Extrovert คืออะไร?
Extrovert คือ บุคคลที่มีบุคลิกที่แสดงออกถึงความเปิดเผย มีลักษณะเด่น คือ ชอบปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการกระตุ้นจากภายนอก ดังนั้นผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบเปิดเผยมักจะหมายถึง คนที่ช่างพูดช่างเจรจาและมีพลัง ชอบเข้าสังคมโดยมักแสวงหาโอกาสในการเข้าสังคมกับผู้อื่น เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และมีแนวโน้มที่จะได้รับพลังงานในการขับเคลื่อนชีวิตจากการได้อยู่ร่วมกับผู้อื่น
ซึ่งแนวคิดเรื่องเอ็กซ์โทรเวิร์ตถูกเสนอโดยคาร์ล ยุง นักจิตวิทยาชาวสวิสในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เขาอธิบายว่าความเปิดเผยเป็นหนึ่งในสองแนวทางบุคลิกภาพหลักๆ ของมนุษย์ โดยอีกแนวทางหนึ่ง คือความเก็บตัว (Introvert) ในขณะที่คนเก็บตัวมักจะมุ่งเน้นไปที่ความคิดและความรู้สึกภายในของตนเองเป็นหลักแต่คนเปิดเผยมักจะได้รับพลังงานจากโลกภายนอก
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม คือ สิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิต
- มักจะรู้สึกหมดแรงเมื่อต้องอยู่คนเดียวนานๆ
- ชอบเป็นจุดสนใจจากผู้คน ชอบเข้าสังคม ชอบพูดคุย
- กระตือรือร้นที่จะรับประสบการณ์ใหม่ๆ มักจะมองหาสถานการณ์ใหม่ๆ และเปิดใจลองสิ่งใหม่ๆ
- ตัดสินใจอย่างรวดเร็วโดยอาศัยข้อมูลจากภายนอกและสัญชาตญาณส่วนตัว
- มีกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักที่กว้างขวาง
- ชอบทำกิจกรรมกลุ่มมากกว่ากิจกรรมเดี่ยว
ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ มีอิทธิพลอย่างมากต่อการรับรู้และโต้ตอบกับข้อความทางการตลาด ซึ่งแบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างแคมเปญทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมมากขึ้นได้โดยปรับวิธีการให้สอดคล้องกับลักษณะเหล่านี้ได้
Extrovert กับจิตวิทยาเบื้องหลังพฤติกรรม
Extrovert กับจิตวิทยาเบื้องหลังพฤติกรรมการตลาด
การทำตลาดกับผู้ที่มีบุคลิกเปิดเผยอย่างมีประสิทธิผล สิ่งสำคัญที่สุด คือ แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องเข้าใจแรงกระตุ้นทางจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของพวกเขา ซึ่งการทำความเข้าใจปัจจัยทางจิตวิทยาเหล่านี้ทำให้สามารถสร้างข้อความและประสบการณ์ที่เข้าถึงใจคนกลุ่มนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ได้แก่
1. อิทธิพลทางสังคม
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ต มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลทางสังคมและคำแนะนำจากเพื่อนมากกว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากกระแสนิยมและการตลาดแบบปากต่อปากเป็นสำคัญ
2. การซื้อตามแรงกระตุ้น
พวกเขามักจะหุนหันพลันแล่นมากกว่า และตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจซื้อโดยไม่ได้เตรียมตัวหรือครุ่นคิดมาก่อน นอกจากนี้พวกเขาอาจยอมรับข้อเสนอแบบจำกัดเวลาหรือการขายแบบลดราคาพิเศษได้ดีกว่า
3. การแสวงหาประสบการณ์
ผู้ที่ชอบเข้าสังคมต้องการการกระตุ้นและประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นพวกเขามักจะถูกดึงดูดด้วยการตลาดเชิงประสบการณ์ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่และแตกต่างให้กับพวกเขา
4. หลักฐานทางสังคม
พวกเขาให้ความสำคัญกับหลักฐานทางสังคม (Social Proof) สูง และมีแนวโน้มที่จะไว้วางใจผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ผู้อื่นรับรองมากกว่า ดังนั้นคำรับรอง บทวิจารณ์ และคำแนะนำจากผู้ทรงอิทธิพลมักจะมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ
5. ชุมชนแบรนด์
พวกเขาชอบเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และมักจะมีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่ส่งเสริมความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งหรืออัตลักษณ์ของกลุ่ม
6. มีส่วนร่วมหลายช่องทาง
พวกเขามักจะใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชียลและช่องทางการสื่อสารต่างๆ มากมาย สิ่งนี้ทำให้พวกเขายอมรับกลยุทธ์การตลาดแบบ Omni Channel
7. FOMO (ความกลัวที่จะพลาดข้อเสนอ)
ผู้ที่ชอบเข้าสังคมมักได้รับแรงผลักดันจาก FOMO หรือกลยุทธ์การตลาดที่สร้างความรู้สึกพิเศษหรือข้อเสนอที่มีเวลาจำกัดสามารถมีประสิทธิผลได้กับคนกลุ่มนี้
8. พฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทน
ผู้ที่ชอบเข้าสังคมมักจะไวต่อรางวัลและการเสริมแรงในเชิงบวกมากกว่า ดังนั้นโปรแกรมความภักดีและการตลาดที่เน้นแรงจูงใจอาจดึงดูดใจพวกเขาได้ดีเป็นพิเศษ
9. การแบ่งปันข้อมูล
พวกเขามีแนวโน้มที่จะแบ่งปันประสบการณ์ของตนเองทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งทำให้มีค่าอย่างยิ่งสำหรับการตลาดแบบปากต่อปากเพื่อขยายข้อความของแบรนด์
10. ยอมรับความเสี่ยง
ผู้ที่มีบุคลิกเปิดเผยมักจะมีความอดทนต่อความเสี่ยงสูงกว่า พวกเขาอาจเต็มใจที่จะลองผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ใหม่ๆ มากกว่าคนที่มีนิสัยชอบเก็บตัวหรือมีโลกส่วนตัวสูง
11. การแสวงหาความสนใจ
กลยุทธ์การตลาดที่อนุญาตให้ผู้ที่มีบุคลิกเปิดเผยได้แสดงตัวตนหรือดึงดูดความสนใจอาจมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นแคมเปญเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ (UGC) มักจะดึงดูดคุณลักษณะนี้
12. การแสดงออกทางอารมณ์
ผู้ที่มีบุคลิกเปิดเผยมักจะแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีกว่า ดังนั้นแคมเปญการตลาดที่เน้นอารมณ์อาจสร้างความประทับใจให้กับพวกเขาได้มากกว่าการทำความเข้าใจแนวโน้มทางจิตวิทยาเหล่านี้อาจช่วยให้ผู้ทำการตลาดปรับแต่งกลยุทธ์เพื่อดึงดูดและมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคที่มีบุคลิกเปิดเผยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าแม้ว่าลักษณะเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับบุคลิกเปิดเผย แต่ความแตกต่างของแต่ละบุคคลยังคงมีบทบาทสำคัญในพฤติกรรมของผู้บริโภค
Extrovert กับประโยชน์ที่แบรนด์ต่อยอดได้
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ต ถือเป็นกลุ่มประชากรที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษสำหรับแบรนด์และนักการตลาด นิสัยชอบเข้าสังคม การเชื่อมต่อทางสังคม และความกระตือรือร้นที่จะรับประสบการณ์ใหม่ๆ ของพวกเขามอบโอกาสอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ในการมีส่วนร่วม โน้มน้าวใจ และใช้ประโยชน์จากธรรมชาติของพวกเขาเพื่อความสำเร็จทางการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ ต่อไปนี้คือข้อดีหลักบางประการ
1. ทักษะการสร้างเครือข่าย
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่าย โดยธรรมชาติแล้ว นิสัยชอบเข้าสังคมทำให้พวกเขาสามารถเริ่มบทสนทนาและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า พันธมิตร และผู้มีอิทธิพลที่มีแนวโน้มจะเป็นไปได้ได้อย่างง่ายดาย ความสามารถในการมีส่วนร่วมกับผู้คนหลากหลายกลุ่มนี้สามารถนำไปสู่ความสัมพันธ์และโอกาสอันมีค่าซึ่งจำเป็นต่อการตลาด
2. ความสามารถในการสื่อสาร
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะเป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำการตลาด พวกเขาสามารถแสดงความคิดได้อย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นในการนำเสนอ การเสนอขาย หรือเนื้อหาส่งเสริมการขาย ความสบายใจในการพูดคุยต่อหน้ากลุ่มคนยังช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่ายทอดข้อความของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
3. ความสำเร็จในสภาพแวดล้อมของทีม
การตลาดมักเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันระหว่างทีม คนชอบเข้าสังคมมักจะชอบทำงานในกลุ่ม ซึ่งพวกเขาสามารถแบ่งปันความคิดและระดมความคิดอย่างสร้างสรรค์ ความกระตือรือร้นของพวกเขาสามารถช่วยสร้างพลังให้กับทีมได้ ส่งเสริมบรรยากาศแห่งความร่วมมือที่สามารถนำไปสู่กลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์
4. ปรับตัวเข้ากับกระแสสังคมได้อย่างรวดเร็ว
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะปรับตัวเข้ากับกระแสและกระแสสังคมได้ดีกว่า ทำให้พวกเขาสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับความสนใจของผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในสถานการณ์ทางสังคมช่วยให้พวกเขารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ชมสนใจ
5. ช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะเข้าร่วมงานสาธารณะ งานแสดงสินค้า และกิจกรรมชุมชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ได้ ความเต็มใจที่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์ในสถานการณ์ทางสังคมสามารถเพิ่มการมีอยู่และชื่อเสียงของแบรนด์ในตลาดได้
6. ความกระตือรือร้นเชิงบวก
ความกระตือรือร้นโดยธรรมชาติของชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ต สามารถแพร่กระจายได้ ทำให้พวกเขาเป็นตัวแทนแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ ทัศนคติเชิงบวกของพวกเขาสามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ โดยสรุปแล้ว ผู้ที่มีบุคลิกแบบเปิดเผยจะนำจุดแข็งอันมีค่ามาสู่บทบาทการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างเครือข่าย การสื่อสาร การปรับตัวตามกระแส การมองเห็นแบรนด์ และการส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ในเชิงบวก ลักษณะเหล่านี้สามารถมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อแคมเปญการตลาดที่ประสบความสำเร็จและการเติบโตทางธุรกิจโดยรวม
กลยุทธ์ มัดใจชาว Extrovert
1. เน้นประสบการณ์ทางสังคม
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตปรารถนาการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ดังนั้นการเน้นย้ำถึงแง่มุมทางสังคมของผลิตภัณฑ์หรือบริการของแบรนด์จึงมีประสิทธิภาพได้อย่างเหลือเชื่อ เช่น การนำเสนอกิจกรรมกลุ่มหรือการพบปะทางสังคมในโฆษณา โดยเน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณสามารถเสริมประสบการณ์ทางสังคมได้อย่างไร สร้างแคมเปญการตลาดที่สนับสนุนการแบ่งปันและการมีส่วนร่วมของกลุ่ม จัดงานหรือประสบการณ์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน
ตัวอย่าง : Starbucks ใช้การสร้างประสบการณ์ทางสังคมในร้านกาแฟ โดยมีการจัดกิจกรรมเช่น “Starbucks Reserve” ที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับกาแฟพิเศษและเข้าร่วมกิจกรรมการชิมกาแฟ การสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้พบปะพูดคุยกัน ช่วยกระตุ้นให้ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตรู้สึกสนุกสนานและมีส่วนร่วมกับแบรนด์.
2. ใช้ประโยชน์จากหลักฐานทางสังคม
เนื่องจากชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตต้องการการยอมรับทางสังคม การนำหลักฐานทางสังคมมาใช้ในกลยุทธ์การตลาดของคุณจึงมีประสิทธิภาพสูง ด้วยการ ใช้คำรับรองและบทวิจารณ์อย่างเด่นชัดในสื่อการตลาดของคุณ นำเสนอเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของคุณ ดำเนินการแคมเปญการตลาดแบบผู้มีอิทธิพล เน้นย้ำถึงตัวชี้วัดความนิยม (เช่น “เข้าร่วมกับลูกค้าที่พึงพอใจมากกว่า 1 ล้านคน!”)
ตัวอย่าง : Nike ใช้การตลาดที่เน้นที่การมีส่วนร่วมของชุมชน โดยการจัดกิจกรรมหรือแคมเปญที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม และใช้ภาพและวิดีโอจากผู้เข้าร่วมเพื่อสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือ เช่น การแข่งขันวิ่งหรือกิจกรรมฟิตเนสที่มีผู้คนหลายคนเข้าร่วม การเห็นคนจำนวนมากที่สนุกสนานและมีความสุขช่วยกระตุ้นให้คน Extrovert ต้องการเข้าร่วมด้วย
3. ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย
คนกลุ่มนี้มักจะใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างแข็งขัน ซึ่งพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมกับผู้อื่นได้ สร้างเนื้อหาที่มีชีวิตชีวาและโต้ตอบได้ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการแบ่งปันและการมีส่วนร่วม ใช้โพล วิดีโอสด และเซสชันถาม-ตอบเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในชุมชนและทำให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม
ตัวอย่าง : GoPro ใช้กลยุทธ์การตลาดที่เน้นการสร้างเนื้อหาจากผู้ใช้ (User-Generated Content) โดยเชิญชวนผู้ใช้งานส่งวิดีโอที่แสดงถึงประสบการณ์การผจญภัยของตนเอง แคมเปญนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน แต่ยังช่วยให้แบรนด์สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า
4. สร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตต้องการการกระตุ้นและการมีส่วนร่วม ดังนั้นแบรนด์ควรพัฒนาประสบการณ์การตลาดที่ให้พวกเขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เช่น ใช้เนื้อหาแบบโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ โพล และการแข่งขัน นำประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) หรือความจริงเสมือน (VR) มาใช้ให้เป็นประโยชน์ จัดงานแบบสด อาทิ เว็บสัมมนา (Webinar) หรือเซสชันถาม-ตอบ สนับสนุนเนื้อหาและการแข่งขันที่สร้างโดยผู้ใช้ หรือ UGC (User Generate Content)
ตัวอย่าง : IKEA ใช้เทคโนโลยี Augmented Reality ในการสร้างแคตาล็อกที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นภาพเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ของตนเองได้จริง การสร้างประสบการณ์นี้ทำให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ในสภาพแวดล้อมจริง ซึ่งเหมาะกับชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตที่ชอบการมีปฏิสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์และการแชร์ประสบการณ์กับผู้อื่น
5. ใช้การออกแบบที่กล้าหาญและมีพลัง
ชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะถูกดึงดูดด้วยภาพที่สดใสและมีพลัง ดังนั้นให้นำ insight นี้ไปใช้กับการออกแบบการตลาดของคุณ เช่น เลือกใช้สีสันสดใสและโดดเด่นในการสร้างแบรนด์และโฆษณาของคุณ นำกราฟิกที่ไดนามิกและสะดุดตามาใช้ รวมถึงการเคลื่อนไหวและแอนิเมชั่น ตลอดจนเลือกแบบอักษรและเค้าโครงที่สื่อถึงพลังและความตื่นเต้น
ตัวอย่าง : Apple ใช้การออกแบบที่โดดเด่นและมีพลังในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมีการสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยพลังงาน ซึ่งดึงดูดชาวเอ็กซ์โทรเวิร์ตที่ชอบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มีชีวิตชีวา การใช้การออกแบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในผลิตภัณฑ์และการนำเสนอช่วยสร้างความสนใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากผู้เข้าชม
