Software-as-a-Service (SaaS) คืออะไร? สำคัญแค่ไหนกับธุรกิจยุคใหม่?

Software-as-a-Service (SaaS)

Software-as-a-Service – ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในยุคดิจิทัล เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก SaaS เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ การใช้ SaaS มีข้อดีหลายประการ เช่น ความสะดวกในการเข้าถึง การอัปเดตซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติและรูปแบบการชำระเงินแบบสมัครสมาชิกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จัก SaaS ให้ดียิ่งขึ้นไปพร้อมกันครับ

Software-as-a-Service คืออะไร?

Software-as-a-Service (SaaS) คืออะไร

Software-as-a-Service (SaaS)  หมายถึง โมเดลการให้บริการซอฟต์แวร์ที่มีการจัดเก็บและให้บริการผ่านระบบคลาวด์ (Cloud) โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์ได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น Microsoft Office 365, Google Drive และ Adobe Creative Cloud  โมเดลนี้ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล เนื่องจากช่วยลดต้นทุนในการลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก

วิวัฒนาการของ Software-as-a-Service (SaaS) เป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีความสำคัญในยุคดิจิทัล โดย SaaS ได้พัฒนามาจากแนวคิดการให้บริการซอฟต์แวร์ที่เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 ซึ่งเป็นช่วงที่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเริ่มมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
 
จุดเริ่มต้นของ SaaS
 
ในช่วงแรก ๆ ของการพัฒนา SaaS ซอฟต์แวร์ที่ให้บริการมักจะถูกติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความยุ่งยากในการติดตั้งและบำรุงรักษา นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังต้องรับผิดชอบในการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นภาระที่ไม่สะดวกสำหรับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัว
 
ในปี 1999 บริษัท Salesforce ได้เปิดตัวโซลูชัน CRM (Customer Relationship Management) ที่เป็น SaaS ตัวแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าและจัดการความสัมพันธ์ได้จากทุกที่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ SaaS เริ่มได้รับความนิยมและแพร่หลายมากขึ้น
 
การเติบโตและการพัฒนา
 
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ตลาด SaaS เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีบริษัทต่างๆ เข้าร่วมแข่งขันในการพัฒนาโซลูชัน SaaS ที่หลากหลาย เช่น Google, Microsoft, และ Adobe ซึ่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม
 
ในช่วงเวลานี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น การเพิ่มความเร็วของอินเทอร์เน็ต และการพัฒนาของระบบคลาวด์ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถจัด เก็บข้อมูลและให้บริการซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์ได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน
 
แนวโน้มปัจจุบันและอนาคต
 
ปัจจุบัน SaaS กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่สำคัญในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวไปสู่การทำงานทางไกล การใช้ SaaS ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์ ซึ่งตัวอย่างแพลตฟอร์ม SaaS ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนั้นมีอยู่มากมายด้วยกัน อาทิ
 
  • Salesforce – ระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการข้อมูลลูกค้าและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Google Workspace – แพลตฟอร์มที่รวมเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน เช่น Gmail, Google Docs, Google Drive และ Google Sheets
  • Microsoft 365 – ให้บริการซอฟต์แวร์สำนักงาน เช่น Word, Excel, PowerPoint และ OneDrive สำหรับการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
  • Adobe Creative Cloud – บริการที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงโปรแกรมสร้างสรรค์ เช่น Photoshop และ Illustrator ผ่านระบบคลาวด์
  • Slack – แพลตฟอร์มการสื่อสารที่ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นผ่านการแชทและการประชุมวิดีโอ
  • Zoom – เครื่องมือสำหรับการประชุมออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการประชุมผ่านวิดีโอได้จากทุกที่
  • Shopify – แพลตฟอร์มสำหรับสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจขายสินค้าได้ง่ายขึ้น
  • Mailchimp – ระบบการตลาดทางอีเมลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและส่งอีเมลอัตโนมัติได้
  • Dropbox – บริการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและแชร์ไฟล์ได้จากทุกที่
  • Atlassian – บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หลายตัว เช่น JIRA และ Trello สำหรับการจัดการโปรเจกต์และการทำงานร่วมกันในทีม
แนวโน้มในอนาคตของ SaaS คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการให้บริการ และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยข้อมูลจะยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ให้บริการ SaaS ต้องให้ความสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ โดยรวมแล้ว วิวัฒนาการของ SaaS เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อวิธีการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล และยังคงเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการพัฒนาและขยายตัวต่อไปในอนาคต
 

Software-as-a-Service สำคัญต่อธุรกิจยุคใหม่อย่างไร?

Software-as-a-Service (SaaS) สำคัญอย่างไร
Software-as-a-Service (SaaS) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลหลายประการที่ทำให้ SaaS กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจในทุกขนาด โดยเฉพาะในด้านของต้นทุน ความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจในปัจจุบันได้แก่
 

1. ต้นทุนที่ต่ำและการประหยัดค่าใช้จ่าย

หนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของ SaaS คือการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ โดยทั่วไปแล้ว SaaS มีรูปแบบการชำระเงินแบบสมัครสมาชิก ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงสำหรับซอฟต์แวร์แบบเดิม ๆ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการติดตั้งและบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ภายในองค์กร
 

2. การเข้าถึงที่สะดวก

SaaS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเหมาะสมกับแนวโน้มการทำงานทางไกล (remote work) ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้ใช้สามารถทำงานได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
 

3. ลดความเสี่ยงข้อมูลสูญหาย

ระบบ SaaS มักมีการเก็บข้อมูลไว้ในศูนย์กลางอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายของข้อมูล เนื่องจากระบบจะทำการบันทึกข้อมูลโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับ Google Docs ที่บันทึกงานโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการลืมบันทึกข้อมูล
 

4. การอัปเดตและบำรุงรักษาที่ง่าย

ผู้ให้บริการ SaaS จะดูแลการอัปเดตซอฟต์แวร์และบำรุงรักษา ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการติดตั้งเวอร์ชันใหม่หรือจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากซอฟต์แวร์เก่า การได้รับฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักได้มากขึ้น
 

5. สนับสนุนการทำงานร่วมกัน

SaaS มีเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การแชร์เอกสาร การสื่อสารแบบเรียลไทม์ และเครื่องมือจัดการโครงการ ทำให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นแม้อยู่ห่างไกลกัน
 

6. ความสามารถในการปรับขนาด

SaaS มีความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหมายความว่าธุรกิจสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนผู้ใช้หรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตหรือมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการลงทุนในฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
 

7. เพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า

SaaS ช่วยให้นักการตลาดสามารถเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (Customer Lifetime Value) ได้ เนื่องจากบริษัท SaaS ส่วนใหญ่เรียกเก็บค่าบริการจากลูกค้าเป็นแบบสมาชิกรายเดือนหรือรายปี จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานบริการได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
 
Software-as-a-Service (SaaS) เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคใหม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนที่ต่ำ ความสะดวกสบายในการเข้าถึง และความสามารถในการปรับขนาดตามความต้องการขององค์กร ด้วยเหตุนี้ SaaS จึงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ยังช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจในการเติบโตและแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน.
 

Software-as-a-Service ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

Software-as-a-Service (SaaS) ทำอะไรได้บ้าง
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Software-as-a-Service (SaaS) มีความสำคัญต่อธุรกิจในยุคใหม่อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ในส่วนนี้เราจะมาดูว่า SaaS ใช้ทำอะไรได้บ้างในโลกของธุรกิจและการตลาดครับ
 

1. การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)

SaaS สามารถใช้ในการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management – CRM) โดยมีเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามข้อมูลลูกค้าและประวัติการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น Salesforce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม CRM ที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์พฤติกรรม และสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
 

2. การจัดการทรัพยากรบุคคล (HRM)

ซอฟต์แวร์ SaaS ยังถูกนำมาใช้ในการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management – HRM) เช่น การติดตามเวลาการทำงาน การบริหารเงินเดือน และการสรรหาบุคลากร ตัวอย่างเช่น BambooHR ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลพนักงานได้อย่างมีระบบและง่ายดาย
 

3. การวิเคราะห์ข้อมูล

SaaS มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ทรงพลัง เช่น Google Analytics ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 

4. เครื่องมือสื่อสารและทำงานร่วมกัน

SaaS ยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการสื่อสารและความร่วมมือระหว่างทีมงาน เช่น Microsoft Teams และ Slack ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ แชร์เอกสาร และทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
 

5. การจัดการโครงการ

แพลตฟอร์ม SaaS ยังถูกใช้ในการจัดการโครงการ เช่น แพลตฟอร์มอย่าง Trello ซึ่งช่วยให้ทีมสามารถติดตามความก้าวหน้าของโครงการ กำหนดเวลา และแบ่งงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลดความยุ่งเหยิงในการบริหารโครงการ
 

6. อีเมลมาร์เก็ตติ้ง

SaaS มีเครื่องมือสำหรับอีเมลมาร์เก็ตติ้ง เช่น Mailchimp ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างแคมเปญอีเมล ส่งข่าวสาร และติดตามผลตอบรับจากลูกค้าได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
 

7. ระบบบัญชีและการเงิน

ซอฟต์แวร์บัญชีแบบ SaaS เช่น QuickBooks Online ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการบัญชี รายรับ-รายจ่าย และรายงานทางการเงินได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน
 

8. อีคอมเมิร์ซ

แพลตฟอร์ม SaaS ยังสามารถใช้ในการสร้างและบริหารร้านค้าออนไลน์ เช่นแพลตฟอร์มอย่าง Shopify ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถขายสินค้าออนไลน์ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิคมากนัก
 
Software-as-a-Service (SaaS) เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจในยุคใหม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสนับสนุนรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ด้วยคุณสมบัติและฟังก์ชันต่าง ๆ ที่หลากหลาย SaaS จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรในทุกขนาด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
 
 

แหล่งที่มา :

https://www.saasaspire.com

https://aws.amazon.com/th/what-is/saas/

https://www.ibm.com 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *