ทำความเข้าใจ Brand Archetype คืออะไร?
Brand Archetype หรือ ต้นแบบของแบรนด์ คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นบุคลิกภาพของแบรนด์ หรือ Brand Personality ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคค่อนข้างมาก เนื่องจากการตัดสินใจซื้อของผู้คนส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในจิตใต้สำนึก และบุคลิกภาพหรือตัวตนของแบรนด์คือวิธีที่แบรนด์ต่างๆ จะสามารถเข้าถึงจิตใต้สำนึกของผู้บริโภคได้ ต้นแบบของแบรนด์เป็นแนวคิดในด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ที่ดึงมาจากแนวคิดเกี่ยวกับ “ประเภทของตัวละคร” เพื่อช่วยกำหนดลักษณะบุคลิกภาพและอัตลักษณ์ของแบรนด์ แนวคิดนี้ได้รับความนิยมโดย Carl Jung นักจิตวิทยาชาวสวิส และได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมโดยนักเขียน เช่น Carol Pearson และ Margaret Mar ในเวลาต่อมา
ต้นแบบของแบรนด์มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนนั้นย่อมมีประสบการณ์ มีความปรารถนา และแรงจูงใจ ซึ่งสามารถแยกออกมาเป็นต้นแบบของตัวละครที่เฉพาะเจาะจงได้ ด้วยการเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับต้นแบบเหล่านี้ นักการตลาดจะสามารถสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่เข้าถึงได้และตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไป ต้นแบบของแบรนด์นั้นสามารถแบ่งออกเป็น 12 แบบ ได้แก่
1. วีรบุรุษ (The Hero)
ต้นแบบนี้แสดงถึงความกล้าหาญและชัยชนะของความดีเหนือความชั่วร้าย แบรนด์ที่ยึดต้นแบบฮีโร่มักจะเน้นย้ำถึงความสามารถในการแก้ปัญหาและเอาชนะความท้าทายต่างๆ หรือการสร้างความแตกต่าง อย่างไรก็ตาม แทนที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า แต่พวกเขาพยายามที่จะเอาชนะความอยุติธรรม และปัญหาที่ผู้ชมเผชิญอยู่แล้วมากกว่า แบรนด์ที่มีบุคลิกแบบฮีโร่มักบอกให้โลกรู้เกี่ยวกับความสำเร็จของพวกเขาและมองหาวิธีพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา Nike เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่เป็นต้นแบบแบรนด์ Hero เพราะพวกเขาไม่ได้เพียงแค่ขายชุดกีฬาเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการให้ลูกค้ารู้สึกถึงแรงบันดาลใจ และได้รับพลังจากผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาซื้อ ด้วยแคมเปญ ‘Just Do It’ Nike ได้สร้างหนทางให้คนทั่วไปก้าวเข้าสู่รองเท้าของไอดอลนักกีฬา และเอาชนะอุปสรรคแทบทุกอย่าง ต้นแบบของแบรนด์ฮีโร่ช่วยให้ Nike สื่อสารถึงจุดประสงค์เฉพาะตัวได้
2. ผู้ไร้เดียงสา (The Innocent)
ผู้ไร้เดียงสาหรือผู้บริสุทธิ์ แสดงถึง ความเรียบง่าย และการมองโลกในแง่ดี แบรนด์ที่สอดคล้องกับต้นแบบนี้มักจะส่งเสริมในเรื่องของความปลอดภัย ความซื่อสัตย์ ตลอดจนคุณค่าที่ดีงาม แบรนด์ที่มีเสน่ห์ ซื่อสัตย์ และมองโลกในแง่ดีมักได้รับแรงบันดาลใจจากการแสวงหาความสุข พวกเขาไม่เชื่อในลูกเล่นหรือแนวทางการตลาดที่หนักหน่วง ในทางกลับกันบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและต้องการให้ลูกค้าค้นพบด้วยตนเองว่าอะไรที่ทำให้ธุรกิจของตนมีความพิเศษ แบรนด์ที่ไร้เดียงสาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความสุข ตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ที่ใช้ต้นแบบนี้ คือ Coca-Cola ผู้ผลิตน้ำอัดลมที่ทุกคนชื่นชอบ ข้อความทั่ว Coca-Cola คือ การเผยแพร่ความสุขและความรู้สึกดีๆ
3. นักสำรวจ (The Explorer)
ต้นแบบนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัย การค้นพบ และความตื่นเต้นของสิ่งที่ผู้คนไม่คุ้นเคย แบรนด์ที่ยึดต้นแบบ Explorer มักจะดึงดูดความปรารถนาของผู้คนในประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่กลัวความท้าทาย และมักได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาในอิสรภาพและความเป็นอิสระ แม้ว่าจะรับรู้ถึงขอบเขตและข้อจำกัด แต่ก็ไม่ยอมให้ข้อจำกัดเหล่านั้นหยุดพวกเขา แต่พวกเขาเลือกที่จะผลักดันขีดจำกัดอยู่ตลอดเวลา แบรนด์ Explorer มีความสม่ำเสมอ แข็งแกร่ง และเต็มใจที่จะรับมือกับทุกสิ่ง ตัวอย่างที่ดี คือ Patagonia บริษัทเสื้อผ้าที่มุ่งมั่นที่จะไม่เพียงแต่จัดหาเสื้อผ้าที่ทนทานและเชื่อถือได้ แต่ยังปกป้องโลกรอบตัวเราด้วย พวกเขาทำการตลาดเสื้อผ้าสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องทั้งลูกค้า และโลกที่พวกเขาชอบสำรวจ ตัวอย่างต้นแบบแบรนด์ Explorer อื่นๆ ได้แก่ Starbucks, The North Face และ Lonely Planet เป็นต้น
4. ผู้เชี่ยวชาญ (The Sage)
The Sage เป็นภาพตัวแทนของภูมิปัญญา ความรู้ และความเชี่ยวชาญ แบรนด์ที่ใช้ต้นแบบนี้ มักถูกมองว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยมุ่งเน้นไปที่การศึกษาและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้นแบบของแบรนด์ Sage มีความสนใจในการทำความเข้าใจโลกและการเอาชนะปัญหาที่ซับซ้อน แบรนด์เหล่านี้เฉลิมฉลองให้กับความอยากรู้อยากเห็นพร้อมทั้งแบ่งปันความรู้กับผู้อื่นผ่านเนื้อหาที่สม่ำเสมอไปพร้อมกับการสนับสนุนลูกค้า ตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ที่ใช้ต้นแบบ Sage ได้แก่ Google ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีที่สุดในการให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในปัจจุบัน พวกเขาโดดเด่นด้านความปรารถนาที่จะมอบข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นแก่ผู้บริโภคในปัจจุบันเพื่อให้ผู้คนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและสามารถหาคำตอบให้กับคำถามที่ซับซ้อนที่สุดได้
5. ผู้มีอารมณ์ขัน (The Jester)
แบรนด์ที่ใช้ต้นแบบนี้มักใช้อารมณ์ขันและความบันเทิงในการเชื่อมต่อกับผู้ชม พวกเขาเป็นตัวแทนของคนรักสนุก ขี้เล่น แม้ว่าการดำเนินธุรกิจถือเป็นเรื่องที่ต้องจริงจัง แต่ Jester รู้ดีว่าสามารถใส่ความสนุกสนานเข้าไปได้ บริษัทเหล่านี้เชื่อในการดำเนินชีวิตอยู่กับปัจจุบัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความพอใจและความสุขของลูกค้า แบรนด์ที่มีบุคลิกภาพนี้ยังคงรักษาท่าทีที่ไม่ธรรมดาแต่คงไว้ซึ่งความสนุกสนาน ส่งเสริมให้ผู้อื่นใช้ชีวิตนอกกรอบ ด้วยการเพิ่มอารมณ์ขันให้กับน้ำเสียงของแบรนด์และนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นประจำ ตัวอย่างเช่นแบรนด์ที่ใช้ต้นแบบ Jester ได้แก่ M&Ms ซึ่งเป็นบริษัทที่นำต้นแบบของการมีอารมณ์ขันมาใช้เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ชมอายุน้อย พวกเขาเปลี่ยนภาพลักษณ์และการตลาดให้แตกต่างโดยให้ความสำคัญกับอารมณ์ขันและความสนุกสนานเหนือสิ่งอื่นใด
6. คนรัก (The Lover)
ต้นแบบของคู่รัก มีความเกี่ยวข้องกับความหลงใหล ความปรารถนา และความใกล้ชิด แบรนด์ที่ยึดถือต้นแบบนี้มักจะเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงทางอารมณ์และความเย้ายวน แบรนด์ที่มีบุคลิกแบบคู่รัก มักจะมีความกระตือรือร้นและเป็นกันเอง พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาและความซาบซึ้งในความงาม และมักวางตำแหน่งตัวเองให้ดูมีเสน่ห์และหรูหรา ต้นแบบแบรนด์คู่รักเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการทั้งความลึกลับและน่าดึงดูดใจ หากผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมุ่งเน้นไปที่การทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกดีๆ ทั้งภายในและภายนอก คุณอาจเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกแบบคู่รัก ตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ Lover คือ Godiva บริษัทช็อกโกแลตแห่งนี้เน้นเรื่องความเย้ายวนและความหรูหรา แผนการตลาดของพวกเขาเต็มไปด้วยภาพที่สัมผัสได้ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองความรู้สึกเพลิดเพลินและความพิเศษเฉพาะตัว
7. ตัวแทนของผู้คน (The Everyman)
ต้นแบบนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ ความเรียบง่าย และคุณค่าที่ติดดิน แบรนด์ต่างๆ ที่ยึดถือต้นแบบของ Everyman มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงกับประสบการณ์และความต้องการของคนทั่วไป Everyman เป็นแบรนด์ประเภทที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ แบรนด์ที่มีกลิ่นอาย Everyman มักจะรักษากิริยาที่ไม่โอ้อวด ดูเรียบง่ายและเข้าถึงได้ สำหรับบริษัทเหล่านี้ ความสำเร็จเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อกับผู้คนในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ต้นแบบของแบรนด์ Everyman มักจะปรากฏในบริษัทที่แพร่หลายในตลาดทั่วไปและพบเห็นได้ง่าย
8. ผู้ดูแล ผู้ช่วยเหลือผู้อื่น (The Caregiver)
The Caregiver คือต้นแบบของความเห็นอกเห็นใจ การดูแลเอาใจใส่ และการสนับสนุน แบรนด์ที่ยึดถือต้นแบบนี้มักจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือและปกป้องลูกค้าของตน โดยเน้นความสะดวกสบายและการสนับสนุน ต้นแบบแบรนด์ “ผู้ดูแล” มุ่งเน้นไปที่ความเห็นอกเห็นใจ โดยมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการให้กับลูกค้าที่ทำให้พวกเขารู้สึกได้รับการชื่นชมและปลอดภัย หากธุรกิจของคุณเติบโตและมั่นคง และคุณนำเสนอคุณภาพที่สม่ำเสมอแก่ลูกค้าของคุณอยู่เสมอ คุณก็สามารถเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกภาพแบบผู้ดูแลได้ Johnson’s Baby ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ผู้ดูแล แคมเปญการตลาดทั้งหมดของพวกเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ชมทราบว่าผลิตภัณฑ์ของตนปลอดภัยและเชื่อถือได้ พวกเขายกย่องความอ่อนโยน ความสบาย และการสนับสนุนผู้คน เพราะพวกเขารู้ว่าลูกค้ากำลังมองหาแบรนด์ที่พวกเขาเชื่อถือได้เพื่อให้ลูกน้อยของพวกเขาปลอดภัยอยู่เสมอ
9. ผู้ต้องการควบคุม (The Ruler)
ต้นแบบ The Ruler แสดงถึงการควบคุม การกุมอำนาจ และความเป็นผู้นำ แบรนด์ที่ยึดต้นแบบนี้มักจะมีความภาคภูมิใจในความเชี่ยวชาญและทักษะความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมที่พวกเขาเลือก พวกเขามักทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสถานะที่เหนือกว่าในอุตสาหกรรมที่พวกเขาเลือก พวกเขาไม่เพียงแต่มีความมั่นใจเป็นพิเศษเท่านั้น แต่ยังเชื่อถือได้และมั่นคงอีกด้วย หากแบรนด์ของคุณมีบุคลิกภาพที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นว่าคุณเป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือเป็นแบบอย่างในอุตสาหกรรมของคุณ คุณก็อาจเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกแบบ Ruler ได้ ตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ที่ยึดถือต้นแบบนี้ คือ Microsoft ซึ่งเป็นองค์กรที่ทุ่มเทให้กับการสร้างมาตรฐานสูงในเรื่องของคุณภาพมาโดยตลอด Microsoft เริ่มต้นด้วยความทะเยอทะยานที่จะวางคอมพิวเตอร์ไว้บนโต๊ะทั่วโลก ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมอบความสะดวกสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
10. ผู้สร้างสรรค์ (The Creator)
ต้นแบบของผู้สร้างมีความเกี่ยวข้องกับนวัตกรรม จินตนาการ และการแสดงออก แบรนด์ที่ยึดต้นแบบนี้มักจะเน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีเอกลักษณ์และเป็นต้นฉบับ หากคุณคือต้นแบบของแบรนด์ผู้สร้างแสดงว่าคุณเป็นบริษัทประเภทที่สร้างเทรนด์ของคุณเอง คุณอาจทราบถึงเรื่องยอดนิยมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมของคุณ แต่คุณรู้ว่าผู้ชมของคุณต้องการสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นคุณจึงพร้อมที่จะก้าวไปในทิศทางที่แตกต่างออกไป แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็มีความยืดหยุ่น สนุกสนาน และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของต้นแบบของแบรนด์ “ผู้สร้าง” คือ Crayola บริษัทนี้ได้สร้างอุปกรณ์วาดภาพใหม่ๆ ขึ้นมาแทนชอล์กและถ่าน ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับเด็กและผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่งหน้าตัวใหม่ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ใช้สีสันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
11. ผู้เป็นขบถ (The Outlaw)
ต้นแบบนี้แสดงถึงการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและการละเมิดกฎเกณฑ์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงถูกยกให้เป็น ‘นักปฏิวัติ’ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะท้าทายสภาพที่เป็นอยู่และสร้างแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับตนเองในพื้นที่ที่พวกเขาเลือก นอกจากนี้ The Outlaw ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างที่ดีของต้นแบบแบรนด์แบบขบถ คือ Harley Davidson พวกเขาทุ่มเทให้กับการนำเสนอไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์สำหรับรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงไลฟ์สไตล์ด้วย เมื่อคุณซื้อ Harley คุณจะสามารถเข้าถึงชุมชนพิเศษได้ เป็นต้น
12. ผู้เชื่อมั่นในความเป็นไปได้ (The Magician)
เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง การเสริมพลัง และการเปลี่ยนแปลง แบรนด์ที่ใช้ต้นแบบนี้มักจะเน้นย้ำถึงความสามารถในการทำความฝันให้เป็นจริงหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก แบรนด์ที่มีต้นแบบเป็น The Magician มักถูกมองว่าเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ พวกเขาต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นให้กับลูกค้าของพวกเขา ไม่ได้พอใจเพียงแค่ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่ดีขึ้น แต่พวกเขายังต้องการเปลี่ยนโลกพร้อมกับทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้ หากคุณใช้ต้นแบบของแบรนด์ประเภทนี้ คุณจะมีบุคลิกที่ทั้งเฉียบแหลมและมีเหตุผลแต่ก็มีความคิดสร้างสรรค์เช่นกัน บางทีตัวอย่างที่ดีที่สุดของต้นแบบของแบรนด์แบบนักมายากลก็คือ Disney Parks พวกเขาได้สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการถ่ายทอดความรู้สึกถึงมนต์เสน่ห์ เวทมนตร์ สิ่งนี้ช่วยให้ดิสนีย์สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้มาเยือน ทำให้สวนสนุกเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถหลบหนีเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการและสร้างความทรงจำอันยาวนานได้