วันนี้ Talka จะมาพูดถึงเทรนด์อีคอมเมิร์ซ ปี 2025 ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ โดยมีเทรนด์สำคัญที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดควรให้ความสนใจเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เรามาดูไปพร้อมกันครับว่าในปีที่ผ่านมามีเทรนด์อะไรที่โดดเด่น และในปีหน้าจะมีเทรนด์อะไรที่นักการตลาดควรให้ความสำคัญบ้าง
สรุปเทรนด์ E-Commerce 2024
ภาพรวมของเทรนด์ E-Commerce ในประเทศไทยในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาด โดยมีเทรนด์ที่น่าสนใจหลายประการ โดยภาพรวมของเทรนด์หลักของ E-Commerce ในปีที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดเจน คือ
1. การเติบโตของ Social Commerce
ปีที่ผ่านมา Social Commerce หรือ การค้าบนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ TikTok ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากหันมาซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มใหม่ๆ ที่ช่วยส่งเสริมประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อแข่งขันในตลาดที่กำลังขยายตัวนี้ ซึ่งข้อมูลจากสมาคม E-Commerce ไทย ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าผ่าน Social Commerce เป็นอันดับที่ 1 ของโลก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าความงาม และผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ในปี 2024 มูลค่าตลาด Social Commerce เติบโตขึ้นเป็น 28% ของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 22% ในปี 2022
2. ประสบการณ์การช้อปปิ้งส่วนบุคคล
ในปี 2024 ประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเฉพาะบุคคลในประเทศไทยพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้ คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการกำหนดประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและความชอบของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำทำให้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์แบบเฉพาะบุคคลและโฆษณาแบบตรงเป้าหมายได้
นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ กำลังใช้ประโยชน์จาก Big Data มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้เข้าใจรูปแบบและความชอบในการซื้อ ส่งผลให้การช้อปปิ้งแบบเฉพาะบุคคลเติบโต ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถสร้างแคมเปญการตลาดแบบเฉพาะบุคคลที่ตรงใจผู้บริโภคแต่ละคนได้ที่สำคัญ แนวโน้มของ Hyper-Personalization ได้รับความนิยมมากขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยแบรนด์ต่างๆ ไม่เพียงแค่ปรับแต่งข้อเสนอแต่ยังปรับแต่งประสบการณ์การช้อปปิ้งทั้งหมดตาม Customer Journey ของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล ไปจนถึงข้อเสนอแนะผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ด้านราคาที่ปรับเปลี่ยนตามเวลาจริงตามปฏิสัมพันธ์ของผู้บริโภค
3. การจัดส่งที่รวดเร็ว
ความต้องการในการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วกำลังเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคชาวไทยต้องการเวลาในการจัดส่งที่เร็วขึ้น หลายคนคาดหวังว่าจะได้รับคำสั่งซื้อภายในหนึ่งวันหรือไม่กี่ชั่วโมงหลังจากซื้อ แนวโน้มนี้ขับเคลื่อนโดยความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งออนไลน์และความต้องการความพึงพอใจในทันที คาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะเติบโตสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งบริการจัดส่งด่วนจะกลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการเติบโตนี้ เนื่องจากช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในที่สุดในช่วงที่ผ่านมาเราได้เห็นผู้เล่นหลักๆ ในตลาดอีคอมเมิร์ซ อย่าง Lazada ขยายบริการจัดส่งแบบเร่งด่วนให้ครอบคลุม 23 จังหวัดหลักในประเทศไทยโดยลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ในวันถัดไปหลังจากทำการสั่งซื้อ
บริการนี้ใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ขั้นสูงและระบบคัดแยกอัตโนมัติที่ศูนย์โลจิสติกส์แห่งใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ผู้เล่นหลักอีกเจ้าอย่าง Shopee ก็กำลังเข้าสู่การแข่งขันอย่างเข้มข้นในพื้นที่โลจิสติกส์ ด้วยตัวเลือกการจัดส่งแบบด่วนของตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าที่สั่งซื้อไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งการแข่งขันระหว่างผู้เล่นเจ้าหลักๆ นี้เองที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและปรับปรุงบริการการจัดส่งในทุกๆ ด้านของอุตสาหกรรมนี้
4. การไลฟ์สดขายสินค้าบน TikTok
การช้อปปิ้งผ่านไลฟ์สตรีมในประเทศไทยได้เปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซได้อย่างรวดเร็วในปี 2024 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ที่สามารถผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการค้า (Shoppertainment) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเรียกได้ว่า TikTok สามารถปฏิวัติวิธีที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับอีคอมเมิร์ซได้อย่างลงตัวโดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 TikTok Shop เติบโตอย่างน่าทึ่ง ถึง 500% ในมูลค่าสินค้ารวม (GMV) ด้วยการช้อปปิ้งผ่านไลฟ์สตรีม ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้เหมือนเป็นการเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มนี้ในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้ซื้อระหว่างเซสชั่นสด โดยผู้ใช้ TikTok ประมาณ 80% มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าโดยตรงจาก TikTok Shop แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียและพฤติกรรมการซื้อ
โดยเฉพาะในช่วงอีเวนต์ใหญ่ๆ ยอดขายผ่านการไลฟ์สตรีมเพิ่มขึ้นถึง 140% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นระหว่างแคมเปญส่งเสริมการขายการผสานรวมความบันเทิงกับการช้อปปิ้งจะกลายเป็นเทรนด์ที่สำคัญทั้งวันนี้และอนาคตเพราะไลฟ์สตรีมไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นช่องทางการขายเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้ใช้ผ่านเนื้อหาที่ให้ความบันเทิงทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งสนุกสนาน และโต้ตอบได้มากขึ้น คาดว่าแนวโน้มของการช้อปปิ้งผ่านไลฟ์สตรีมจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มคุ้นเคยกับวิธีการช้อปปิ้งแบบนี้ การผสานรวมฟีเจอร์ขั้นสูงและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้นน่าจะช่วยส่งเสริมการเติบโตนี้ต่อไป
5. การค้าแบบไร้พรมแดน
ความก้าวหน้าของอีคอมเมิร์ซ และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การค้าไร้พรมแดนของประเทศไทย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยเติบโต 13.7% โดยมีมูลค่าประมาณ 66.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 58.7 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2023 แพลตฟอร์มออนไลน์กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน การเติบโตของอีคอมเมิร์ซทำให้ธุรกิจของไทยสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากช่องทางดิจิทัลสำหรับการขาย และการตลาด นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI มีส่วนปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และการดำเนินงานสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกรรมข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น
6. การค้าปลีกแบบ Omni-Channel
ปี 2024 การขายปลีกแบบ Omni-Channel เติบโตอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งขับเคลื่อนโดยความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผู้ค้าปลีกกำลังนำกลยุทธ์ Omni-Channel มาใช้มากขึ้น ซึ่งผสมผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างลงตัว แนวทางนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถโต้ตอบกับแบรนด์ต่างๆ ได้บนแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเพิ่มความสะดวกและความพึงพอใจ ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยมีแนวโน้มที่จะใช้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ในการซื้อสินค้า โดย 59% ของคนไทยหาข้อมูลออนไลน์ก่อนจะซื้อสินค้าออฟไลน์ และ 53% ดูสินค้าจากหน้าร้านก่อนจะซื้อออนไลน์
และด้วยแนวโน้มของการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับการช้อปปิ้งที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากชอบค้นหาและซื้อสินค้าผ่าน TikTok และ Instagram ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญช่วยยกระดับประสบการณ์แบบ Omni-Channel ด้วยการผสานความบันเทิงเข้ากับการช้อปปิ้ง ซึ่งผู้ค้าปลีกหลายรายกำลังมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้า โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับแต่งความพยายามทางการตลาดและคำแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความชอบส่วนบุคคล
7. Influencer Marketing
การตลาดผ่านผู้มีอิทธิพลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ของแบรนด์ โดย 69% ของแบรนด์วางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณการตลาดแบบมีอิทธิพล การเติบโตของการตลาดแบบอินฟลูฯ นั้นขับเคลื่อนโดยการผสมผสานระหว่างปริมาณการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้น ตลอดจนความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียและประสิทธิภาพของอินฟลูเอนเซอร์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและความงาม ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากนิยมเลือกซื้อสินค้าตามคำแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์ โดย 81% ได้ทำการซื้อสินค้าตามคำแนะนำของอินฟลูฯ แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการตลาดแบบผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย ได้แก่ TikTok YouTube และ Facebook ซึ่งรูปแบบวิดีโอสั้น (1.5 ถึง 2 นาที) มีประสิทธิผลเป็นพิเศษในการดึงดูดผู้ชม