10 คำศัพท์สำหรับการทำ Google Ads ที่นักยิงแอดต้องรู้

vocabulary-google-ads

สำหรับมือใหม่ที่เริ่มสนใจหรือเริ่มศึกษาในการทำการตลาดฝั่งของ Google ก็คงเจอปัญหาเดียวกัน นั้นก็คือคำศัพท์เฉพาะต่างๆ ซึ่งวันนี้ทาง Talka เรามีลิส 10 คำศัพท์ในการทำ Google Ads ควรรู้ มีคำอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันเลยค่ะ

1. AdRank

AdRank ของคุณเป็นตัวกำหนดตำแหน่งโฆษณาของคุณ ยิ่งตำแหน่งสูงยิ่งมีมูลค่าสูง คุณก็สามารถเพิ่มการเข้าถึงที่มากขึ้น และโอกาสที่ผู้ใช้จะคลิกโฆษณาของคุณก็จะสูงขึ้น ซึ่งอันดับโฆษณาของคุณกำหนดโดย การเสนอราคาสูงสุดคูณด้วย Quality Score ของคุณ

2. Bidding

Google Ads อิงตามระบบการเสนอราคา (Bidding) ซึ่งคุณในฐานะผู้ลงโฆษณาก็จะทำการเลือกเสนอราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่าย ต่อการคลิกโฆษณาของคุณในหนึ่งครั้ง ยิ่งคุณเสนอราคาสูง ตำแหน่งของคุณก็จะยิ่งดีขึ้น คุณสามารถเลือกเสนอราคาได้ทั้งสามอย่าง CPC, CPM หรือ CPE

  • CPC หรือต้นทุนต่อคลิกคือ จำนวนเงินที่คุณจ่ายสำหรับการคลิกแต่ละครั้งบนโฆษณาของคุณ
  • CPM หรือราคาต่อหนึ่งพันครั้งคือ จำนวนเงินที่คุณจ่ายสำหรับการแสดงโฆษณาหนึ่งพันครั้ง นั่นคือเวลาที่โฆษณาของคุณแสดงต่อผู้คนหนึ่งพันคน
  • CPE หรือต้นทุนต่อการมีส่วนร่วมคือ จำนวนเงินที่คุณจ่ายเมื่อมีผู้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้ากับโฆษณาของคุณ

3. Campaign Type

ก่อนที่คุณจะเริ่มแคมเปญที่เสียค่าใช้จ่ายใน Google Ads คุณจะต้องเลือกประเภทแคมเปญหนึ่งในสามประเภท ได้แก่ Search ads, Display ads, Video ads

  • Search ads คือโฆษณาแบบข้อความที่แสดงระหว่างผลการค้นหาในหน้าการค้นหาของ Google
  • Display ads มักจะเป็นแบบรูปภาพและแสดงบนหน้าเว็บภายในเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google
  • Video ads โฆษณาวิดีโอมีความยาวระหว่าง 6 ถึง 15 วินาทีและปรากฏบน YouTube

4. Click-Through Rate (CTR)

CTR คือ จำนวนคลิกที่คุณได้รับจากโฆษณาของคุณตามสัดส่วนของจำนวนการดูโฆษณา CTR ที่สูงขึ้นหมายถึงโฆษณาที่มีคุณภาพซึ่งตรงกับความตั้งใจในการค้นหา และกำหนดเป้าหมายคำหลักที่เกี่ยวข้อง

5. Conversion Rate (CVR)

CVR คือ การวัดการส่งแบบฟอร์มตามสัดส่วนของการเข้าชมหน้า Landing Page ของคุณทั้งหมด CVR ที่สูงหมายความว่าหน้า Landing Page ของคุณนำเสนอประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นซึ่งตรงกับคำสัญญาของโฆษณา

6. Display Network

โฆษณา Google สามารถแสดงบนหน้าผลการค้นหา หรือหน้าเว็บภายในเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google (GDN) ซึ่ง GDN คือเครือข่ายของเว็บไซต์ที่อนุญาตให้มีที่ว่างบนหน้าเว็บสำหรับ Google Ads และโฆษณาเหล่านี้อาจเป็นโฆษณาแบบข้อความหรือแบบรูปภาพ และแสดงควบคู่ไปกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำหลักเป้าหมายของคุณ ตัวเลือกโฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Google Shopping และ App Campaign

7. Extensions

ส่วนขยายโฆษณา (Ad Extensions) ทำให้คุณสามารถเสริมโฆษณาของคุณด้วยข้อมูลเพิ่มเติมโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งส่วนขยายเหล่านี้จัดอยู่ในหนึ่งในห้าหมวดหมู่เช่น Sitelink, Call, Location, Offer, แอปพลิเคชัน

8. Keywords

เมื่อผู้ใช้ Google พิมพ์ข้อความค้นหาลงในช่องค้นหา Google จะแสดงผลช่วงของผลลัพธ์ที่ตรงกับเจตนาของผู้ค้นหา ซึ่งคำหลัก (Keywords) คือคำหรือวลีที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการและจะตอบสนองการค้นหาของพวกเขา คุณเลือกคำหลักตามข้อความค้นหาที่คุณต้องการแสดงโฆษณาควบคู่ไป ตัวอย่างเช่น คำค้นหาที่พิมพ์ “วิธีทำความสะอาดเหงือกจากรองเท้า” จะเห็นผลลัพธ์สำหรับผู้ลงโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายคำหลักเช่น “หมากฝรั่งบนรองเท้า” และ “รองเท้าสะอาด”

Negative Keywords คือรายการคำหลักที่คุณไม่ต้องการจัดอันดับ Google จะดึงคุณออกจากการเสนอราคาสำหรับคำหลักเหล่านี้ โดยทั่วไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับข้อความค้นหาที่คุณตั้งใจไว้ แต่อยู่นอกขอบเขตของสิ่งที่คุณเสนอหรือต้องการจัดอันดับ

9. PPC

Pay-per-click หรือ PPC เป็นประเภทของโฆษณาที่ผู้โฆษณาจ่ายต่อการคลิกหนึ่งครั้งบนโฆษณา ซึ่ง PPC ไม่ได้เจาะจงสำหรับ Google Ads แต่เป็นแคมเปญแบบชำระเงินทั่วไป สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจข้อมูลอย่างละเอียดของ PPC ก่อนเปิดตัวแคมเปญ Google Ads แรกของคุณ

10. Quality Score (QS)

Quality Score วัดคุณภาพของโฆษณาตามอัตราการคลิกซึ่งเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่คุณเลือก คุณภาพของหน้า Landing Page ที่เชื่อมไป และประสิทธิภาพที่ผ่านมาของคุณใน SERP ซึ่ง Quality Score จะเป็นปัจจัยที่กำหนดอันดับโฆษณาของคุณ

แหล่งอ้างอิง

https://support.google.com

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *