Generative AI คืออะไร? จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดีขึ้นได้อย่างไร

Generative AI

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ได้นำไปสู่นวัตกรรมที่ก้าวล้ำในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) หนึ่งในการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของ AI ที่เราจะพูดถึงวันนี้ คือ Generative AI (GeneAI) ซึ่งเป็นสาขาที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่และเป็นต้นฉบับได้ เทคโนโลยีที่โดดเด่นนี้มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ ปฏิวัติวิถีชีวิต การทำงาน ตลอดจนการสื่อสารและการโต้ตอบของเรา ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับแนวคิดของ Generative AI และสำรวจศักยภาพในด้านต่างๆ ของมันในการเปลี่ยนแปลงโลกของเราครับ

Generative AI คืออะไร?

Generative AI คืออะไร

ทำความเข้าใจ Generative AI คืออะไร?

Generative AI (GeneAI) หมายถึงการใช้อัลกอริทึม และเทคนิค Machine Learning เพื่อสร้างเนื้อหาที่เลียนแบบหรือคล้ายกับข้อมูลที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งแตกต่างจากระบบ AI ดั้งเดิม ที่ยังต้องพึ่งพาการเขียนโปรแกรมที่ชัดเจน เรียกได้ว่ามันเป็น AI ในฉบับที่เฉลียวฉลาดขึ้นนั่นเอง  GeneAI ได้รับการฝึกอบรมด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล จากนั้นมันจึงใช้ความรู้นั้นประยุกต์เข้าด้วยกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่แปลกใหม่ ตัวอย่างของโมเดล GeneAI พื้นฐาน ได้แก่ GPT-3 และ DALL-E ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของภาษาได้ อาทิ แอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง ChatGPT ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างข้อความในรูปแบบที่หลากหลายตามคำขอที่เป็นข้อความสั้นๆ ได้ ในทางกลับกัน DALL-E เป็น Machine Learning Model (AI) ที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราป้อนให้กลายเป็นรูปภาพตามที่เราสั่งได้ ช่วยให้ผู้ใช้สร้างภาพที่เหมือนจริงได้ด้วยการป้อนข้อความนั่นเองครับ
 

ประวัติความเป็นมาของ Generative AI

GeneAI  มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สามารถย้อนไปถึงสมัยกรีกโบราณได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม AI สมัยใหม่นั้นเริ่มต้นขึ้นจริงๆ จังๆ ในทศวรรษที่ 1950 ด้วยการวิจัยของ Alan Turing เกี่ยวกับการคิดด้วยเครื่องจักรและการสร้างการทดสอบที่ชื่อว่า “Turing Test” ซึ่งเป็นโครงข่าย Neural Network (ชิ้นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีที่อยู่ภายใต้ AI กำเนิด) ตัวแรก ที่สามารถฝึกฝนได้ซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1957 โดย Frank Rosenblatt นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Cornell การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Neural Network โครงข่ายประสาทเทียมที่จำลองวิธีการทำงานของสมองมนุษย์นี้ ได้นำไปสู่การใช้งาน AI อย่างแพร่หลายตลอดช่วงปี 1980 และหลังจากนั้น ในปี 2014 มีการสร้างอัลกอริทึมประเภทหนึ่งที่เรียกว่า generative adversarial network (GAN) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ GeneAI ในเวลาต่อมา
 
ในปี 2023 ความแพร่หลายของแอปพลิเคชัน AI เพื่อการสร้างสรรค์ เช่น ChatGPT เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ GeneAI รวมถึงการใช้งานที่หลากหลาย แอปพลิเคชั่น AI ที่แพร่หลายในปัจจุบันได้เปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับโลก ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ AI ที่สั่งงานด้วยเสียงได้รับการติดตั้งล่วงหน้าในโทรศัพท์ ลำโพง และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอื่นๆ เป็นต้น ในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ GeneAI ได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางกระแสต่อต้านการใช้งาน AI โดยเฉพาะในแวดวงของวิชาการและงานศิลปะ แต่ดูเหมือนว่ามันได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่อาจเลี่ยงได้แล้วในปัจจุบัน
 
ท่ามกลาง แอปพลิเคชัน AI มากมายในตลาด ผมขอยกตัวอย่างของ GeneAI บางส่วนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันครับ
 
  • ChatGPT

ChatGPT สร้างขึ้นโดย OpenAI เป็นตัวอย่างของ AI ที่สามารถสร้างข้อความใหม่จากข้อความที่เป็นคำสั่งจากมนุษย์ โดยพื้นฐานแล้ว Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น ChatGPT นั้นได้รับการฝึกฝนให้โต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านบทสนทนาด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ ผู้ใช้สามารถถามคำถามทั้งยังมีส่วนร่วมในการสนทนาแบบโต้ตอบ และสามารถสร้างสรรค์ข้อความในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายได้ เช่น บทกวี บทความ เรียงความ แผนการท่องเที่ยว หรือแม้แต่สูตรอาหาร เป็นต้น ChatGPT เวอร์ชันฟรีเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2022 หลังจากการเปิดตัว มันได้สร้างความตื่นตัวให้กับอุตสาหกรรม AI ส่งผลให้มีการแข่งขันกันอย่างหนัก เพราะ OpenAI นั้นได้รับเงินสนับสนุนจาก Microsoft และตอนนี้เสิร์ชเอนจินอย่าง Bing.com ก็เริ่มเอามันเข้ามาใช้เพื่อนำเสนอการค้นหารูปแบบใหม่ (Chat Search) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น Google ที่เป็นเจ้าแห่งตลาดเสิร์ชเอนจินจึงไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้
 
  • Bard

หลังจาก ChatGPT เปิดตัวและสร้างความตื่นตัวให้วงการ AI ได้ไม่นาน Google เจ้าแห่งตลาดเสิร์ชเอนจินจึงอยู่เฉยไม่ได้ จึงได้มีการเปิดตัว “Bard” อินเทอร์เฟซ AI ตัวใหม่ ในเดือนมีนาคม ปี 2023 ที่สามารถสร้างข้อความใหม่จากการป้อนข้อความคำสั่งโดยใช้ LaMDA โมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ Google (Language Model for Dialogue Applications) และเช่นเดียวกับ ChatGPT Bard เป็นแชทบอทที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI ที่สามารถตอบคำถามหรือสร้างข้อความตามคำแนะนำที่ผู้ใช้กำหนด หลังจาก Bard เปิดตัวสู่สาธารณะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ก็มาพร้อมกับข่าวพาดหัวใหญ่ กรณี “Bard แชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในวิดีโอ” จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้หุ้นของบริษัทแม่ Alphabet (GOOG, GOOGL) ร่วงลงประมาณ 9% ถัดจากการประกาศเปิดตัว เรียกได้ว่าความผิดพลาดของ Alphabet ครั้งนี้ได้กลายเป็นกรณีศึกษาครั้งสำคัญก็ว่าได้ ล่าสุด Alphabet  มีแผนที่จะขยายบริการไปยังประเทศต่างๆ ในภาษาต่างๆ มากขึ้นในอนาคต
 
  • DALL-E 

Dall-E อีกหนึ่งแพลตฟอร์มจาก OpenAI ถูกพูดถึงครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2020 แต่เดิมเรียกว่า Image GPT ซึ่งเป็นความพยายามเริ่มต้นในการแสดงให้เห็นว่าโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) สามารถใช้สร้างภาพคุณภาพสูงใหม่ได้อย่างไร Dall-E สามารถขยายแนวคิดเริ่มต้นของ Image GPT เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปภาพใหม่จากข้อความได้ เช่นเดียวกับที่ GPT-3 สามารถสร้างข้อความใหม่เพื่อตอบสนองต่อข้อความที่มนุษย์ป้อนให้ DALL-E เปิดตัวในเดือนมกราคม 2021 มันได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับรูปภาพจากคำอธิบายประกอบ ผู้ใช้สามารถป้อนข้อความอธิบายหรือกำหนดเงื่อนไข ซึ่ง DALL-E จะสร้างภาพที่เหมือนจริงตามคำแนะนำ นอกจากนี้มันยังสามารถสร้างความแตกต่างให้กับภาพที่สร้างขึ้นในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายในมุมมองที่แตกต่างกันได้  DALL-E สามารถแก้ไขภาพได้ทั้งการเปลี่ยนแปลงภายในภาพ (Inpainting) หรือขยายภาพให้เกินจากขอบเขตเดิมได้ (Outpainting)
 
  • Stable Diffusion

Stable Diffusion โดย Stability AI เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 2022 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ AI ที่สามารถสร้างสรรค์ภาพจากข้อความที่ผู้ใช้ป้อนคำสั่งหรือกำหนดเงื่อนไข ตัวอย่างเช่น ผู้ใช่ใส่คำว่า “apple” ระบบก็จะสร้างภาพแอปเปิ้ลให้ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การสร้างภาพแอปเปิ้ลในรูปแบบศิลปะเฉพาะ เป็นต้น Stable Diffusion ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับรูปภาพจำนวนมากจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเว็บไซต์รูปภาพอย่าง Pinterest, DeviantArt และ Flickr มันสร้างภาพที่เหมือนจริงที่ยากต่อการแยกแยะจากของจริงและภาพที่แยกแยะได้ยากนอกเหนือจากงานศิลปะที่วาดด้วยมือ นอกจากนี้มันยังสามารถแปลงภาพที่เห็นได้ชัดว่าเป็นของปลอมได้ นอกจากการสร้างรูปภาพแล้ว Stable Diffusion ยังสามารถเพิ่มหรือแทนที่องค์ประกอบภายในภาพ และขยายรูปภาพให้ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญมันสามารถเปลี่ยนแปลงภาพใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าภาพต้นฉบับจะถูกสร้างด้วย AI หรือไม่ก็ตาม Stable Diffusion เป็นโอเพ่นซอร์ส ดังนั้นใคร ๆ ก็สามารถใช้งานได้
 

ประโยชน์ของ Generative AI

ประโยชน์ของ Generative AI

ประโยชน์ของ Generative AI

การสร้างและผลิตเนื้อหาต้นฉบับ เช่น รูปภาพ เพลง ข้อความ และแม้แต่โลกเสมือนทั้งหมด คือสิ่งที่อาจดูเหนือจินตนาการในอดีต ที่ในปัจจุบัน GeneAI ได้มอบให้กับมวลมนุษย์ชาติ มันคือเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการที่มีความหมายกว้างไกลในอุตสาหกรรมต่างๆ นำเสนอประโยชน์มากมายที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของเรา ซึ่งต่อไปเราจะมาพูดถึง ประโยชน์ที่ลึกซึ้งของ GeneAI กันครับ
 

1. Generative AI ขยายความคิดสร้างสรรค์

GeneAI ได้ปฏิวัติกระบวนการสร้างสรรค์ ช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถเข้าถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขตได้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึกและชุดข้อมูลขนาดใหญ่ GeneAI สามารถสร้างเนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์และมีความสร้างสรรค์ ตัวอย่างเช่น ในด้านศิลปะและการออกแบบ อัลกอริทึม ของมัน สามารถสร้างภาพ หรือแม้แต่ประติมากรรมที่น่าทึ่ง ซึ่งขยายขอบเขตจินตนาการของมนุษย์ เทคโนโลยีนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกันในการสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินและนักออกแบบในการสำรวจโอกาสทางศิลปะใหม่ ๆ และปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ
 
นอกจากนี้มันยังเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิง ที่ช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์ นักพัฒนาเกม และแอนิเมเตอร์สร้างตัวละครที่เหมือนจริง สภาพแวดล้อมที่สมจริง ตลอดจนเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ด้วยการทำให้บางแง่มุมของการสร้างเนื้อหาเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้มืออาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์มีอิสระในการโฟกัสไปที่งานระดับที่สูงขึ้น ด้วยการส่งเสริมเวิร์กโฟลว์ของการสร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
 

2. Generative AI กับการปรับปรุงส่วนบุคคล

GeneAI มีศักยภาพในการปฏิวัติการปรับให้เป็นส่วนตัว ด้วยการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ตามความชอบของแต่ละบุคคล ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล อัลกอริทึม AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรม ความชอบ และข้อมูลประชากรของผู้ใช้เพื่อสร้างคำแนะนำเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มการสตรีมเนื้อหา หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย
 
ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกออนไลน์สามารถใช้ประโยชน์จาก GeneAI เพื่อสร้างประสบการณ์การชอปปิ้งที่เป็นส่วนตัว โดยให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าโดยอิงจากประวัติการเข้าชม รูปแบบการซื้อ และสไตล์ที่ชอบ ในทำนองเดียวกัน แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสามารถเสนอคำแนะนำเนื้อหาส่วนบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ค้นพบภาพยนตร์ รายการทีวี และเพลงที่เกี่ยวข้องตามพฤติกรรมการรับชมและความชอบของพวกเขา พลังของ GeneAI อยู่ที่ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล และมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลตามขนาด ทำให้เกิดการเดินทางของผู้ใช้ที่ราบรื่นและมีส่วนร่วม
 

3. เร่งการค้นพบทางวิทยาศาสตร์

GeneAI ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเกมในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล อัลกอริทึม AI สามารถระบุรูปแบบ สร้างสมมติฐาน และเร่งกระบวนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ได้ สิ่งนี้มีนัยยะสำคัญในหลายขอบเขต รวมถึงด้านการดูแลสุขภาพ การค้นคว้ายา และวัสดุศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ในการดูแลสุขภาพ GeneAI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย สร้างบันทึกทางการแพทย์ และวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค ทำนายผลลัพธ์ของผู้ป่วย ตลอดจนแนะนำแผนการรักษา นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการค้นพบยาโดยการจำลองโครงสร้างโมเลกุล ทำนายปฏิกิริยาระหว่างยากับโปรตีน และระบุตัวยาที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ GeneAI สามารถช่วยในการออกแบบวัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติตามต้องการโดยการจำลองและสร้างโครงสร้างโมเลกุลใหม่ สิ่งนี้มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตช่วยให้มนุษย์สามารถพัฒนาวัสดุที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
 

4. เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทางธุรกิจ

GeneAI มีศักยภาพมหาศาลในการปรับให้เหมาะสมและทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความคล่องตัว ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดต้นทุน ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถทำงานซ้ำๆ วิเคราะห์ข้อมูล และตัดสินใจด้วยความเร็วและแม่นยำเกินกว่าความสามารถของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ในการบริการลูกค้า แชทบอทที่ขับเคลื่อนโดยเจเนอเรทีฟเอไอสามารถจัดการกับการสอบถามเดิมๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ด้วยการตอบกลับทันที หรือแม้แต่จำลองการสนทนาที่เหมือนมนุษย์ สิ่งนี้ช่วยลดภาระงาน ทำให้มนุษย์สามารถมุ่งเน้นไปที่ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูง นอกจากนี้ GeneAI ยังสามารถวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อระบุรูปแบบ ตรวจจับความผิดปกติและให้คุณค่า ตลอดจนให้ Insight สำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ช่วยให้บริษัทสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น
 

5. เอาชนะข้อจำกัดด้านความพร้อมใช้งานของข้อมูล

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ GeneAI คือความสามารถในการเอาชนะข้อจำกัดด้านความพร้อมใช้งานของข้อมูล อัลกอริทึม AI แบบดั้งเดิมพึ่งพาข้อมูลที่มีป้ายกำกับจำนวนมากสำหรับการฝึกอบรม ซึ่งอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ในทางกลับกัน อัลกอริธึม GeneAI สามารถสร้างข้อมูลสังเคราะห์โดยเสริมข้อมูลที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้นได้
 

Generative AI จะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร

Generative AI จะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร

Generative AI จะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร

จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่า GeneAI  ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำซึ่งมาพร้อมศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมจำนวนมาก ตลอดจนเปลี่ยนรูปแบบชีวิตประจำวันของเรา ด้วยการใช้ประโยชน์จากอัลกอริธึมอันทรงพลังและข้อมูลจำนวนมหาศาล ระบบ AI เชิงสร้างสรรค์สามารถสร้างเนื้อหาต้นฉบับที่มีความสมจริง ทั้งรูปภาพ วิดีโอ เพลง และแม้แต่ข้อความที่มีความเป็นมนุษย์ ซึ่งต่อไปเราจะมาดูถึงผลกระทบที่มีต่อแง่มุมต่างๆ ของสังคมกันครับ
 

1. การปฏิวัติด้านการดูแลสุขภาพ

ปัจจุบัน GeneAI เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติการดูแลสุขภาพในหลายๆ ด้าน อาทิ การถ่ายภาพทางการแพทย์ ซึ่งอัลกอริทึม AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยในการตรวจหาและวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ เช่น โรคมะเร็ง ด้วยการฝึกอบรมเกี่ยวกับฐานข้อมูลภาพทางการแพทย์ขนาดใหญ่ GeneAI สามารถช่วยแพทย์ระบุรูปแบบและความผิดปกติเพียงเล็กน้อยที่วิสัยทัศน์ของแพทย์อาจพลาดไปซึ่งนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น GeneAI ยังมีศักยภาพในการปฏิวัติการค้นคว้าตัวยา ด้วยการจำลองและทำนายพฤติกรรมของโมเลกุล ด้วยโมเดล AI สามารถเร่งกระบวนการระบุตัวยาที่มีแนวโน้มเป็นยารักษาโรค ช่วยลดเวลาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการนำยาใหม่ๆ ออกสู่ตลาด สิ่งนี้มีศักยภาพในการปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญและช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้อย่างนับไม่ถ้วน
 

2. นวัตกรรมใหม่ของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงศิลปะ ดนตรี และการออกแบบ กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตอนนี้ศิลปินสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ AI ในฐานะผู้ทำงานร่วมกันที่สร้างสรรค์ ผลักดันขอบเขตของจินตนาการของมนุษย์และสร้างผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใครและไม่เคยเห็นมาก่อน ตั้งแต่การสร้างรูปแบบที่ซับซ้อนไปจนถึงการออกแบบภูมิทัศน์เสมือนจริง GeneAI จะเพิ่มมิติด้านศิลปะที่สร้างสรรค์สำหรับศิลปินและมอบช่องทางใหม่สำหรับการแสดงออก
 
ในอุตสาหกรรมดนตรี ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถแต่งทำนองต้นฉบับ ฮาร์โมนี และแม้แต่เนื้อเพลง ทำให้นักดนตรีสามารถสำรวจแนวเพลงใหม่ๆ และทดลองแต่งเพลงใหม่ๆ ได้ เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการทำให้การสร้างสรรค์เพลงเป็นประชาธิปไตย ช่วยให้ศิลปินที่ต้องการเข้าถึงเครื่องมืออันทรงพลังและปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์โดยไม่ต้องมีการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ
 

3. การศึกษาขั้นสูงและการเรียนรู้ส่วนบุคคล

GeneAI มีศักยภาพในการปฏิวัติการศึกษาด้วยการมอบประสบการณ์การเรียนรู้ส่วนบุคคลที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาจำนวนมหาศาล รวมถึงผลการเรียนและรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียน ระบบ AI สามารถสร้างเนื้อหาที่ปรับเปลี่ยนได้และการจำลองเชิงโต้ตอบที่มีส่วนร่วมและท้าทายผู้เรียนในระดับที่เหมาะสม วิธีการนี้ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับปรุงผลการศึกษาและส่งเสริมความรักในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
 
นอกจากนี้ GeneAI ยังสามารถจัดหาที่ปรึกษาและติวเตอร์เสมือนจริง ซึ่งสามารถตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และเสนอความคิดเห็นส่วนบุคคลได้ เทคโนโลยีนี้ขยายการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ด้อยโอกาส โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการปรับขนาดและความสามารถในการปรับตัวของ AI
 

4. ข้อพิจารณาด้านจริยธรรมและสังคม

แม้ว่าศักยภาพของ AI จะมีอยู่มากมาย แต่การพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้เกิดข้อพิจารณาด้านจริยธรรมและสังคม ปัญหาต่างๆ เช่น ความลำเอียงของอัลกอริทึม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยี AI ได้รับการปรับใช้อย่างยุติธรรม โปร่งใส และมีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงานและตลาดงานจะต้องได้รับการแก้ไข แม้ว่า AI เชิงกำเนิดอาจทำให้งานบางอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็มีศักยภาพในการสร้างโอกาสในการทำงานใหม่และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อควบคุมศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่ สังคมต้องลงทุนในการฝึกอบรมใหม่และยกระดับฝีมือแรงงาน เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเป็นไปอย่างราบรื่น
 
ทิศทางในอนาคต กับคำถามยอดฮิต คนจะตกงานมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ AI จริงหรือไม่?
 
Generative AI รวมถึงแพลตฟอร์ม เช่น ChatGPT มีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนของงานบางประเภท แม้ว่าจะเป็นความจริงที่เทคโนโลยี AI สามารถทำให้งานและกระบวนการบางอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน แต่ผลกระทบต่อการจ้างงานนั้นซับซ้อนและมีหลายแง่มุม ซึ่งประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณามีดังนี้ครับ
 
  • ระบบอัตโนมัติและการย้ายงาน : AI สามารถทำงานซ้ำ ๆ หรืองานประจำที่มนุษย์เคยทำไว้โดยอัตโนมัติ สิ่งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนงานในอุตสาหกรรมหรือบทบาทงานเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น การผลิตหรือการขนส่ง ระบบอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้องค์ประกอบของการใช้แรงงานคนเปลี่ยนแปลงไป
  • การเปลี่ยนแปลงงาน : แม้ว่าบางงานอาจเป็นแบบอัตโนมัติ แต่บทบาทงานและโอกาสใหม่ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน เทคโนโลยี AI มักต้องการความเชี่ยวชาญจากมนุษย์ในการพัฒนา ในการนำไปปรับใช้ และบำรุงรักษา สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การสร้างงานใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงงานที่มีอยู่ ซึ่งทักษะของมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ และการแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่ยังมีค่าเสมอ
  • ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่เพิ่มขึ้น : เทคโนโลยี AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยการปรับปรุงกระบวนการ ทำให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น และจัดการข้อมูลจำนวนมาก สิ่งนี้สามารถส่งผลดีต่อธุรกิจ ทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นผลให้องค์กรอาจเติบโตและสร้างโอกาสในการทำงานใหม่
  • การเสริมและการทำงานร่วมกัน : AI มีศักยภาพในการเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ และเปิดโอกาสในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI แทนที่จะแทนที่งานทั้งหมด แต่ AI สามารถเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือมนุษย์ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและความพึงพอใจในการทำงาน
  • การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและการปรับทักษะใหม่ : การนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน โดยบางบทบาทงานเป็นไปได้ว่ามนุษย์อาจมีความเกี่ยวข้องน้อยลง ในขณะที่บทบาทอื่นๆ จะมีความโดดเด่นมากขึ้น ซึ่งการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ บุคคลและองค์กรจำเป็นต้องลงทุนในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและพยายามเพิ่มพูนต่อยอดทักษะที่สำคัญเพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะใหม่ ๆ และยังคงสามารถแข่งขันได้ในตลาดแรงงาน
โดยรวมแล้ว แม้ว่า generative AI และระบบอัตโนมัติ อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน แต่ขอบเขตและธรรมชาติของผลกระทบเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามอุตสาหกรรม บทบาทงาน และภูมิภาค สิ่งสำคัญคือ ก่อนที่จะนำเทคโนโลยี AI มาใช้ ควรมีการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงาน และสำรวจกลยุทธ์ในการเพิ่มทักษะและยกระดับทักษะของมนุษย์ เพื่อโอกาสในการรับบทบาทของงานที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
 

สรุป

GeneAI เป็นเทคโนโลยีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีศักยภาพมหาศาลในการเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดีขึ้น มันแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของปัญญาประดิษฐ์โดยการทำให้เครื่องจักรสามารถสร้าง คิดค้น และจินตนาการถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ เราสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ จัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน และยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้
 
เจเนอเรทีฟเอไอ มีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านต่างๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี การเขียน และการออกแบบ มันเพิ่มขีดความสามารถให้กับศิลปินและนักสร้างสรรค์ด้วยการเพิ่มพูนความสามารถและจัดหาเครื่องมือใหม่ ๆ  มีความสามารถในการสร้างงานศิลปะที่น่าทึ่ง แต่งเพลงต้นฉบับ และแม้แต่เขียนเรื่องราวที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามการผสมผสานระหว่างความเฉลียวฉลาดของมนุษย์และความฉลาดของเครื่องจักร ถือเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมการแสดงออกทางศิลปะในรูปแบบใหม่และผลักดันขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ให้กว้างไกลออกไป
 
นอกจากนี้ เจเนอเรทีฟเอไอสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน และการผลิต เช่น ในด้านการดูแลสุขภาพ สามารถช่วยในการวินิจฉัยทางการแพทย์ การค้นพบยา และแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยจำนวนมหาศาล แบบจำลองเชิงกำเนิดสามารถระบุรูปแบบ คาดการณ์ผลลัพธ์ และให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าแก่บุคลากรทางการแพทย์ สิ่งนี้มีศักยภาพในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย ปรับปรุงประสิทธิภาพการรักษา และช่วยชีวิต
 
เจเนอเรทีฟเอไอ ยังมีศักยภาพในการจัดการกับความท้าทายทางสังคมและส่งเสริมการมีส่วนร่วม สามารถช่วยในการแปลภาษา เชื่อมช่องว่างในการสื่อสารระหว่างผู้คนจากวัฒนธรรมและภูมิหลังที่แตกต่างกัน แบบจำลองเชิงสร้างสรรค์ยังสามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับบุคคลทุพพลภาพ ทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานและครอบคลุมมากขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เจเนอเรทีฟเอไอ ยังก่อให้เกิดข้อพิจารณาและความท้าทายด้านจริยธรรมอีกด้วย สิ่งสำคัญคือต้องรับประกันการใช้งานอย่างรับผิดชอบและจัดการกับอคติที่อาจเกิดขึ้น ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว และผลกระทบต่อการจ้างงาน อาจต้องมีมาตรการป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจเนอเรทีฟเอไอได้รับการพัฒนาและปรับใช้อย่างมีจริยธรรมและโปร่งใส ด้วยการเปิดรับเทคโนโลยีนี้และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของมัน เราสามารถนำไปสู่อนาคตที่เครื่องจักรและมนุษย์ทำงานร่วมกันเพื่อปลดล็อกขอบเขตใหม่ของนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และผลกระทบเชิงบวก ด้วยการพัฒนาอย่างรับผิดชอบและการปรับใช้อย่างมีจริยธรรม เจเนอเรทีฟ เอไอจึงมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราและสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนแน่นอนครับ
 
 
 
แหล่งที่มา :
 
 
 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *