Digital Wallet คืออะไร?
- QR Code : รหัสตอบสนองด่วนคือบาร์โค้ดเมทริกซ์ที่จัดเก็บข้อมูล คุณใช้กล้องของอุปกรณ์และระบบสแกนของกระเป๋าสตางค์เพื่อเริ่มการชำระเงิน
- NFC (การสื่อสารแบบระยะใกล้) : NFC เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สมาร์ทดีไวซ์สองเครื่องเชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูลโดยใช้สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้สองอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้กันจึงจะเชื่อมต่อได้
- การส่งสัญญาณแม่เหล็กที่ปลอดภัย (MST) : เทคโนโลยีนี้ใช้สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ Samsung เป็นหลัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่เครื่องอ่านบัตรแม่เหล็กใช้อ่านบัตรของคุณเมื่อคุณรูดบัตรผ่านช่องที่จุดขาย โทรศัพท์ของคุณจะสร้างฟิลด์เข้ารหัสนี้ที่จุดขายสามารถอ่านได้ Samsung ได้ยกเลิกคุณสมบัติ MST สำหรับโทรศัพท์ Samsung ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป เพื่อมุ่งเน้นไปที่ NFC ซึ่งแพร่หลายมากขึ้น
ข้อมูลบัตรที่คุณเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์และเลือกใช้ในการทำธุรกรรมจะถูกส่งจากอุปกรณ์ของคุณไปยังเครื่องปลายทางที่เชื่อมต่อกับตัวประมวลผลการชำระเงิน จากนั้น การชำระเงินจะถูกส่งผ่านเครือข่ายบัตรเครดิตและธนาคารเพื่อทำการชำระเงินผ่านตัวประมวลผล เกตเวย์ ผู้รับบัตร หรือบุคคลที่สามอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมบัตรเครดิตและบัตรเดบิตนั่นเอง
Digital Wallet มีกี่ประเภท
1. กระเป๋าเงินแบบปิด (Closed Wallets)
2. กระเป๋าเงินแบบกึ่งปิด (Semi-Closed Wallets)
3. กระเป๋าสตางค์แบบเปิด (Open Wallets)
4. กระเป๋าสตางค์คริปโต (Crypto Wallets)
5. กระเป๋าสตางค์มือถือ (Mobile Wallets)
6. กระเป๋าเงินออนไลน์ (Online Wallets)
7. กระเป๋าเงินแบบเติมเงิน (Prepaid Wallets)
8. กระเป๋าสตางค์หลายสกุลเงิน (Multi-Currency Wallets)
9. กระเป๋าสตางค์แบบกระจายอำนาจ (Decentralized Wallets)
Digital Wallet ต่างจาก E-Wallet อย่างไร?
กระเป๋าเงินดิจิทัลและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นคำศัพท์ที่มักใช้แทนกันในการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม คุณทราบมั้ยครับว่ามีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทั้งสอง ซึ่งอาจส่งผลต่อวิธีการที่ผู้บริโภคและธุรกิจใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ในส่วนนี้เราจะสำรวจคำจำกัดความ ฟังก์ชันการทำงาน และความแตกต่างที่สำคัญระหว่างกระเป๋าเงินดิจิทัลและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เข้าใจแต่ละอย่างอย่างครอบคลุม
- Digital Wallet
กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นคำศัพท์กว้างๆ ที่ครอบคลุมถึงรูปแบบต่างๆ ของการจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับวิธีการชำระเงิน เอกสารระบุตัวตน บัตรสะสมคะแนน และอื่นๆ กระเป๋าเงินดิจิทัลสามารถจัดเก็บข้อมูลหลายประเภทและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ ทำให้เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับการจัดการการเงินส่วนบุคคล
คุณสมบัติหลักของ ดิจิทัล วอลเล็ต
- การทำงานหลากหลาย : กระเป๋าเงินดิจิทัลสามารถจัดเก็บไม่เพียงแค่ข้อมูลการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตั๋ว คูปอง และเอกสารระบุตัวตนด้วย
- ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ : สามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป และเดสก์ท็อป
- วิธีการชำระเงิน : กระเป๋าเงินดิจิทัลรองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิต/เดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร และแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล
- คุณสมบัติด้านความปลอดภัย : มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัส การตรวจสอบสองขั้นตอน และการตรวจสอบทางชีวภาพ มักถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้
- การบูรณาการกับบริการอื่นๆ : กระเป๋าเงินดิจิทัลจำนวนมากบูรณาการกับบริการทางการเงินอื่นๆ เช่น เครื่องมือจัดทำงบประมาณหรือแพลตฟอร์มการลงทุน
- E-Wallet
ย่อมาจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่เน้นการจัดเก็บข้อมูลการชำระเงินเป็นหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมออนไลน์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลทางการเงินทุกครั้ง
คุณสมบัติหลักของ E-Wallet
- การจัดเก็บข้อมูลการชำระเงิน : กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จะจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลบัตรเดบิต และข้อมูลบัญชีธนาคารอย่างปลอดภัย เพื่อให้เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วในระหว่างการทำธุรกรรม
- ธุรกรรมออนไลน์เป็นหลัก : แม้ว่ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บางครั้งอาจใช้ในร้านค้าจริงได้ (โดยเฉพาะร้านค้าที่เชื่อมโยงกับแอปมือถือ) แต่กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการช้อปปิ้งและชำระเงินออนไลน์ เงินที่โหลดไว้ล่วงหน้า: กระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากช่วยให้ผู้ใช้สามารถโหลดเงินเข้าในบัญชีของตนได้เพื่อจัดการการใช้จ่ายที่ง่ายขึ้น
- การโอนเงินแบบเพียร์ทูเพียร์ : ผู้ใช้สามารถส่งเงินให้เพื่อนหรือครอบครัวได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์
- การเข้าถึงข้ามแพลตฟอร์ม : โดยทั่วไปสามารถเข้าถึงกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ได้จากหลายอุปกรณ์ตราบใดที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ประโยชน์ของ Digital Wallet
1. ความสะดวกและการเข้าถึง
- การทำธุรกรรมอย่างรวดเร็ว : กระเป๋าเงินดิจิทัลช่วยปรับปรุงกระบวนการชำระเงิน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้นได้ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้งบนสมาร์ทโฟน ประสิทธิภาพนี้ช่วยลดเวลาการรอคอยที่เคาน์เตอร์ชำระเงินและช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งโดยรวม
- ลดความยุ่งวุ่นวาย : ด้วยการรวมบัตรและวิธีการชำระเงินหลายรายการไว้ในแอปพลิเคชันเดียว กระเป๋าเงินดิจิทัลจึงไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงและเงินสด ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตของผู้ใช้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียสิ่งของสำคัญอีกด้วย
2. คุณสมบัติความปลอดภัยขั้นสูง
- การเข้ารหัส : กระเป๋าเงินดิจิทัลใช้เทคนิคการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้จากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การพิสูจน์ตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ : กระเป๋าเงินดิจิทัลจำนวนมากรวมคุณสมบัติทางชีวภาพ เช่น การสแกนลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบัญชีของตนได้
- การสร้างโทเค็น : แทนที่จะส่งหมายเลขบัตรเครดิตจริงระหว่างทำธุรกรรม กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลมักใช้การสร้างโทเค็นเพื่อแทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยโทเค็นที่สร้างแบบสุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยในการป้องกันการฉ้อโกง
3. การติดตามค่าใช้จ่ายที่ได้รับการปรับปรุง
- ประวัติการทำธุรกรรม : ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบันทึกรายละเอียดการทำธุรกรรมได้อย่างง่ายดายภายในแอป ซึ่งช่วยให้ติดตามค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาต่างๆ ได้
- เครื่องมือจัดทำงบประมาณ : กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลจำนวนมากมีคุณลักษณะจัดทำงบประมาณที่ช่วยให้ผู้ใช้กำหนดวงเงินการใช้จ่ายสำหรับหมวดหมู่เฉพาะได้ ฟังก์ชันนี้ช่วยให้บุคคลต่างๆ จัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว
4. การบูรณาการกับโปรแกรมสะสมคะแนน
- การติดตามรางวัลอัตโนมัติ : ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงบัตรสะสมคะแนนกับกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลของตนได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับคะแนนหรือรางวัลโดยอัตโนมัติจากการซื้อแต่ละครั้ง
- ข้อเสนอพิเศษ : ผู้ให้บริการกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลบางรายเสนอโปรโมชั่นหรือส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ใช้ที่ชำระเงินด้วยกระเป๋าสตางค์ เพื่อส่งเสริมความภักดีของลูกค้าและปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้ง
5. การทำธุรกรรมแบบเพียร์ทูเพียร์
- การโอนเงินทันที : ผู้ใช้สามารถส่งเงินให้เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือเช็ค คุณสมบัตินี้มีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการแยกบิลหรือชำระคืนเงินกู้
- การเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ทุกคน : ใครก็ตามที่มีบัญชีกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลสามารถเริ่มทำธุรกรรมแบบ P2P ได้ ทำให้บุคคลที่ไม่มีบริการธนาคารแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างง่ายดาย
6. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การลดขยะกระดาษ : กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลช่วยลดการใช้กระดาษได้ด้วยการขจัดความจำเป็นในการใช้ใบเสร็จ เช็ค และใบแจ้งยอดแบบพิมพ์
- ลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ : เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากหันมาทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและขนส่งสกุลเงินแบบพิมพ์จึงลดลง
7. ประสิทธิภาพด้านต้นทุนสำหรับธุรกิจ
- ค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำกว่า : ผู้ให้บริการกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลมักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผู้ประมวลผลบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม ทำให้ธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนได้
- เพิ่มโอกาสในการขาย : ความสะดวกสบายของการชำระเงินผ่านกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลสามารถนำไปสู่อัตราการแปลงที่สูงขึ้นในสภาพแวดล้อมการช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากลูกค้ามีโอกาสละทิ้งตะกร้าสินค้าน้อยลงเนื่องจากกระบวนการชำระเงินที่ยุ่งยาก
8. การเข้าถึงทั่วโลกและความยืดหยุ่นของสกุลเงิน
- ธุรกรรมข้ามพรมแดน : ผู้ใช้สามารถชำระเงินระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหรือการพกเงินสด
- รองรับหลายสกุลเงิน : กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลจำนวนมากช่วยให้ผู้ใช้สามารถถือสกุลเงินหลายสกุลภายในบัญชีเดียวกัน อำนวยความสะดวกในการเดินทางและการค้าระหว่างประเทศ 10. แนวโน้มในอนาคตของกระเป๋าเงินดิจิทัล