Brand Personality คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อความสำเร็จของธุรกิจ

Brand Personality

Brand Personality – ถ่อมตน ร่าเริง เคร่งขรึม มีเสน่ห์ คำเหล่านี้อาจเป็นคำที่เราใช้อธิบายลักษณะหรือบุคลิกภาพของผู้คน แต่ในมุมของการตลาดเรายังสามารถนำลักษณะดังกล่าวไปใช้กับบุคลิกภาพของแบรนด์ได้เช่นเดียวกัน ด้วยบุคลิกภาพจะเป็นตัวกำหนดว่าเรานั้นเป็นคนที่น่าคบหาหรือไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย เช่นเดียวกับบุคลิกภาพของแบรนด์ บุคลิกที่แข็งแกร่งและชัดเจน จะทำให้แบรนด์ดูมีชีวิตชีวา ทำให้แบรนด์มีความแตกต่างอย่างชัดเจน และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ท่ามกลางตลาดมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเช่นในปัจจุบัน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจในประเด็นเกี่ยวกับบุคลิกของแบรนด์ ความสำคัญ ตลอดจนประเภท และขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างบุคลิกของแบรนด์กันครับ


Brand Personality คืออะไร?

Brand Personality คืออะไร

บุคลิกภาพของแบรนด์ คือ วิธีการสร้างตัวตนของแบรนด์ ผลรวมของรูปแบบทางอารมณ์ จิตใจและพฤติกรรมที่จะป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวตลอดอายุขัยของแบรนด์ โดยทั่วไปบุคลิกภาพของแบรนด์ คือสิ่งที่ตอบสนองการทำงานทางจิตวิทยาที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถระบุหรือคาดการณ์ตัวเองได้ บุคลิกภาพของแบรนด์ยังเป็นแหล่งที่มาหลักของน้ำเสียง และรูปแบบการโฆษณาอีกด้วย บุคลิกภาพของแบรนด์ ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่สามารถแสดงออกผ่านน้ำเสียง รูปแบบการสื่อสารและพฤติกรรม ในขณะเดียวกันก็ปลูกฝังการรับรู้ของผู้บริโภคผ่านการสื่อสารในตลาด กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ บุคลิกภาพของแบรนด์นั้นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ คือ ชุดของคุณลักษณะของมนุษย์ที่มีต่อแบรนด์นั้นๆ หรือพูดอีกอย่างคือ คุณจะอธิบายแบรนด์อย่างไรหากเป็นบุคคล ซึ่งบุคลิกภาพของแบรนด์จะส่องผ่านข้อความของแบรนด์ รูปภาพ และแคมเปญการตลาดที่ครอบคลุมนั่นเองครับ


Brand Personality สำคัญอย่างไร

Brand Personality สำคัญอย่างไร

เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของ Brand Personality เราต้องเข้าใจความหมายของมันก่อน ด้วยการ “นึกภาพแบรนด์ให้เป็นคน” เช่น คนคนนั้นจะประพฤติตัวอย่างไร? พูดคุยอย่างไร? ไม่ว่าคนนั้นจะขับรถแบบไหน? จะแต่งตัวอย่างไร? บุคลิกภาพของแบรนด์ ก็คือลักษณะ และ บุคลิกภาพของมนุษย์ที่ติดมากับแบรนด์นั่นเองครับ ตัวอย่างเช่น ลองพิจารณาบุคลิกของแบรนด์อย่าง Apple ลองจินตนาการว่าถ้า Apple เป็นคน เขาจะเป็นอย่างไร? ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า เขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชื่นชอบนวัตกรรม หรือมีสไตล์ เป็นต้น กล่าวคือ มัน คือ บุคลิกลักษณะของมนุษย์ที่แบรนด์ได้พัฒนาตัวตนขึ้นมา ซึ่งทำให้ทราบถึงวิธีการพูดคุยตลอดจนพฤติกรรมของแบรนด์

บุคลิกภาพของแบรนด์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้าง หรือ วางตำแหน่งของแบรนด์ ทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่างที่ประสบความสำเร็จ และมีความสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการมีความคล้ายคลึงกันเนื่องจากธรรมชาติของผู้บริโภคที่มักซื้อตามอารมณ์ ดังนั้นสุดท้ายแล้วพวกเขาจึงเลือกตามความรู้สึกและความชอบที่มีต่อแบรนด์ที่สามารถสะท้อนบุคลิกลักษณะของพวกเขาได้ ซึ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่จะอธิบายความสำคัญของบุคลิกของแบรนด์ ที่มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจได้เป็นอย่างดีครับ

1. Brand Personality ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ชม

คุณอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่สนุกสนานและกระตือรือร้น หรือไปกับเพื่อนที่น่าเบื่อ ซึ่งคำตอบที่ได้ สามารถใช้ได้กับแบรนด์และผู้ชมของคุณ ผู้ชมมักจะเชื่อมต่อกับแบรนด์ที่เพิ่มคุณค่าบางอย่างให้กับพวกเขามากกว่าแบรนด์ที่ไม่สร้างผลกระทบใดๆ ต่อพวกเขา เมื่อบุคลิกภาพของแบรนด์สะท้อนให้เห็นว่าผู้ชมของคุณคือใคร พวกเขามักจะสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับธุรกิจของคุณและมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณมากขึ้น 

2. Brand Personality สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง

ลองมองไปรอบๆ ตัวและดูว่ามีกี่คนที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับคุณ ขายผลิตภัณฑ์แบบเดียวกับคุณ บุคลิกภาพของแบรนด์ของคุณ คือ วิธีที่ผู้ชมของคุณทำให้คุณแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่ง หากไม่มีคู่แข่งที่คล้ายคลึงกัน แบรนด์ของคุณก็ย่อมเป็นหนึ่งเดียวที่เชิดฉายท่ามกลางฝูงชน การมีบุคลิกของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์และสอดคล้องกันสามารถช่วยให้ผู้ชมจดจำคุณได้ท่ามกลางคนหมู่มากและพร้อมจะมีส่วนร่วมกับคุณหากพวกเขาพบว่าคุณน่าสนใจ ด้วยบุคลิกภาพของแบรนด์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำให้แบรนด์ของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง ผลิตภัณฑ์หรือบริการเดียวกันสามารถทำการตลาดด้วยวิธีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ ซึ่งกุญแจสำคัญ คือ การบ่มเพาะบุคลิกภาพที่เป็นของแท้สำหรับองค์กรของคุณอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาให้มีความสัมพันธ์กับลูกค้าในอุดมคติของคุณ

3. Brand Personality มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยจำนวนธุรกิจและคู่แข่งโดยตรงที่เพิ่มขึ้น บุคลิกภาพของแบรนด์ของคุณอาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง นอกเหนือจากการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ของคุณแล้ว บุคลิกของแบรนด์ยังสามารถมีอิทธิพลในเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า บุคลิกของแบรนด์ที่โดดเด่นย่อมช่วยดึงดูดการตอบสนองเชิงบวกจากลูกค้าของคุณได้ 

4. Brand Personality ช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์

บุคลิกภาพของแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์สามารถเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ของคุณโดยทำให้ผู้ชมจดจำคุณได้ท่ามกลางแบรนด์ต่างๆ มากมาย และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะชื่นชอบคุณมากกว่าคู่แข่งหากพวกเขาพบว่าแบรนด์ของคุณน่าสนใจเพียงพอ บุคลิกของแบรนด์ที่แตกต่างทำให้ประสบการณ์แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและน่าจดจำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการรับรู้ถึงแบรนด์ การรับรู้ถึงแบรนด์ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่จะรู้จักแบรนด์ของคุณผ่านการตลาดและการส่งเสริมการขายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการส่งเสริมการรับรู้ในลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ดังนั้นมันจึงพัฒนาจากการจดจำไปสู่ความชอบ

5. Brand Personality มอบผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีขึ้น

ด้วยการจำกัดผู้ชมให้แคบลงและสื่อสารบุคลิกของแบรนด์ของคุณผ่านช่องทางต่างๆ คุณจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าอะไรที่เหมาะกับแนวทางของคุณมากที่สุด นี่เป็นเพราะคุณไม่ได้พยายามทำให้ลูกค้าจำนวนมากพอใจแต่เป็นเพียงกลุ่มคนเฉพาะซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมกับคุณมากกว่า

6. ส่งเสริมความภักดีต่อแบรนด์

ความภักดีต่อแบรนด์ เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เกิดขึ้นได้จากการสร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ ซึ่งหากพูดถึงแบรนด์ระดับโลกแล้วเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแบรนด์ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังแห่งบุคลิกภาพของแบรนด์ได้อย่างโดดเด่นในปัจจุบัน คือ Apple ผู้ซึ่งคลั่งไคล้ในแบรนด์นี้มองเห็นตัวเองในอุดมคติในบุคลิกที่โฉบเฉี่ยว มีศิลปะ และไม่เป็นแบบแผน ซึ่งเป็นบุคลิกที่แบรนด์อย่าง Apple ได้ปลูกฝังมาตลอดหลายทศวรรษของการโฆษณาด้วยจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน สิ่งนี้ส่งผลให้มีลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ของพวกเขาเป็นจำนวนมากกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วโลก

แนวิคดของ Brand Personality

Brand Personality

กรอบบุคลิกภาพของแบรนด์ (Brand Personality Framework) เป็นพื้นฐานของการคิดเกี่ยวกับประเภทบุคลิกภาพของแบรนด์ในแง่ของมิติที่แตกต่างกัน 5 มิติ ได้แก่ ความจริงใจ ความตื่นเต้นเร้าอารมณ์ ความสามารถ ความแพรวพราว และความแข็งแรงทนทาน ลักษณะของบุคลิกของแบรนด์เหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นโดย Jennifer Aaker ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และการตลาด ในบทความเชิงลึกที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Marketing Research ซึ่งแต่ละมิติถูกกำหนดเพิ่มเติมโดยลักษณะบุคลิกภาพของแบรนด์ โดยการรวมกันของลักษณะเหล่านี้ ทำให้แบรนด์แตกต่างและเป็นที่จดจำ บุคลิกภาพของแบรนด์ประเภทต่าง ๆ ด้านล่างสามารถเห็นได้ในแบรนด์ชั้นนำของโลก กุญแจสำคัญ คือ การระบุลักษณะบุคลิกภาพของแบรนด์ที่สอดคล้องกับจุดยืนของคุณอย่างมีจุดมุ่งหมาย รวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น แนวปฏิบัติของแบรนด์ ค่านิยมหลัก และต้นแบบของแบรนด์ ซึ่งต่อไปนี้คือ กรอบแนวคิดหลัก หรือ Framework ของบุคลิกของแบรนด์ที่สำคัญครับ

1. ความจริงใจ (Sincerity)

คือแบรนด์ที่มักจะสะท้อนความจริงใจ มีลักษณะเฉพาะ เช่น สุขุม ร่าเริง ซื่อสัตย์ และติดดิน โดยทั่วไปแล้วพวกเขาเป็นมิตรกับทุกคนในครอบครัว เช่น Disney หรือ Hallmark เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์หากพวกเขามีบุคลิกที่คล้ายกัน บุคลิกภาพประเภทนี้อาจเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุดหากคุณอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร การต้อนรับ หรือความปลอดภัย

2. ความตื่นเต้นเร้าอารมณ์ (Excitement)

คือแบรนด์ที่แสดงถึงความตื่นเต้น มักถูกมองว่า เป็นธรรมชาติ สปอร์ต เปิดเผย ล้ำยุค และตามเทรนด์อยู่เสมอ แบรนด์เหล่านี้มักมุ่งเน้นไปที่กลุ่มประชากรที่อายุน้อยกว่า อาทิ Red Bull แบรนด์ที่เน้นพลังงาน ซึ่งเหมาะสำหรับนักกีฬา นักดนตรี และผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง Red Bull ยังคงเคลื่อนไหวและเชื่อมโยงกับผู้ชมเป้าหมายผ่านการรับรองจากผู้มีชื่อเสียง คอนเสิร์ต ดนตรี โซเชียลมีเดีย และกีฬาแนวผาดโผน เป็นต้น

3. ความสามารถ (Competence)

เป็นแบรนด์ที่แสดงถึงความสามารถของตัวเองอย่างชัดเจน มักจะโดดเด่นในด้านความน่าเชื่อถือ ความชาญฉลาด และตรงตามมาตรฐานระดับสูง พวกเขามักถูกมองว่าเป็นผู้นำทางความคิดและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ลูกค้าไว้วางใจให้แก้ไขจุดบกพร่องของตนได้ แบรนด์หนึ่งที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงความสามารถคือ Microsoft  แบรนด์นี้อยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมมานานหลายทศวรรษ และยังคงออกผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภควางใจได้ มิติด้านบุคลิกภาพนี้อาจเหมาะกับธุรกิจของคุณ หากคุณอยู่ในสายงานด้านสุขภาพ การเงิน ประกันภัย หรือแม้แต่โลจิสติกส์ เป็นต้น

4. ความแพรวพราว (Sophistication)

หรือแบรนด์ที่จัดกลุ่มภายใต้มิติความแพรวพราว มักคำนึงถึงลักษณะเด่น เช่น ความสง่างาม ความหรูหรา และชนชั้นสูง เมื่อคุณนึกถึงความหรูหรา คุณอาจนึกถึงแบรนด์อย่าง Louis Vuitton ซึ่งขายกระเป๋าและเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ชั้นนำ แบรนด์ที่มีความแพรวพราวมักนำเสนอเรื่องของศักดิ์ศรีเป็นหลัก หากแบรนด์ของคุณต้องการขายผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ คุณอาจลองสรุปความแพรวพราวของตัวเองเพื่อให้โดนใจผู้บริโภคกลุ่มที่เหมาะสม

5. ความแข็งแรงทนทาน (Ruggedness)

เมื่อผู้คนได้ยินคำว่า “สมบุกสมบัน” พวกเขาอาจนึกถึงลักษณะที่แข็งแกร่งและทนทาน บุคลิกภาพที่ห้าวหาญ อาจดูอบอุ่นและร่าเริงก็ได้ ตัวอย่างของแบรนด์ที่สมบุกสมบัน คือ Harley-Davidson ผู้บริโภครู้จัก Harley-Davidson จากความรู้สึกขบถของการผจญภัยและการแสวงหาอิสรภาพและความเป็นอิสระที่ไม่สิ้นสุด หากธุรกิจของคุณต้องการดึงดูดลูกค้าที่ต้องการแสดงออกถึงตัวตนและเห็นทุกสิ่งที่โลกนำเสนอ คุณอาจลองพัฒนาบุคลิกภาพที่ห้าวหาญ
นอกจากนี้เรายังสามารถแบ่ง ลักษณะบุคลิกที่เป็นต้นแบบของแบรนด์ (Brand Archetypes) ที่แยกย่อยออกได้ อีก 12 ลักษณะ ตามทฤษฎีของ Carl Jung  นักจิตวิทยาผู้ที่เชื่อว่า Archetype ต่างๆ นั้นคือ “แรงขับ” พื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดเป็นแกนตั้งเสมือนว่ามันคือแรงขับพื้นฐานของมนุษย์ที่แบรนด์จะต้องดูว่าจะสามารถเอาตัวเองเข้าไป “สนอง” ทางไหนดี ซึ่งต้นแบบของบุคลิกสามารถ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1. Brand Archetype ที่เกี่ยวข้องกับด้านจิตวิญญาณ

  • ผู้บริสุทธิ์ (The Innocent) แบรนด์ที่มีต้นแบบที่ไร้เดียงสา มักให้ความรู้สึก สงบ ปลอดภัย บริสุทธิ์ มีความปรารถนาหลักในการมอบความสุข เป็นคนคิดบวก และมองโลกในแง่ดี และมักหลีกเลี่ยงการประสงค์ร้ายต่อผู้อื่น พวกเขามองว่าโลกนี้คือสิ่งมหัศจรรย์และสนุกสนาน และเติบโตด้วยการส่งต่อความรู้สึกนั้นด้วยการแบ่งปันความสุขที่พวกเขาทำได้ แบรนด์เหล่านี้อาศัยความซื่อสัตย์ คุณธรรม และความเรียบง่ายมากกว่าเรื่องของนวัตกรรม
  • แม่แบบ (The Sage)  บุคลิกแบบแม่แบบ เป็นผู้แสวงหาความรู้และภูมิปัญญาและเชื่อว่าความจริงจะทำให้คุณเป็นอิสระ พวกเขาไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยตัวเอง แต่ชอบที่จะให้อำนาจผู้อื่นในการทำเช่นนั้นโดยการแสวงหาข้อมูลที่มีค่าและแบ่งปัน พวกเขามักจะเป็นผู้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เป็นผู้นำทางความคิดและเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยม
  • นักสำรวจ (The Explorer) แบรนด์ที่มีต้นแบบ Explorer นั้นขับเคลื่อนด้วยความต้องการความมีอิสระ และไม่ชอบที่จะถูกจำกัดด้วยขอบเขตทั่วไป พวกเขาคล้ายกับกบฏ แต่มีแนวโน้มที่จะสำรวจมากกว่าการหยุดชะงัก นักสำรวจเกลียดการคล้อยตามและชอบที่จะผลักดันตัวเองไปสู่ดินแดนที่ไม่มีในแผนที่ ซึ่งมีความท้าทายและเป้าหมายใหม่ๆ เกิดขึ้น พวกเขาชอบผจญภัยและกล้าหาญและกำลังเดินทางค้นหาอย่างต่อเนื่อง

2. Brand Archetype ที่ต้องการทิ้ง “บางอย่าง” ไว้ให้กับโลก

  • กบฏ (The Rebel) หรือบุคลิกแบบฉีกกฎเกณฑ์ต่างๆ พยายามที่จะท้าทายอุตสาหกรรมของพวกเขาตลอดจนสถานะที่เป็นอยู่ พวกเขาพยายามอย่างแข็งขันที่จะแหกกฎและรื้อกระบวนทัศน์เดิมที่มีอยู่ มีความสุขที่จะเสี่ยงเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งยังมองตัวเองว่าเป็นนักคิดอิสระที่พร้อมสร้างแรงบรรดาลใจ อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจไม่ได้ดึงดูดทุกคน และมักจะสร้างสิ่งที่ดูเหมือนลัทธิตามการสร้างแรงบันดาลใจให้กับความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากในหมู่ผู้ชมกลุ่มเล็กๆ
  • ผู้วิเศษ (The Magician)  ต้นแบบของแบรนด์ Magician คือผู้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น และทำให้ความฝันเป็นจริง พวกเขาชอบที่จะพาผู้ติดตามเดินทางอย่างลึกลับและมอบช่วงเวลามหัศจรรย์ที่จะติดตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเขา พวกเขาหลงใหลในความรู้ แต่จะชอบใช้มันเพื่อทำให้วิสัยทัศน์ของพวกเขาเป็นจริงมากกว่าที่จะแบ่งปันโดยตรงกับโลก
  • ฮีโร่ (The Hero) บุคลิกที่มีสำนึกที่แข็งแกร่งในเรื่องความถูกผิด พยายามเอาชนะความอยุติธรรม และปัญหาต่างๆ พวกเขามีความปรารถนาหลักในการเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นผลักดันตนเอง และแสดงถึงความสำเร็จผ่านการทำงานหนักและความพยายามด้วยการเผชิญกับความท้าทายด้วยตัวเอง พวกเขาภูมิใจที่งานของพวกเขาทำให้พวกเขาแตกต่างและมองว่างานของพวกเขามีความสำคัญและมีอำนาจต่อผู้คน

3. Brand Archetype ที่ต้องการ “เชื่อม” กับผู้อื่น

  • นักรัก (The Lover) บุคลิกที่มีแรงกระตุ้นจากความปรารถนา ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์ น่าค้นหา สร้างอารมณ์ร่วมและความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ดึงดูดผู้ชมทั้งทางร่างกายและจิตใจ พวกเขาค่อนข้างเป็นมิตร ทั้งยังเป็นบุคลิกที่เหมาะสำหรับครอบครัวอีกด้วย
  • ตัวตลก (the Jester) หรือบุคลิกแบบสนุกสนาน คือ ผู้ที่ต้องการทำให้ผู้คนรอบข้างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มุ่งมั่นที่จะนำความเบิกบานมาสู่ทุกสิ่งที่พวกเขาทำ และมุ่งมั่นที่จะรักษาไว้ซึ่งท่าทีขี้เล่น และดูมีความสุขในทุกสถานการณ์
  • คนธรรมดา (The Everyman) คือ บุคลิกที่ไม่โอ้อวด ไม่หวือหวา เข้าถึงง่าย มุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้คน และปรารถนาที่จะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน พวกเขาเกลียดความโดดเด่น และไม่แสดงลักษณะนิสัยหรือความคิดเห็นแบบสุดโต่งที่ดูขวางโลก

4. Brand Archetype ที่ต้องการ “สร้าง” บางอย่างให้กับโลก

  • ผู้สร้าง (The Creator) บุคลิกแบบผู้สร้าง คือ ผู้ที่มีวิสัยทัศน์และความปรารถนาที่จะสร้างผลิตภัณฑ์หรือประสบการณ์ที่ยั่งยืน มุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์ของพวกเขาเป็นจริง เป็นนักประดิษฐ์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และมักจะเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเป็นพิเศษ พวกเขาให้อำนาจผู้อื่นในการคิดอย่างสร้างสรรค์และแสดงออกผ่านทางผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาผลิตตลอดจนประสบการณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น
  • ผู้นำ (The Ruler) เป็นบุคลิกที่โดดเด่นที่ต้องการได้มาซึ่งอำนาจและการควบคุม รักการสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาสามารถตั้งกฎเกณฑ์ให้ผู้อื่นปฏิบัติตามได้ มักมีความมั่นใจ และภูมิใจในความเชี่ยวชาญของตนเองเป็นพิเศษ มีทักษะความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งที่จะไม่ยอมสุญเสียอำนาจในการควบคุม อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีบุคลิกที่น่าเชื่อถือและมั่นคงอีกด้วย
  • ผู้ดูแล (The Caregiver) บุคลิกแบบผู้ดูแล ได้รับการขับเคลื่อนด้วยความเห็นอกเห็นใจและความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น พวกเขาต้องการให้ผู้อื่นรู้สึกได้รับการดูและ ความอุ่นใจ และความปลอดภัย


ขั้นตอนในการทำ Brand Personality

Brand Personality

เช่นเดียวกับที่ทุกคนมีบุคลิกภาพ แบรนด์ทุกแบรนด์ก็เช่นกัน และเช่นเดียวกับที่บุคลิกภาพของแต่ละคนส่งผลต่อวิธีที่ผู้อื่นมองและโต้ตอบกับพวกเขา บุคลิกภาพของแบรนด์ของคุณก็ส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนมองและโต้ตอบกับธุรกิจของคุณไม่ต่างกัน มันสามารถสร้างความแตกต่างจากผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่ง
  • การรักษาลูกค้าที่ภักดีมากขึ้น และเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นผู้สนับสนุนแบรนด์
  • นำลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
  • สร้างความน่าเชื่อถือและอำนาจภายในอุตสาหกรรม ซึ่งกระตุ้นให้เกิดสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นมากขึ้น

ด้วยสภาพการแข่งขันของตลาดในปัจจุบัน เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหากต้องการเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องมีมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อที่จะพาแบรนด์ของคุณเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือ คุณจำเป็นต้องมีบุคลิกของแบรนด์ที่น่าประทับใจที่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภค เพื่อให้คุณสามารถสร้างการรับรู้ของผู้ชมของคุณด้วยบุคลิกของแบรนด์ที่แท้จริง ซึ่งต่อไปนี้ คือ ขั้นตอนสำคัญ ในการสร้าง Brand Personality ให้ประสบความสำเร็จครับ

1. วิจัยและกำหนดบุคลิกของกลุ่มเป้าหมาย

ขั้นตอนแรกในการสร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง คือ การเข้าใจว่าลูกค้าในฝันของคุณคือใคร เพื่อกำหนดลูกค้าเป้าหมายของคุณ คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังขายผลิตภัณฑ์ของคุณให้กับใคร เพื่อสร้างตัวละครของแบรนด์ให้สอดคล้องกับบุคลิกและค่านิยมจากลูกค้าของคุณเพื่อเชื่อมต่อกับพวกเขา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของคุณ คือ กลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะสนใจธุรกิจของคุณมากที่สุด เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ควรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง เช่น ปรับแต่งผู้ชมเป้าหมายขอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนรวบรวมข้อมูลเมื่อคุณเรียนรู้ว่าสิ่งใดได้ที่ใช้ได้ผล และสิ่งใดที่แบรนด์ยังต้องปรับปรุง
หากคุณเริ่มจากศูนย์ ให้เริ่มต้นด้วยการทำแบบสำรวจเพื่อรวบรวมข้อมูลว่าคุณกำลังกำหนดเป้าหมายไปที่ใคร คุณสามารถใช้เครื่องมือสำรวจฟรี เช่น SurveyMonkey หรือ Google Forms เพื่อสร้างและส่งแบบสำรวจของคุณได้อย่างง่ายดาย และต่อไปนี้คือคำถามที่จะช่วยคุณในการเริ่มต้นกำหนดบุคลิกของกลุ่มเป้าหมายของคุณได้เป้นอย่างดี
  • ข้อมูลประชากรของคุณคืออะไร?
  • งานอดิเรกของพวกเขาคืออะไร?
  • พวกเขาใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใด
  • พวกเขาหลงใหลเกี่ยวกับอะไร?
  • พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง?
  • วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงพวกเขาคืออะไร?
  • อะไรเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาซื้อ?
  • อะไรทำให้พวกเขาหยุดซื้อ?
นอกจากนี้คุณยังสามารถแชร์แบบสำรวจของคุณบนช่องทางโซเชียลและฟอรัมต่างๆ เพื่อรับข้อมูลเชิงลึก เมื่อคุณมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของคุณแล้ว ลองนึกถึงวิธีที่คุณจะสามารถสะท้อนความสนใจของพวกเขาและบรรเทาความท้าทายด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

2. ศึกษาการแข่งขันของคุณ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับคู่แข่งของคุณ เช่น วิธีที่พวกเขานำเสนอต่อผู้บริโภค บางทีคุณอาจขายอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและคู่แข่งทั้งหมดของคุณก็แสดงให้เห็นถึงความสมบุกสมบันเช่นเดียวกัน ดังนั้นเพื่อที่จะสร้างความโดดเด่น คุณอาจต้องพัฒนาบุคลิกภาพของแบรนด์ที่แสดงออกถึงความจริงใจ เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุคลิกใดก็ตามที่คุณหวังว่าจะพัฒนานั้นยังคงเป็นของแท้และแสดงถึงบริษัทของคุณได้เป็นอย่างดี
การทำความเข้าใจกับคู่แข่งของคุณจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณจากทุกมุม เริ่มต้นด้วยการระบุคู่แข่งของคุณและระบุมิติบุคลิกภาพของแบรนด์และต้นแบบของพวกเขา ดูรีวิวออนไลน์ของพวกเขาและจดบันทึกสิ่งที่ลูกค้าชื่นชอบและสิ่งที่พวกเขาไม่พอใจ บทวิจารณ์ของลูกค้าจะเป็นเสมือนอัญมณีที่ซ่อนอยู่ในการวิจัยคู่แข่งของคุณ

มาถึงตรงนี้คุณได้ทราบแล้วว่า ตลาดเป้าหมายของคุณต้องการอะไร และจุดอ่อนของคู่แข่งของคุณคืออะไร ดังนั้นจากสิ่งที่คุณค้นพบ คุณสามารถปรับแต่งบุคลิกภาพของแบรนด์ให้ครอบคลุมเพื่อเติมเต็มช่องว่างและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่คู่แข่งของคุณยังไม่สามารถทำได้

3. สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่สอดคล้องกัน

สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจนซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ แบรนด์มีพฤติกรรมอย่างไรในตัวตน? สิ่งนี้สามารถช่วยคุณพัฒนาเสียงของแบรนด์ให้ตรงกับบุคลิกของแบรนด์ของคุณ วิธีอื่นๆ ที่จะช่วยคุณสร้างตัวตนของแบรนด์ ได้แก่ คำถาม เช่น “ลูกค้าในอุดมคติของคุณคือใคร” “ผลิตภัณฑ์ของคุณแก้ปัญหาอย่างไร” และ “คุณลักษณะของมนุษย์ใดที่คุณสามารถรวมเข้าด้วยกันเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทางอารมณ์”  เมื่อคำนึงถึงตลาดเป้าหมายและลักษณะเฉพาะของคุณแล้ว ให้จัดบุคลิกของแบรนด์ของคุณให้สอดคล้องกับหนึ่งในห้ามิติของแบรนด์และต้นแบบที่ร่างไว้ด้านบน  ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับวิธีที่คุณต้องการให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก ก็ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้แบรนด์ที่มองเห็นของคุณสะท้อนถึงสิ่งนั้น เริ่มต้นด้วยการสร้างองค์ประกอบต่อไปนี้
  • ชื่อธุรกิจ
  • โลโก้
  • สโลแกน
  • รูปแบบอักษร

4. ลิสต์คำที่อธิบายถึงแบรนด์ของคุณ 

ขั้นตอนนี้ คือ การลิสต์รายการคำที่อธิบายถึงแบรนด์ของคุณได้อย่างชัดเจน ตลอดจนลักษณะเฉพาะที่ทำให้แบรนด์ของคุณพิเศษและไม่เหมือนใครเพื่อแยกความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น คิดว่าแบรนด์ของคุณคือบุคคล และเลือกคำคที่คุณจะเชื่อมโยงกับเขา เช่น อ่อนเยาว์หรือกระฉับกระเฉง เป็นต้น ควรเลือกใช้คำและลักษณะบุคลิกภาพที่คุณคิดว่าลูกค้าในฝันของคุณสามารถรู้สึกเชื่อมโยงและมีส่วนร่วมกับมันได้ สิ่งนี้ จะช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้าและสร้างความสนใจมาสู่แบรนด์ของคุณ

5. คิดว่าถ้าเป็นคน แบรนด์ของคุณจะเป็นคนอย่างไร?

เราเริ่มคิดแล้วว่าแบรนด์ของคุณ คือ บุคคลในขั้นตอนที่แล้วเพื่อเลือกคำที่เหมาะสมกับเขา แต่ตอนนี้ เราต้องก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นโดยคิดถึงการที่คุณได้พบกับบุคคลนั้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากความประทับใจแรกพบนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากหากพูดถึงการสร้างแบรนด์ ต่อไปเราจะมาตอบคำถามเกี่ยวกับบุคลิกภาพในการสร้างแบรนด์ของคุณกันด้วยคำถามต่อไปนี้
  • แบรนด์ของคุณทักทายอย่างไร? ทักทายด้วยน้ำเสียงที่กระฉับกระเฉงและเป็นกันเอง หรือเป็นทางการและจริงจัง
  • สิ่งที่สวมใส่แบรนด์ของคุณ? เสื้อผ้าประเภทใดที่ทำให้เห็นภาพแบรนด์ของคุณมากกว่ากัน เขาสวมชุดวอร์มที่ใส่สบายหรือสวมชุดที่ดูดีและสง่างาม คำถามนี้จะช่วยให้คุณสร้างภาพลักษณ์ได้ตามลักษณะแบรนด์ของคุณ
  • บุคลิกของแบรนด์ของคุณเป็นอย่างไร? เป็นคนตลก หรือเป็นคนจริงจัง สิ่งนี้จะช่วยกำหนดเสียงของแบรนด์คุณ
  • หัวข้อที่แบรนด์ของคุณพูดถึงคืออะไร? วิเคราะห์สิ่งที่จะเป็นหัวข้อหลักในการสนทนากับแบรนด์ของคุณ สิ่งนี้จะช่วยในเรื่องเสียงของแบรนด์และกลยุทธ์แบรนด์ของคุณ
ตอนนี้เราได้ทำองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว เรารู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา คำใดที่บ่งบอกแบรนด์ของคุณได้ดีขึ้น และความรู้ว่าแบรนด์ของเราจะแสดงออก แต่งกาย และพูดคุยอย่างไร เรามีองค์ประกอบหลักของบุคลิกภาพแบรนด์ของคุณแล้ว ตอนนี้คุณสามารถกำหนดบุคลิกภาพของแบรนด์ของคุณโดยใช้ต้นแบบของตราสินค้าหรือมิติบุคลิกภาพของแบรนด์โดยเน้นที่ลักษณะที่สำคัญที่สุดจากแบรนด์ของคุณ ซึ่งทำให้เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจสำหรับลูกค้าในฝันของคุณ

6. การสื่อสารบุคลิกภาพแบรนด์ของคุณ

เมื่อคุณทราบแล้วว่าสิ่งใดจะเป็นบุคลิกของแบรนด์ของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องติดตามตัวละครแบรนด์เดียวกันในทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ เพื่อสร้างบุคลิกที่เหนียวแน่นมั่นคงซึ่งลูกค้าของคุณสามารถเชื่อมโยงได้ คุณต้องมีกลยุทธ์แบรนด์ที่ชัดเจน เพื่อทำให้แน่ใจว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร และต้องสื่อสารออกไปอย่างสม่ำเสมอในประเด็นสำคัญ 3 สิ่งต่อไปนี้

  • เอกลักษณ์ทางภาพ  จากคำถามว่าแบรนด์ของคุณสวมใส่อะไร? คำถามนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ของคุณ เมื่อคุณมีจุดยึดของแบรนด์และมุมมองที่ชัดเจนว่าบุคลิกของแบรนด์ของคุณเป็นอย่างไร ก็ถึงเวลาถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบภาพทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ องค์ประกอบเหล่านี้ ได้แก่ การออกแบบโลโก้ การเลือกแบบอักษร สี ภาพ แนวทางการออกแบบ และการออกแบบองค์กรทั้งหมด
  • เสียงของแบรนด์  เสียงของแบรนด์นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิธีที่แบรนด์ของคุณพูดคุยกับคุณและหัวข้อหลักที่แบรนด์ของคุณจะพูดถึงคืออะไร เพื่อถ่ายทอดบุคลิกของแบรนด์อย่างถูกต้อง คุณต้องสร้างน้ำเสียงที่สอดคล้องกันผ่านการคัดลอกแบรนด์และข้อความทางการตลาดเพื่อเพิ่มคุณค่านั้น ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ เสียงของแบรนด์รวมถึงกลยุทธ์การตั้งชื่อ คำโปรย น้ำเสียง คำที่คุณจะใช้ และกลยุทธ์การเขียนคำโฆษณาของคุณ เป็นต้น
  • การกระทำ ปัจจัยสำคัญในการสร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ของคุณคือต้องมีความโปร่งใสและเป็นจริง คุณต้องทำให้ทุกสิ่งที่คุณสัญญาผ่านแผนกลยุทธ์ของแบรนด์เป็นจริง เมื่อคุณมีบุคลิกของแบรนด์ที่ชัดเจนแล้ว สิ่งนี้ควรแสดงในนโยบายการบริการลูกค้า ผลิตภัณฑ์และบริการที่คุณนำเสนอ และกระบวนการต่างๆที่ เกี่ยวข้อง

แหล่งที่มา : 

https://www.upwork.com

https://marchbranding.com

https://www.zekagraphic.com

 


บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *