เข้าใจ Shoppertainment เทรนด์การช้อปปิ้งยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความบันเทิง

Shoppertainment

วันนี้ Talka จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Shoppertainment หรือ การผสานรวมระหว่างการช้อปปิ้งและความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน 

Shoppertainment คืออะไร?

Shoppertainment คืออะไร

ทำความเข้าใจ Shoppertainment คืออะไร?

Shoppertainment คือ กลยุทธ์การตลาดที่ผสมผสานการช้อปปิ้งเข้ากับความบันเทิง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจ และน่าจดจำให้กับผู้บริโภค แนวคิดนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากผู้ค้าปลีกพยายามสร้างความแตกต่างให้กับตัวเองในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของอีคอมเมิร์ซและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปคำว่าช้อปเปอร์เทนเมนท์ เป็นคำผสมระหว่าง “Shopping” และ “Entertainment” ซึ่ง หมายถึงวิธีการต่างๆ ที่ผู้ค้าปลีกใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งโดยผสานรวมองค์ประกอบความบันเทิง แนวทางนี้มุ่งหวังที่จะดึงดูดลูกค้า ทำให้การช้อปปิ้งไม่ใช่เพียงกิจกรรมการทำธุรกรรมเท่านั้นแต่ยังเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานที่กระตุ้นให้เข้าชมนานขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้นนั่นเอง

ช้อปแบบไหนที่เรียกว่า Shoppertainment

แบบบไหนที่เรียกว่า Shoppertainment
อย่างที่กล่าวไปว่า ช้อปเปอร์เทนเมนท์ เป็นแนวคิดที่รวมเอาการช้อปปิ้งและความบันเทิงเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค ปัจจุบันเทรนด์นี้มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในสภาพแวดล้อมการค้าปลีกทั้งทางกายภาพและออนไลน์ เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ กำลังพยายามดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้ง อย่างไรก็ตามเรามาว่าประสบการณ์การช้อปแบบไหนที่เรียกว่าเป็นช้อปเปอร์เทนเมนท์ครับ
 

1. การนำเสนอแบบโต้ตอบได้

การนำเสนอแบบโต้ตอบได้ คือ การผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้ากับการค้าปลีกเพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าดึงดูดและสมจริงด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AR และ VR รวมถึงอินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัส ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงการโต้ตอบของลูกค้ากับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ เช่น การสวมผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเห็นว่าเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับดูเป็นอย่างไรโดยไม่ต้องลองสวมจริง หรือ แอปพลิเคชัน AR ที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นว่าเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งจะเข้ากับบ้านของพวกเขาอย่างไร ซึ่งช่วยเพิ่มการตัดสินใจและการมีส่วนร่วมได้ เป็นต้น

 

2. การช้อปปิ้งแบบสตรีมสด 

การช้อปปิ้งแบบสตรีมสดเป็นอีกหนึ่งลักษณะที่สำคัญของช้อปเปอร์เทนเมนท์ที่ผสานความบันเทิงเข้ากับ E-Commerce ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าสนใจและโต้ตอบได้ เป็นแนวทางที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเดิมๆ ให้มีชีวิตชีวาและมีส่วนร่วมได้มากขึ้น เช่น การโต้ตอบแบบเรียลไทม์โดยอินฟลูเอนเซอร์ หรือตัวแทนของแบรนด์ที่คอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ ตอบข้อซักถาม ตลอดจนนำเสนอโปรโมชันพิเศษเฉพาะระหว่างการไลฟ์สด ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างความรู้สึกเร่งด่วน กระตุ้นให้เกิดการซื้อทันทีเนื่องจากผู้ชมสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ได้โดยตรง  ยกตัวอย่างเช่น Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีฟังก์ชันการถ่ายทอดสดที่เรียกว่า Shopee Live ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ขายสามารถถ่ายทอดสดการสาธิตสินค้าและโต้ตอบกับผู้ซื้อที่มีศักยภาพได้ ในระหว่างเซสชันเหล่านี้

 
ผู้ชมสามารถถามคำถามและซื้อสินค้าได้โดยตรงผ่านแอป Shopee Live เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การขาย “Shopee 11.11” ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ดึงดูดผู้ชมจำนวนมากด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ เรียกได้ว่าการสตรีมสดและการช้อปปิ้งสด กำลังปฏิวัติวิธีที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ด้วยการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบโต้ตอบและสนุกสนานที่ผสมผสานการค้าขายเข้ากับความบันเทิงได้อย่างลงตัว ซึ่งแนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นยอดขายโดยส่งเสริมความรู้สึกเร่งด่วนและความเป็นคอมมูนิตี้ในหมู่ผู้ชม 
 

3. กิจกรรมภายในร้านค้า

กิจกรรมต่างๆ ที่จัดภายในร้านค้า คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ส่งเสริมความตื่นเต้นและการมีส่วนร่วม ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่ดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นให้พวกเขาใช้เวลาและเงินมากขึ้นในร้าน กิจกรรมในร้าน เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เวิร์กช็อป และการพบปะสังสรรค์กับผู้มีชื่อเสียงหรือการจัดสภาพแวดล้อมตามธีม ล้วนแล้วแต่ออกแบบมาเพื่อสร้างความตื่นเต้นและความน่าสนใจให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ กิจกรรมเหล่านี้มอบโอกาสพิเศษให้แก่ลูกค้าในการโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและเชื่อมต่อกับบุคคลที่มีแนวคิดเหมือนกัน กิจกรรมในร้าน เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการขายปลีกที่น่าดึงดูดซึ่งสะท้อนถึงความปรารถนาของผู้บริโภคยุคใหม่ที่จะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

 
การผสมผสานเทคโนโลยี ความบันเทิง การศึกษา และการปรับแต่งส่วนบุคคลเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถสร้างความแตกต่างให้กับตนเองในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความภักดีของลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้ ในขณะที่ภูมิทัศน์การขายปลีกยังคงพัฒนาต่อไป การนำกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เหล่านี้มาใช้จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ
 

4. การใช้องค์ประกอบแบบ Gamification

การใช้องค์ประกอบแบบเกม หรือ Gamification รวมเข้ากับการช้อปปิ้ง หมายถึง การผสานรวมคุณลักษณะที่คล้ายเกมเข้ากับประสบการณ์การช้อปปิ้งเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม ความสนุกสนาน และความภักดีของลูกค้า ด้วยการผสานรวมองค์ประกอบที่สร้างสภาพแวดล้อมของการแข่งขันของผู้บริโภคเข้ากับความต้องการรางวัลซึ่งสามารถเปลี่ยนการช้อปปิ้งแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นเสมือนการผจญภัยที่โต้ตอบได้ ยกตัวอย่างเช่นการใช้ระบบคะแนนและรางวัล โดย ลูกค้าจะได้รับคะแนนจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การซื้อสินค้า การแชร์บนโซเชียลมีเดียหรือการเข้าร่วมอีเวนต์ คะแนนเหล่านี้สามารถแลกเป็นส่วนลดหรือผลิตภัณฑ์พิเศษ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ลูกค้ากลับมาเยี่ยมชมและซื้อซ้ำได้ หรือ โปรโมชั่นหมุนวงล้อเพื่อลุ้นรับรางวัลที่ลูกค้าสามารถหมุนวง ล้อดิจิทัลเพื่อลุ้นรับส่วนลดหรือรางวัลต่างๆ ได้

 
ซึ่งช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและความไม่แน่นอนให้กับประสบการณ์การช้อปปิ้ง Gamification เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในด้านการช้อปปิ้งที่ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งเท่านั้น แต่ยังช่วยขับเคลื่อนความภักดีและการมีส่วนร่วมของลูกค้าอีกด้วย ผู้ค้าปลีกสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานและโต้ตอบได้ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคทั้งในด้านความบันเทิงและรางวัล ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการเชื่อมโยงแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น
 

5. วิดีโอที่ซื้อได้

วิดีโอที่ซื้อได้ หรือ Shoppable Video เป็นรูปแบบใหม่ของเนื้อหาแบบโต้ตอบ ที่ผสานรวมฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซเข้ากับประสบการณ์วิดีโอโดยตรง ทำให้ผู้ชมสามารถรับชมวิดีโอได้พร้อมกับมีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในเนื้อหาของวิดีโอและทำการซื้อโดยไม่ต้องออกจากอินเทอร์เฟซวิดีโอ แนวคิดนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญขอช้อปเปอร์เทนเมนท์เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่น่าดึงดูดและดื่มด่ำยิ่งขึ้น เช่น การฝังปุ่ม “ซื้อเลย” หรือ “เพิ่มลงในตะกร้า” ลงในวิดีโอโดยตรง เมื่อผู้ชมรับชมวิดีโอพวกเขาจึงสามารถโต้ตอบกับปุ่มเหล่านี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และซื้อสินค้าได้แบบเรียลไทม์

ประโยชน์ของ Shoppertainment

ประโยชน์ของ Shoppertainment
ช้อปเปอร์เทนเมนท์ กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของอีคอมเมิร์ซ แนวทางที่สร้างสรรค์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างความภักดีต่อแบรนด์อีกด้วย ด้านล่างนี้คือประโยชน์หลักที่ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยการนำช้อปเปอร์เทนเมนท์มาใช้ในกลยุทธ์ดิจิทัล
 

1. เพิ่มการมีส่วนร่วมและความภักดีของลูกค้า

ช้อปเปอร์เทนเมนท์สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนานและน่าจดจำ ซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้อย่างมาก ด้วยการผสานรวมองค์ประกอบที่สร้างความบันเทิง เช่น สตรีมสด วิดีโอแบบโต้ตอบ และประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเกมมิฟาย แบรนด์ต่างๆ จึงสามารถดึงดูดและรักษาความสนใจของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น วิดีโอแบบโต้ตอบที่ซื้อได้ช่วยให้ลูกค้าคลิกบนผลิตภัณฑ์ขณะรับชมเนื้อหา ทำให้กระบวนการช้อปปิ้งน่าสนใจและสนุกสนาน การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นนี้จะแปลเป็นความภักดีของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่พึงพอใจมีแนวโน้มที่จะกลับมาและแนะนำแบรนด์ให้กับผู้อื่น

 

2. ความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

ในตลาดออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง การสร้างความแตกต่างจึงมีความสำคัญช้อปเปอร์เทนเมนท์มอบวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำซึ่งอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมไม่มี เนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น การสาธิตผลิตภัณฑ์สดหรือการเล่าเรื่องสามารถสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สะท้อนถึงผู้บริโภคได้ ความแตกต่างนี้ไม่เพียงดึงดูดลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับลูกค้าที่มีอยู่ด้วย

 

3. ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์ที่ดีขึ้น

ประสบการณ์ช้อปเปอร์เทนเมนท์ในเชิงบวก จะช่วยเสริมภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์ การเน้นที่การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่สนุกสนานและจริงใจ ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งกับกลุ่มเป้าหมายได้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่ใช้การเล่าเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพในการทำการตลาดสามารถถ่ายทอดคุณค่าและภารกิจของตนได้ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งช่วยส่งเสริมความไว้วางใจในหมู่ผู้บริโภค ความถูกต้องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในตลาดปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงที่แท้จริงกับแบรนด์

 

4. Conversion และยอดขายที่สูงขึ้น

ช้อปเปอร์เทนเมนท์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถกระตุ้นอัตราการแปลง หรือ Conversion ที่สูงขึ้นได้ผ่านเนื้อหาที่น่าสนใจซึ่งกระตุ้นให้เกิดการซื้อทันที ด้วยการผสานรวมคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจนในวิดีโอหรือสตรีมสดที่ให้ความบันเทิง แบรนด์สามารถแนะนำผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขายแบบแฟลชและข้อเสนอแบบจำกัดเวลาในระหว่างอีเวนต์สดทำให้เกิดความเร่งด่วนและกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว ลักษณะเชิงโต้ตอบของประสบการณ์เหล่านี้มักส่งผลให้มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคได้เห็นผลิตภัณฑ์มากขึ้นในรูปแบบที่น่าสนใจ

 

5. ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

การใช้ช้อปเปอร์เทนเมนท์ช่วยให้แบรนด์สามารถรวบรวมข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับความชอบและพฤติกรรมของลูกค้าได้ ผ่านประสบการณ์เชิงโต้ตอบ ธุรกิจสามารถรวบรวมคำติชมจากผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ในอนาคตได้ แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้ค้าปลีกเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ส่งผลให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งเป็นส่วนตัวมากขึ้นซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

 

6. เป็นกลยุทธ์การตลาดที่คุ้มต้นทุน

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่มีงบประมาณการตลาดจำกัด การซื้อของเพื่อความบันเทิงอาจเป็นกลยุทธ์ที่คุ้มต้นทุนได้ โดยการสนับสนุนเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ (UGC) และใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับอีเวนต์สด แบรนด์สามารถสร้างกระแสได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แนวทางแบบรากหญ้านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการตลาด แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อลูกค้าจริงแชร์ประสบการณ์ของตน

 

7. ปรับตัวทันความต้องการของผู้บริโภค

เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคพัฒนาไปสู่การแสวงหาประสบการณ์ออนไลน์ที่น่าดึงดูดมากขึ้น การซื้อของเพื่อความบันเทิงจึงสอดคล้องกับเทรนด์เหล่านี้อย่างสมบูรณ์แบบ ความต้องการตัวเลือกการช้อปปิ้งแบบโต้ตอบและสนุกสนานเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่อายุน้อยซึ่งชอบแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram สำหรับความต้องการในการช้อปปิ้ง[5] ด้วยการนำการซื้อของเพื่อความบันเทิงมาใช้ แบรนด์ต่างๆ จึงสามารถมีความเกี่ยวข้องและตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ โดยสรุปแล้ว ช้อปเปอร์เทนเมนท์จะไม่ใช่เทรนด์ที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

 
แต่ยังเป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่ให้ประโยชน์มากมายแก่ธุรกิจในยุคดิจิทัล บริษัทต่างๆ สามารถวางตำแหน่งตัวเองให้ประสบความสำเร็จในภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูงขึ้นได้ด้วยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ปรับปรุงชื่อเสียงของแบรนด์ เพิ่มอัตราการแปลงยอดขาย รวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า มอบโซลูชันการตลาดที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุน และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การนำกลยุทธ์นี้มาใช้จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการประสบความสำเร็จในอนาคตของการค้าปลีก
 

ประโยชน์ของ Shoppertainment

วิธีสร้างกลยุทธ์ Shoppertainment
มีการวิจัยที่ระบุว่าเทรนด์ช้อปเปอร์เทนเมนท์จะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้มากถึง 12.4 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2025 ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้เกิดศักยภาพที่สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเติบโตนี้เกิดจากความเปิดกว้างของประชากรไทยต่อเทรนด์ใหม่ๆ ระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่ง และเศรษฐกิจของผู้สร้างที่เฟื่องฟู ในการสร้างกลยุทธ์ช้อปเปอร์เทนเมนท์ที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจต่างๆ ควรเน้นที่องค์ประกอบสำคัญ ดังนี้ 
 

1. การตลาดที่เน้นเนื้อหา

  • เน้นเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับการขาย : การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทย 88% ชอบเนื้อหาที่ไม่ส่งเสริมการขายโดยตรง แบรนด์ควรสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและสนุกสนานที่ตรงกับความสนใจของผู้บริโภคมากกว่าการขายแบบเดิมๆ
  • ใช้เนื้อหาวิดีโอ : รูปแบบวิดีโอมีอิทธิพลอย่างมากในการขับเคลื่อนการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะในหมวดหมู่เช่น แฟชั่น ความงาม และอิเล็กทรอนิกส์ แบรนด์ควรใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอย่าง TikTok เพื่อผลิตเนื้อหาวิดีโอที่น่าสนใจซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่สนุกสนาน

2. สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น

  • เรียกดูและซื้ออย่างง่ายดาย : เนื่องจากผู้บริโภค 97% แสดงความต้องการที่จะเปลี่ยนจากการเรียกดูเป็นการซื้อบนแพลตฟอร์มเดียวกันอย่างราบรื่น ธุรกิจต่างๆ จึงต้องแน่ใจว่าไซต์อีคอมเมิร์ซหรือแอปของตนอำนวยความสะดวกให้กับกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์และตัวเลือกการซื้อไว้ในเนื้อหาที่สนุกสนาน

3. การมีส่วนร่วมของชุมชน

  • สร้างชุมชนของครีเอเตอร์ : การมีส่วนร่วมกับครีเอเตอร์ในท้องถิ่นสามารถเพิ่มการมองเห็นและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้ ครีเอเตอร์มากกว่า 3 ล้านคน ในประเทศไทยสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง TikTok แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งสำหรับการทำงานร่วมกัน  แบรนด์ควรดึงผู้สร้างเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในกลยุทธ์การตลาดอย่างแข็งขัน เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงที่แท้จริงกับผู้บริโภค

4. การเชื่อมโยงทางอารมณ์

  • เน้นความสัมพันธ์ของแบรนด์ : ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับแบรนด์ กลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องและการมีส่วนร่วมของชุมชนสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ได้ ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมและซื้อสินค้าจากแบรนด์มากขึ้น

5. การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์

ลักษณะของความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้แบรนด์ต้องมีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อเทรนด์ใหม่ๆ การวิจัยตลาดอย่างต่อเนื่องและคำติชมของผู้บริโภคจะช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งกลยุทธ์ของตนและยังคงมีความเกี่ยวข้องในภูมิทัศน์ของการซื้อของเพื่อความบันเทิงที่เปลี่ยนแปลงไป

 

สรุป

ธุรกิจที่มุ่งหวังที่จะประสบความสำเร็จในตลาดการช้อปปิ้งเพื่อความบันเทิงที่กำลังเติบโตควรให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่น่าสนใจ ประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่น การมีส่วนร่วมในชุมชน การสร้างแบรนด์ที่เน้นอารมณ์ และการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ของผู้บริโภค การให้ความสำคัญกับองค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้ธุรกิจบริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ Shoppertainment นำเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *