“เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า” เป็นคำพูดที่เราคงเคยได้ยินติดหูกันอยู่บ่อยๆ นักการตลาดรู้ดีว่ากลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเด็กในวันนี้ หรือ “Generation Alpha” จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีโดยแทบจะไม่ต้องปรับตัวหรือเรียนรู้การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างยากเย็นนัก แน่นอนว่ารูปแบบในการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ต่างๆ ทั้งการช้อปปิ้ง หรือการเปิดรับสื่อของพวกเขาล้วนอยู่บนหน้าจอไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต พวกเขาต้องการค้นหาอะไรในโลกอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวสุดแต่ใจจะไขว่ขว้า ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคเจนอัลฟ่าให้ดียิ่งขึ้นในหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจครับ
Gen Alpha คือใคร?
Generation Alpha คือกลุ่มคนที่เกิดหรือกำลังจะเกิด ระหว่างปี ค.ศ. 2010 ถึง 2025 (อายุ 0 ถึง 12 ปี ภายในปี 2568) พวกเขาถือเป็นคนรุ่นแรก ที่เกิดในศตวรรษที่ 21 โดยเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทั้งในด้านเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ และการเงิน พวกเขาได้รับการขนานนามว่าเป็นเจน “มินิมิลเลนเนียล” และด้วยจำนวนที่เกิดมากกว่า 2.5 ล้านคนทุกสัปดาห์ พวกเขาจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว Generation Alpha กำลังแซงหน้า Gen Z อย่างรวดเร็วในฐานะเจเนอเรชั่นที่ใหญ่ที่สุดและมีความหลากหลายมากที่สุดในโลก คาดว่าภายในปี 2568 จะมีเจนเนอเรชั่นอัลฟ่ากระจายอยู่ทั่วโลกถึง 2 พันล้านคน แม้ว่าตอนนี้พวกเขาอาจจะยังเป็นเด็ก แต่ก็อีกไม่นานเกินรอก่อนที่คนรุ่นนี้จะสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
เจนอัลฟ่าได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเทคโนโลยีและผู้สร้างกลุ่ม Gen Z ที่มีอิทธิพลเหนือฟีดของพวกเขา นอกจากนี้เหตุการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาส่งผลอย่างมากต่อสิ่งที่พวกเขาเป็น เยาวชนรุ่นนี้ได้รับการขนานนามอย่างไม่เป็นทางการว่า “Gen C” หรือ “Generation COVID” สืบเนื่องมาจากชีวิตของพวกเขาถูกกำหนดโดยโรคระบาดครั้งใหญ่ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และจิตวิทยา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะทิ้งร่องรอยที่ยาวนานให้กับคนรุ่นใหม่นี้ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้น และมองว่าการทำงานจากที่บ้านเป็นวิถีชีวิตปกติ ที่สำคัญพวกเขาจะเป็นเจเนอเรชันที่สร้างสรรค์และปรับตัวได้มากขึ้นเนื่องจากความท้าทายต่างๆ นาๆ ที่พวกเขาต้องประสบพบเจอในช่วงหนึ่งของชีวิต
ข้อควรรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ Gen Alpha
เมื่อพูดถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเจนอัลฟ่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะจัดลำดับความสำคัญของการซื้อจากบริษัทที่มีความเป็นดิจิทัลเหนือสิ่งอื่นใด เนื่องจากพวกเขาอยู่หน้าจอมากกว่าและสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้คล่องแคล่วกว่ารุ่นอื่นๆ ราว 65 เปอร์เซ็นต์ ของเด็ก เจนอัลฟ่า อายุ 8 ถึง 11 ปี มีหรือใช้งานโทรศัพท์มือถือที่บ้าน ที่สำคัญโรคระบาดและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงที่ผ่านมายังมีส่วนผลักดันให้เจนอัลฟ่าจำเป็นต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ในการโต้ตอบกับผู้คนมากขึ้น พวกเขาจะพึ่งพาเกมดิจิทัลและเมตาเวิร์สเป็นสถานที่นัดพบ แม้ดูเหมือนว่าเจนอัลฟ่ายังไม่มีกำลังซื้อเท่าใดนัก แต่อิทธิพลของพวกเขานั้นรอวันเติบโต ซึ่งนักการตลาดควรเริ่มให้ความสนใจกับเจนอัลฟ่าตั้งแต่วันนี้ เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาจะมีความคาดหวังสูงต่อผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่พวกเขาจะตัดสินใจเลือก ซึ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่จะอธิบาย ลักษณะสำคัญของคนเจนนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
1. เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดีที่สุด
แม้ว่าส่วนใหญ่พวกเขาจะยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก แต่เมื่อถึงยุคที่ Generation Alpha ครองโลก พวกเขาจะกลายเป็น Generation ที่มีการศึกษาสูงที่สุดตลอดกาล ด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลที่มีให้ในทันที พวกเขาจะเติบโตขึ้นในการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกมากขึ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ ทั้งหมด
2.พวกเขากลมกลืนกับเทคโนโลยี
พ่อแม่ของพวกเขาอาจเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เกิดในโลกยุคดิจิทัล แต่ เจนอัลฟ่าจะเป็นคนกลุ่มแรกที่พร้อมผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับทุกแง่มุมของชีวิตได้อย่างราบรื่นแบบไร้รอยต่อ ในความเป็นจริงแล้ว เจนอัลฟ่า และเทคโนโลยีมีความเกี่ยวพันกันอย่างมาก จนประมาณว่าเมื่อพวกเขาอายุ 8 ขวบ พวกเขาจะมีทักษะด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่าพ่อแม่ ที่แน่ๆ พวกเขาจะไม่มีวันรู้จักโลกที่ปราศจากอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technology) และความจริงเสมือน (VR) และอื่นๆ อีกมากมาย
3. AI คือ ความจริงของพวกเขา
เป็นไปไม่ได้เลยที่คนรุ่นก่อนจะจินตนาการถึงผลกระทบของ Siri, Alexa หรือ Google Assistant ทั้งในชีวิตประจำวัน และในบ้านของพวกเขา แต่สำหรับ เจนอัลฟ่า นั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ในอนาคต AI หรือ Artificial Intelligence จะครอบงำโลกความเป็นจริงของพวกเขาและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ดังนั้นแบรนด์ต้องพิจารณาว่าพวกเขาจะมองโลกด้วยมหาสมุทรแห่งข้อมูลที่นำเสนอต่อพวกเขาอย่างไรในทุกขั้นตอน
4. การเรียนรู้ของพวกเขามีความเป็นส่วนตัวสูง
เจนอัลฟ่าคุ้นเคยกับการเข้าถึงข้อมูลในทันที ดังนั้นการบรรยายและรูปแบบการเรียนรู้แบบเก่าๆ นั้นจะเริ่มล้าสมัยสำหรับพวกเขา พวกเขาส่วนใหญ่จะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยประสบการณ์การเรียนรู้ส่วนบุคคลที่กำหนดเป้าหมายได้ทันกับความต้องการของพวกเขา นอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว รูปแบบของการเรียนรู้ออนไลน์และแบบฝึกหัดออนไลน์ต่างๆ จะช่วยอำนวยความสะดวกในแนวทางการศึกษาของพวกเขามากกว่ารุ่นที่ผ่านมา
5. สื่อสังคมออนไลน์จะเป็นรูปแบบปฏิสัมพันธ์หลัก
เจนอัลฟ่า จะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและคนรอบข้างผ่านโซเชียลมีเดียเป็นส่วนใหญ่ และพวกเขาจะเชื่อมต่อกันตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตามดาบสองคมสำหรับสิ่งนี้ คือ ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ การได้รับการยอมรับทางสังคมจะกลายเป็นตัวกำหนดความชื่นชอบที่จะออนไลน์ของพวกเขามากหรือน้อยเพียงใด
6. พวกเขาไม่ชอบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน
สิ่งที่จุดประกายให้นักการตลาดได้เป็นอย่างดี คือ Generation Alpha ส่วนใหญ่ไม่ชอบเศรษฐกิจแบบแบ่งปันสักเท่าไหร่ ซึ่งแตกต่างจากเจนก่อนหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งจุดยืนต่อต้านการแบ่งปันของพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนสำหรับนักการตลาด เนื่องจากเทรนด์การเป็นเจ้าของสินทรัพย์จะกลับมาแข็งแรงขึ้น กล่าวคือ พวกเขาไม่นิยมระบบการเช่าทรัพย์สิน แต่จะมุ่งเป้าไปที่การซื้อมาเป็นของตัวเองเลยมากกว่า
7. ไม่ชอบเล่นตามกฎเกณฑ์
ยกตัวอย่างการระบายดินสอสีให้อยู่ในกรอบอาจถึงเวลาสิ้นสุดลงแล้ว เจนอัลฟ่าไม่ชอบถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า พลังงานของพวกเขานั้นยากจะควบคุมได้เนื่องจากโลกดิจิทัลของพวกเขาทำให้พวกเขาสัมผัสกับมุมมองที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทำให้เกิดความต้องการที่จะเป็นตัวของตัวเองมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ
8. ไม่อินกับความเชื่อทางศาสนา
ธรรมชาติของคนเจนอัลฟ่าส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะท้าทายกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางสังคมมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ ดังนั้นอาจเป็นเรื่องยากในระดับหนึ่งที่ใครจะสามารถโน้มน้าวพวกเขาให้เข้าสู่ศาสนาหรือระบบความเชื่อต่างๆ เนื่องจากพวกเขามีแนวโน้มที่จะหลุดพ้นจากโครงสร้าง หรือบรรทัดฐานเดิมๆ ที่มีอยู่แม้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการทำให้พวกเขายอมรับระบบความเชื่อตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตามในอนาคตพวกเขาจะเติบโตทางความคิดและความเชื่อในแบบของพวกเขาในไม่ช้าและพร้อมที่จะละทิ้งความเชื่อต่างๆ ที่พวกเขาถูกปลูกฝังในวัยเด็กได้อย่างไม่ยากเย็น
9. พวกเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าจะแตกต่างกับเจเนอเรชันที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ นักการตลาดอาจต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายเมื่อต้องกำหนดเป้าหมายไปที่เจนอัลฟ่า เนื่องจากความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาเปลี่ยนแปลงอยู่เกือบตลอดเวลา พวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นปัจเจกชนมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้า ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่ากว่าที่คุณในฐานะนักการตลาดจะหาวิธีทำนายหรือคาดเดาความต้องการของพวกเขาได้สำเร็จ พวกเขาอาจจะเปลี่ยนจากสิ่งที่คุณคาดเดาไปแล้วได้เสมอ
10. พวกเขาจะเป็นพนักงานที่แตกต่างในที่ทำงาน
ในอีกประมาณหนึ่งทศวรรษต่อจากนี้ พวกเขาจะทำงานร่วมกับคน 5 เจเนอเรชั่น และจะกลายเป็นกลุ่มคนที่ใหญ่ที่สุดในที่ทำงาน แนวทางการทำงานและการแก้ปัญหาของพวกเขาจะแตกต่างจากคนรุ่นอื่นๆ ด้วยการเติบโตมาพร้อมกับแหล่งความคิดที่หลากหลายและเปิดกว้างกว่า นอกจากนี้พวกเขายังต้องการร่วมงานกับบริษัทที่เจตนารมณ์สอดคล้องกับหลักการของพวกเขา พวกเขายอมรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลาย ที่สำคัญพวกเขาจะเลือกใช้เทคโนโลยีอยู่เหนือการเชื่อมต่อของมนุษย์ก่อนเสมอ
เทคนิคพิชิตใจ Gen Alpha
อย่างที่เราทราบดีว่าผู้บริโภคเจนอัลฟ่าเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ซึ่งการสื่อสารของแบรนด์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทันสมัยกับโลกดิจิทัลที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการให้ความสำคัญกับแนวทางที่เป็นดิจิทัลเป็นอันดับแรกนั้นอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากพวกเขายังพิจารณาด้วยว่าคุณมุ่งมั่นเพื่อสังคมหรือไม่? ตลอดจนคุณกำลังผลักดันผลิตภัณฑ์ หรือเชิญชวนให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสนทนาหรือไม่ อย่างไร?
นอกจากนี้ พวกเขายังมีความคาดหวังสูงต่อแบรนด์เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของลูกค้า ดังนั้นในอีกสิบปีข้างหน้าคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าว่าวิธีการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์ต่างๆ และลูกค้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก สิ่งนี้ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างสูงต่อธุรกิจที่ต้องทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ และพร้อมมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลและมีความคล่องตัวมากขึ้น อินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อของเจนอัลฟ่า และการซื้อของผู้ปกครองของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจเลยที่ในฐานะคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีพวกเขาจะใช้ช่องทางดิจิทัลและโซเชียลมีเดียเพื่อสื่อสารกับแบรนด์และทำการซื้อทางออนไลน์ เมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้น พวกเขาจะคาดหวังมากขึ้นจากธุรกิจต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ดิจิทัลแบบทันทีทันใด ราบรื่น และเป็นส่วนตัว พวกเขาจะต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมและผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้ในการสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนๆ ของพวกเขา ซึ่งต่อไปนี้ คือ เทคนิคสำคัญที่นักการตลาดจะหลีกเลี่ยงไม่ได้หากต้องการพิชิตใจพวกเขาให้อยู่หมัด
1. ต้องให้ความสำคัญกับการสนทนาสองทาง
เจนอัลฟ่าไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้บริโภค แต่พวกเขาเป็นผู้สร้าง เทคโนโลยีที่ตอบสนองเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ทางเว็บไซต์ของคนยุคนี้ และพวกเขาจะยังคงต้องการเทคโนโลยีนี้ต่อไปสังเกตได้จากแอป TikTok ที่พวกเขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ในหมู่เด็กๆ เพราะพวกเขาส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วม ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ แบรนด์ของคุณต้องไม่ผลักดันผลิตภัณฑ์ไปยังเจเนอเรชันอัลฟ่า อย่างหนักหน่วงเกินไป แต่คุณควรกระตุ้นให้พวกเขาโต้ตอบและช่วยสร้างเนื้อหาของคุณ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่คุณสามารถทำได้ คือการใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง
พวกเขาสามารถสร้างวิดีโอที่สรุปช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขาและแสดงให้เพื่อนๆ และผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียเห็นได้อย่างง่ายดาย ซึ่ง วีดีโอสั้น อาทิ Facebook Reels หรือ Tiktok นั้นเป็นที่นิยมในกลุ่มประชากรอายุน้อยอยู่แล้ว เป็นการผสมผสานระหว่างงานอดิเรกที่ชื่นชอบของ Generation Alpha สองอย่าง ได้แก่ การเล่นเกม และวิดีโอ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าวิดีโอเกมเป็นกิจกรรมโปรดของคนยุคนี้ (85%) โดยมีวิดีโอออนไลน์ที่ได้รับความนิยมใกล้เคียงกัน (82%)
2. Gen Alpha ชอบแบรนด์ที่มุ่งมั่นเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
แม้ว่าอาจจะยังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า แต่เจนอัลฟ่าก็มีอำนาจมากกว่าเจเนอเรชันอื่นๆ พวกเขากระตือรือร้นที่จะนำเทคโนโลยีในปัจจุบันไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่สำคัญคนยุคนี้ต้องการเห็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นในประเด็นทางสังคมอย่างที่เป็นอยู่ แต่การกระทำของคุณต้องไม่สวนทางกับคำพูด คำสัญญาที่ผิดพลาดและขัดต่อความปรารถนาของเจเนอเรชันอัลฟ่าที่ต้องการอย่างแรงกล้าที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงนั้นอาจทำให้คุณต้องสูญเสียความไว้วางใจจากพวกเขาได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ ควรแสดงให้เห็นความแตกต่างที่แบรนด์ของคุณกำลังสร้าง หากความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ของคุณ คุณจำเป็นต้องสื่อสารการต่อสู้ในภารกิจและพันธกิจของคุณกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ว่าคุณจะทุ่มเทความพยายามไปที่ใด จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าความตั้งใจของคุณนั้นเป็นของจริงที่พิสูจน์ได้เสมอ
3. Gen Alpha ชอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล
ตั้งแต่โปรไฟล์ Instagram ไปจนถึงตัวละครในเกม ไปจนถึงอวาตาร์ในโลก Metaverse คนยุคนี้จะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการสร้างตัวตนออนไลน์ของตนเอง ประสบการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตของพวกเขาเป็นแบบเฉพาะบุคคล ดังนั้นพวกเขาย่อมค้นหาแบรนด์ที่นำเสนออะไรที่ไม่น้อยไปกว่ากัน ที่ต้องพร้อมจะทำได้มากกว่าการทักทายผู้บริโภคด้วยชื่อแบรนด์ แม้ว่าสิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างแน่นอน แต่การจะให้พวกเขาร้องว้าวได้กับประสบการณ์ในการเป็นผู้บริโภคจะกลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับนักการตลาดในอนาคต
4. มีส่วนร่วมกับ Gen Alpha ด้วยการสื่อสารแบบดิจิทัล
ในขณะที่ Gen Z ยังเป็นประเด็นร้อนที่บรรดาแบรนด์ต่างๆ ให้ความสำคัญ แต่ Generation Alpha นั้นพร้อมที่จะเข้ามาแทนที่ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้น การสร้างความประทับใจให้คนรุ่นนี้ คือ การสื่อสารแบบดิจิทัลที่สมจริง ดื่มด่ำ ล้ำยุค และเป็นส่วนตัวมาก ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ ได้มอบประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟให้กับคนรุ่นใหม่ในรูปแบบที่พวกเขาต้องการซึ่งความเป็นไปได้ของวิดีโอแบบโต้ตอบนั้นแทบจะไม่มีที่สิ้นสุดทั้งในวันนี้และในอนาคต
ที่สำคัญ ภายในปี 2573 คนเจนอัลฟ่าที่อายุมากที่สุดจะมีส่วนร่วมโดยตรงกับธุรกิจมากขึ้น และกลายเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจหลัก ในทางกลับกัน การที่แบรนด์จะมีส่วนร่วมกับพวกเขาจะเป็นความท้าทายทางเทคโนโลยีมากกว่าความท้าทายจากรุ่นสู่รุ่น การใช้แพลตฟอร์มการสื่อสารแบบหลายช่องทางจะช่วยให้คุณมีเครื่องมือและช่องทางที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดความสนใจของคนยุคนี้และเอาชนะใจพวกเขาในฐานะผู้บริโภคหลักในอนาคตได้ในที่สุด
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับวิธีเริ่มมีส่วนร่วมกับพวกเขา
- สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกช่องทางที่แท้จริงโดยการสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลหลายช่องทาง เช่น Line, Apple Messages for Business, Instagram Business และอื่นๆ อีกมากมาย ที่อาจยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้
- ทำให้การสนับสนุนลูกค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วยแชทบ็อต AI แบบสนทนา ที่สามารถรับรู้ความตั้งใจของลูกค้าและให้ข้อมูลได้ทันทีในทุกช่องทางด้วยการสัมผัสของมนุษย์
- มอบประสบการณ์ส่วนบุคคลโดยใช้โซลูชันการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่เปิดใช้งานระบบอัตโนมัติด้านการตลาดและให้ข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า
- ใช้ประโยชน์จากความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเพื่อปรับปรุงการสื่อสารในอนาคตและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าอย่างปลอดภัย การพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันผ่านช่องทางที่พวกเขาต้องการ
และในที่สุด เมื่อคุณอยู่ในสถานะที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความไว้วางใจ ความภักดี และการสนับสนุน ท้ายที่สุด ย่อมหมายความว่าคุณจะปิดดีลกับพวกเขาได้มากขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัย
สรุป
ถึงตอนนี้ เราทุกคนควรรู้แล้วว่า Generation Alpha เป็นรุ่นที่สำคัญที่สุดและโดดเด่นที่สุดในอนาคต พวกเขาจะมองหาประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยม การเพิกเฉยต่อคนรุ่นนี้ หมายถึงการเพิกเฉยต่ออนาคตของคุณ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากกว่าการสื่อสารผ่านผลพลอยได้จากการโฆษณาขององค์กร
ประสบการณ์และแนวโน้มของมนุษย์จะยังคงเปลี่ยนแปลง และในทุกเจเนอเรชัน แบรนด์จำเป็นต้องตอบสนองต่อสิ่งที่ทำให้พวกเขาเลือกหรือเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาชอบ สำหรับ เจนอัลฟ่า คาดว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีการศึกษาและเรียนรู้มากที่สุด ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องยกระดับเกมการตลาดเมื่อนุึกถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับพวกเขา ก่อนที่ เจนอัลฟ่า จะมีอำนาจในการใช้จ่ายทางเศรษฐกิจสูงสุด สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจพวกเขาก่อน เพื่อให้เราพร้อมและปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะกับรสนิยมที่แตกต่างกันของพวกเขา
นอกจากนี้ สำหรับ เจนอัลฟ่า แบรนด์ต่างๆ ต้องเข้าใจว่า ณ ตอนนี้ พ่อแม่คือผู้มีอำนาจตัดสินใจ และในที่สุดพ่อแม่ก็จะชอบสิ่งที่ลูกชอบ ดังนั้นการติดตามการตลาดพ่อแม่ของเจนอัลฟ่ายังเป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับ เจนอัลฟ่า การแสดงออกของแบรนด์ต่อความรับผิดชอบต่อสังคมมีความสำคัญ (มากกว่ารุ่นอื่นๆ) ดังนั้น การทำ CSR ของแบรนด์จำเป็นต้องได้รับการวางแผนและพัฒนาเพื่อสร้างพลังในการดึงดูดพวกเขา นอกจากนี้ การมีโอกาสได้ร่วมสร้าง นอกเหนือจากการได้รับประสบการณ์ส่วนตัวกับผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจนอัลฟ่าด้วยเช่นเดียวกัน
แหล่งที่มา :
https://parenting.firstcry.com