Menu ลูกค้าที่เข้ามากดใช้งานมากกว่า 60% และพบว่ายอดออร์เดอร์เดลิเวอรีเพิ่มขึ้นกว่า 30% ภายในเดือนแรก
-
คลินิกเสริมความงาม ใช้ปุ่ม “ดูโปรโมชันล่าสุด” และ “จองคิวปรึกษา” ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น ทำให้จำนวนลูกค้าที่จองคิวออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-
ร้านค้าออนไลน์ ใช้ปุ่ม “ดูสินค้าใหม่” และ “ซื้อเลย จ่ายออนไลน์” ทำให้การปิดการขายเร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะลูกค้าไม่ต้องพิมพ์ถามซ้ำ
การใช้ Rich Menu ให้ได้ผลสูงสุด ต้องคิดเชิงกลยุทธ์มากกว่าการออกแบบให้สวยงาม ควรถามตัวเองเสมอว่า “ลูกค้าอยากได้อะไรทันทีเมื่อเข้ามาที่ LINE OA ของเรา?” แล้วออกแบบปุ่มหลักให้ตอบโจทย์นั้น ๆ เช่น
-
ปุ่มสินค้า → เพื่อเลือกซื้อ
-
ปุ่มโปรโมชัน → เพื่อกระตุ้นให้กดสั่งทันที
-
ปุ่มแชท → เพื่อสร้างความมั่นใจ
-
ปุ่มจ่ายเงิน → เพื่อปิดการขายเร็วที่สุด
-
ปุ่มจองคิว → เพื่อทำให้บริการเป็นระบบมากขึ้น
เมื่อ Rich Menu ถูกใช้เป็น เครื่องมือดึงลูกค้าเข้าสู่เส้นทางการซื้อที่สั้นที่สุด จะไม่ใช่แค่เมนูตกแต่ง แต่เป็น “เครื่องมือการตลาด” ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจอย่างแท้จริง
สรุป
การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายที่สุด และใช้ Rich Menu เป็นเครื่องมือเชื่อมความต้องการของลูกค้าเข้ากับการซื้อจริง คุณก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งในแง่ยอดขาย การรักษาฐานลูกค้า และความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว
บทความแนะนำ