Crossselling vs. Up Selling คืออะไร?
โลกของการขายมีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งหมายความว่าหากคุณมีสินค้าหรือบริการที่ต้องการขายคุณต้องลงมือส่งเสริมการขายในเชิงรุก ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องรู้วิธีที่เหมาะสมในการขายและโปรโมตสิ่งที่คุณจะนำเสนอ ซึ่งบางธุรกิจเลือกใช้กลยุทธ์การขายต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จในขณะที่บางธุรกิจใช้กลยุทธ์การขายต่อยอดและบางธุรกิจอาจเลือกที่จะใช้ทั้งสองอย่างเพื่อความสำเร็จสูงสุด
การขายต่อเนื่องและการขายต่อยอดเป็นเทคนิคการขายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มรายได้และความภักดีของลูกค้าที่มีอยู่ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมหรือเสริม การขายต่อเนื่องคือการที่คุณขายผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นที่เสริมการซื้อเดิม เช่น อุปกรณ์เสริม ส่วนเสริม หรือการอัปเกรด การขายต่อยอดคือการที่คุณโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการรุ่นเดียวกันที่มีราคาแพงกว่าหรือพรีเมียม เช่น แผนบริการที่สูงขึ้น สัญญาที่ยาวขึ้น หรือการรับประกันที่ดีกว่า
ในแง่ของการตลาด การขายต่อเนื่องและการขายต่อยอด นั้นถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีในการกระตุ้นยอดขายซึ่งโดยทั่วไปมักจะถูกใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า การใช้กลยุทธ์ทั้งสองแบบผสมผสานกันจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้
Cross-Selling คืออะไร?
Cross Selling หรือ การขายต่อเนื่อง คือการขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลัก เช่น หากลูกค้ากำลังซื้อแล็ปท็อป การใช้กลยุทธ์การขายแบบต่อเนื่องอาจเกี่ยวข้องกับการแนะนำอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น กระเป๋าแล็ปท็อป เมาส์ หรือแท่นวางแล็ปท็อป มันคือการที่พนักงานขายโน้มน้าวใจลูกค้าซึ่งลูกค้าอาจไม่ได้ตั้งใจที่จะซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมแต่พนักงานขายมีความน่าเชื่อถือมากจนลูกค้าไม่สามารถต้านทานได้ ซึ่งคุณสามารถใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อเพิ่มจำนวนสินค้าที่ลูกค้าซื้อจากคุณได้เช่นกัน หากคุณเสนอผลิตภัณฑ์หลายรายการ คุณต้องใช้การขายต่อเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้ของคุณเป็นสองเท่าหรือสามเท่าในธุรกรรมเดียว ลองคิดดูว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นได้เร็วเพียงใดหากคุณสามารถรวมการขายต่อเนื่องเข้ากับธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณได้สำเร็จ
การขายต่อเนื่องเกิดขึ้นเป็นประจำและใกล้ตัวกว่าที่คิด หลายคนไม่รู้ว่ามีคำที่เป็นทางการในการอธิบายในการกระทำนี้ อีกตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่งของการขายต่อเนื่องคือ หากคุณไปร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่คุณชื่นชอบ และคุณสั่งชีสเบอร์เกอร์ และพนักงานถามคุณว่าคุณต้องการมันฝรั่งทอดพร้อมเบอร์เกอร์ด้วยเลยหรือไม่ หรืออีกตัวอย่างหนึ่งของการขายต่อเนื่องคือ หากลูกค้าไปที่คลินิกเพื่อฝังเข็มที่หลัง และนักฝังเข็มถามลูกค้าว่าต้องการนวดหลังด้วยหรือไม่ เป็นต้น
สรุป : การขายต่อเนื่องเป็นเทคนิคการขายที่ลูกค้าได้รับการสนับสนุนให้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกันเพื่อเสริมสิ่งที่พวกเขากำลังพิจารณาอยู่แล้ว เป้าหมายคือเพื่อให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้นหรือปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมของพวกเขา ตัวอย่างเช่น หากลูกค้ากำลังซื้อแล็ปท็อป การใช้กลยุทธ์การขายแบบต่อเนื่องอาจเกี่ยวข้องกับการแนะนำอุปกรณ์เสริม เช่น กระเป๋าแล็ปท็อป เมาส์ หรือแท่นวางแล็ปท็อป เป็นต้น
Upselling คืออะไร?
ในทางตรงกันข้ามการขายต่อยอด คือการที่ธุรกิจพยายามกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเวอร์ชันที่ดีขึ้นของสิ่งที่พวกเขาตั้งใจจะซื้ออยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ขายเป้สะพายหลังอาจแนะนำให้ลูกค้าที่กำลังจะซื้อกระเป๋าเป้ใบเล็กให้ซื้อใบที่ขนาดใหญ่ขึ้นแทนเนื่องจากมีประโยชน์หลายประการ ในทำนองว่า “ซื้อแล้วคุ้มกว่า” การขายต่อยอดมีประโยชน์มากมายเมื่อเทียบกับการตลาดรูปแบบอื่นๆ มันง่ายกว่าและถูกกว่ามากในการรักษาลูกค้าที่คุณมีอยู่แล้วแทนที่จะต้องจ่ายเงินเพื่อการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ถึงแม้แนวคิดสำคัญด้านการตลาด คือ การรักษาลูกค้าปัจจุบันและดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่สำหรับธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นนั้นอาจเป็นเรื่องยากเนื่องจากเงินทุนจำกัด อย่างไรก็ตาม การขายต่อยอดสามารถช่วยรักษาธุรกิจใหม่ๆ ให้ดำเนินต่อไปได้ในขณะที่พวกเขาทำงานอยากหนักเพื่อสร้างรายได้และฐานลูกค้าใหม่ๆ
ปัจจุบันการขายต่อยอด ถือเป็นกลยุทธ์การขายยอดนิยมที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจจำนวนมาก อีกตัวอย่างหนึ่งของการขายต่อยอด คือ ถ้าคุณไปที่ร้านโทรศัพท์มือถือเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นพื้นฐานและพนักงานขายแนะนำถึงประโยชน์ของการซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นที่สูงขึ้นแทน หรือ ถ้าคุณไปร้านทำเล็บเพื่อทำเล็บในราคาที่ถูกที่สุด แต่ช่างพูดถึงประโยชน์ของการเลือกทำเล็บแบบพรีเมียมแทน แน่นอนว่าสิ่งนี้จะดึงดูดลูกค้าที่แสดงความสนใจในการทำเล็บได้ การเสนอบริการทำเล็บระดับพรีเมียมในราคาที่สูงกว่าเป็นวิธีการที่แยบยลในการเพิ่มรายได้ของธุรกิจ เพราะในหลายๆ กรณี หากลูกค้าร้องขอบริการอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะตอบสนองในเชิงบวกต่อการขายที่ดูเหมือนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น
สรุป : การขายต่อยอดเกี่ยวข้องกับการโน้มน้าวใจลูกค้าให้อัพเกรดหรือซื้อสินค้าหรือบริการที่ราคาสูงกว่าสิ่งที่พวกเขาสนใจ โดยใช้การโน้มน้าวใจลูกค้าว่าตัวเลือกระดับพรีเมียมนั้นให้คุณค่าที่มากกว่า ด้วยคุณสมบัติ หรือประโยชน์ที่มากกว่า ในทำนอง “ซื้อแล้วคุ้มกว่า” ตัวอย่างเช่น หากลูกค้ากำลังมองหาสมาร์ทโฟน วิธีการขายต่อยอดอาจเป็นการนำเสนอสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีคุณสมบัติดีกว่าใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าที่ลูกค่าต้องจ่ายแพงขึ้นเพียงเล็กน้อย เป็นต้น