ในโลกที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้พรหมแดน ทุกวันนี้แบรนด์ต่างๆ ล้วนต้องหาวิธีการใหม่ๆ ในการดึงดูดผู้บริโภคและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีกลยุทธ์การตลาดหนึ่งที่หลายแบรนด์นิยมใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ คือ การตลาดแบบแฟนด้อม ซึ่งเน้นไปที่การสร้างความพึงพอใจให้แฟน ๆ ของแบรนด์ เป็นแนวทางการตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้ที่หลงใหลและมีความรักอย่างเปี่ยมล้นให้กับ เซเลบ ดารา ศิลปิน หรือแม้แต่ตัวมาสคอตก็มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน
ด้อม คืออะไร?
ทำความเข้าใจ ด้อม คืออะไร?
ตัวอย่างคนดังกับกลุ่มแฟนด้อมในไทย
เมื่อพลังแห่ง ด้อม เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบรนด์ต่างๆ จะหันมาใช้ประโยชน์จากฐานแฟนคลับของเหล่าคนดังให้เป็นประโยชน์ในการสื่อสารการตลาดด้วยการร่วมงานกับเหล่าเซเลบคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ ดารา ศิลปิน ที่มีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ที่อยู่กันเป็นด้อมที่เหนียวแน่นหนึบ โดยใช้กิจกรรมต่างๆ ดึงดูดการมีส่วนร่วมและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับฐานแฟนคลับของแต่ละด้อม เพื่อขับเคลื่อนยอดขายสินค้าและบริการตลอดจนภาพลักษณ์ของแบรนด์
ซึ่งหลักการของการของตลาดแบบแฟนคลับ หรือแฟนด้อมนั้น ทำความเข้าใจได้ไม่ยากครับเพราะมันคือการเอาใจแฟนคลับเหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้นแบรนด์ที่เลือกใช้กลยุทธ์นี้ต้องมีความจริงใจกับผู้บริโภคและขยันสร้างคอนเทนต์ที่สามารถต่อยอดได้เรื่อย ๆ ซึ่งการที่แบรนด์แสดงถึงความเข้าใจผู้บริโภคเป็นอย่างดีที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้บรรดาแฟนๆ อยากเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์มากขึ้นนั่นเองต่อไปเรามาดูตัวอย่างของ เซเลบ ศิลปิน คนดัง ที่มีด้อม หรือกลุ่มแฟนด้อมเป็นของตัวเอง ตลอดจนความร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในฐานะ Presenter หรือ Brand Ambassador กันครับ
1. พี่จอง – คัลแลน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสความโด่งดังของ พี่จอง-คัลแลน 2 หนุ่มยูทูปเบอร์จากแดนกิมจินั้นมาแรงมาก ชนิดที่เรียกว่าเปิดโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มไหนเราก็มักจะเจอหนุ่มคัลแลนพาไปเที่ยวในที่ต่างๆ ทั่วไทย ทั้งภาคเหนือ กลาง ใต้ อีสาน ซึ่งแต่ละคลิปพี่จองมักจะชอบพูดคำว่า “ใจฟู” เวลาที่เห็นสถานที่สวยงามหรือตอนที่ได้กินของอร่อยๆ จนนำไปสู่การถือกำเนิดของ “ด้อมใจฟู” ในที่สุด ด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจแฟนคลับกับการพูดภาษาไทยเกือบทั้งคลิป รวมทั้งในรายของพี่จองที่มักจะพูดภาษาไทยผิด ๆ ถูก จึงสร้างความเอ็นดูให้กับแฟนๆ ได้ไม่น้อย โดยปัจจุบันยอดผู้ติดตามช่องยูปทูปของสองหนุ่มนั้นทะลุหนึ่งล้านซับไปแล้ว ซึ่งล่าสุด AIS ไม่รอช้าคว้าตัวทั้งคู่เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของ AIS5G เป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าน่าจะกวาดเอาด้อมใจฟูเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันได้ไม่น้อย
2. เป๊ก ผลิตโชค
3. Butterbeer (น้องหมีเนย)
น้องเนย มาสคอตหมีน้อยประจำร้าน Butterbear Cafe ได้สร้างปรากฏการณ์ห้างแตก (Emsphere) จากการที่ด้อมน้องเนยยืนรอต่อคิวเพื่อได้กระทบไหล่ถ่ายรูปคู่กันตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งแม้ว่าน้องหมีเนยจะไม่ใช่มนุษย์เหมือนกับเซเลบคนดังทั่วไป แต่เหล่าแฟนๆ ของน้อง หรือกลุ่ม “ด้อมน้องเนย” ไม่คิดเช่นนั้น เพราะสำหรับพวกเขาแล้วน้องหมีเนยคือน้องสาวที่รักไม่ว่าจะทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด แต่ก่อนที่จะโด่งดังได้อย่างทุกวันนี้ น้องหมีเนยเคยเป็นเพียงมาสคอตโนเนมที่ต้องเดินไปเดินมาหน้าร้านแบบเหงาๆ จนกระทั้งในช่วงวันเด็ก ทางร้านได้พาน้องเนยไปออกงาน
ข้อควรรู้ใช้กลยุทธ์แฟนด้อม
1. ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง
- การมีส่วนร่วมอย่างจริงใจ : แบรนด์ควรมุ่งเป้าไปที่การเชื่อมโยงอย่างแท้จริงกับแฟนคลับ แทนที่จะมองว่าเป็นเพียงช่องทางการตลาด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับคุณค่าของแบรนด์ให้สอดคล้องกับความสนใจและแรงบันดาลใจของแฟนๆ ส่งเสริมความรู้สึกของการสร้างสรรค์ร่วมกันและเป้าหมายร่วมกัน
- ความมุ่งมั่นระยะยาว : การสร้างความไว้วางใจทำให้แบรนด์ต้องมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรระยะยาวกับแฟนคลับ ซึ่งหมายความว่ามีความสม่ำเสมอในการสนับสนุนความคิดริเริ่มของแฟนๆ และตอบสนองความต้องการและแรงบันดาลใจของพวกเขา แทนที่จะดำเนินการตามกลยุทธ์การโปรโมตระยะสั้น
2. ควรส่งเสริมการไม่แบ่งแยก
- การไม่แบ่งแยก : แฟนด้อมเติบโตด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของ แบรนด์ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรซึ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากสมาชิกทุกคน รวมถึงผู้ที่อาจรู้สึกว่าถูกกีดกันภายในกลุ่มแฟนคลับ
- โอกาสในการเสริมพลัง : การจัดหาช่องทางให้แฟนๆ ได้มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์และร่วมมือกันสามารถเพิ่มความภักดีของพวกเขาได้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเชิญแฟนๆ ให้เข้าร่วมในการอภิปรายหรือความคิดริเริ่มเกี่ยวกับแบรนด์ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางของแบรนด์
3. เข้าใจผลกระทบทางเศรษฐกิจ
- ตระหนักถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจ : อำนาจทางเศรษฐกิจของแฟนคลับ เช่น กลุ่มแฟนคลับ K-pop ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญ แบรนด์ควรตระหนักถึงผลกระทบทางการเงินจากการมีส่วนร่วมกับชุมชนเหล่านี้ เนื่องจากแฟนๆ มักจะเต็มใจที่จะลงทุนจำนวนมากในแบรนด์ที่สนับสนุนความสนใจของพวกเขา
- หลีกเลี่ยงการแสวงหาผลประโยชน์ : แบรนด์ต้องระมัดระวังไม่แสวงหาผลประโยชน์จากแฟนคลับเพื่อหากำไรโดยไม่ได้ให้คุณค่าเป็นการตอบแทน หรือทำในสื่งที่เรียกว่า Hard sale จนเกินงาม เพราะสิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์ ทางที่ดีแบรนด์ควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของแฟนๆ
ด้วยการปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ จะสามารถมีส่วนร่วมกับแฟนๆ ในเอเชียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีความหมายซึ่งสอดคล้องกับตัวตนและแรงบันดาลใจของแฟนๆ