Robotic – ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งโลกของธุรกิจและการตลาดเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเมื่อวิทยาการหุ่นยนต์ (Robotic) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านการตลาดได้แพร่หลายมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่มีอิทธิพลต่อแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์การตลาด การวิเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจวัตรประจำวัน และอื่นๆ อีกมากมาย วันนี้เราจะมาดูกันว่าเมื่อวิทยาการหุ่นยนต์ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนพร้อมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในด้านการตลาด มันจะเปลี่ยนแปลงโลกของการตลาดไปอย่างไร? ตั้งแต่แชทบอทไปจนถึงระบบอัตโนมัติด้านการตลาดบนโซเชียลมีเดีย วิทยาการหุ่นยนต์ได้เปลี่ยนวิธีที่เราเข้าถึงกลยุทธ์ทางการตลาด ในบทความนี้เราจะสำรวจว่าวิทยาการหุ่นยนต์ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของการตลาดและศักยภาพในอนาคตอย่างไร
นิยามของ Robotic ในด้านการตลาด
ขณะนี้อนาคตได้อยู่ที่นี่กับเราแล้ว ด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยี Robotics , Machine Learning และ AI ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาประสิทธิภาพที่เป็นไปอย่างรวดเร็วทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับอนาคตของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการตลาดดิจิทัลว่าจะได้รับประโยชน์หรือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ทางเทคโนโลยีนี้อย่างไรบ้าง
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้นำมาซึ่งความหมายใหม่ให้กับระบบการตลาดอัตโนมัติ เป้าหมาย คือการช่วยให้ธุรกิจและนักการตลาดจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้นด้วยการดำเนินการอัตโนมัติ เช่น อีเมล โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย และเมื่อเราพูดถึง Marketing Robotic หรือที่เรียกว่า Marketing Automation หรือ Robotic Process Automation (RPA) เรามักหมายถึงการใช้ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเพื่อทำให้งานและกระบวนการทางการตลาดเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีอื่นๆ ร่วมกัน เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานด้านการตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพของการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
หุ่นยนต์การตลาดมักเกี่ยวข้องกับการทำงานอัตโนมัติที่ต้องใช้เวลานาน ซ้ำซาก และต้องใช้แรงงานคน เมื่อหุ่นยนต์เข้ามาทำสิ่งเหล่านี้แทนมนุษย์ ย่อมช่วยให้นักการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่สำคัญกว่าได้ เช่น การพัฒนากลยุทธ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งงานบางอย่างที่สามารถทำให้เป็นอัตโนมัติได้โดยใช้หุ่นยนต์ทางการตลาด ได้แก่ การตลาดผ่านอีเมล การตลาดบนโซเชียลมีเดีย การสร้างโอกาสในการขาย การวิเคราะห์ข้อมูล และการแบ่งส่วนลูกค้า เป็นต้น
การใช้หุ่นยนต์ทางการตลาดได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานข้อมูลลูกค้าแบบมหาศาล และการดำเนินการทางการตลาดที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถได้รับประโยชน์จากหุ่นยนต์ทางการตลาดได้เช่นเดียวกัน ในแง่ของการประหยัดเวลา ลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิผลของความพยายามทางการตลาด
Robotic Marketing ทำงานอย่างไร?
Robotic ที่มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดนั้นทำงานโดยใช้ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเพื่อทำให้งานและกระบวนการทางการตลาดต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งซอฟต์แวร์สามารถตั้งโปรแกรมให้ทำงานเฉพาะได้ อาทิ ส่งอีเมล โพสต์โซเชียลมีเดีย หรือรวบรวมข้อมูลเฉพาะตามที่ต้องการได้ ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์และสมัครรับจดหมายข่าว ซอฟต์แวร์หุ่นยนต์ทางการตลาดจะเพิ่มข้อมูลติดต่อลงในรายชื่ออีเมลโดยอัตโนมัติ และส่งอีเมลต้อนรับให้พวกเขา นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ยังสามารถตั้งโปรแกรมให้ส่งอีเมลติดตามผลหรือโปรโมชันตามการกระทำของลูกค้า เช่น การคลิกลิงก์หรือทำการซื้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ นักการตลาดยังสามารถใช้หุ่นยนต์การตลาดเพื่อทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลและการรายงานผลเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การวิเคราะห์เว็บไซต์ และแบบสำรวจลูกค้า เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรม ความชอบ และพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาด ตลอดจนปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเพิ่มยอดขาย เป็นต้น
ประโยชน์ของ Robotic ต่อการตลาด
ความแม่นยำดุจอัญมณีของนักการตลาด คือ กุญแจสู่ประสิทธิภาพของทีมและองค์กรโดยรวม ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้วว่าการใช้ Robotic Software เพื่อทำให้กระบวนการประจำเป็นไปโดยอัตโนมัตินั้นเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจและนักการตลาด เครื่องมือนี้ช่วยให้ตระหนักถึงศักยภาพของบริษัท โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายของพนักงานเพิ่มเติม ทั้งยังประหยัดเวลาอันมีค่าอีกด้วย Robotic สามารถให้ประโยชน์หลายประการสำหรับการตลาด ใน 2 หัวข้อหลัก และอีกหลายหัวข้อย่อย ได้แก่
1. Robotic ปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า
หุ่นยนต์สามารถตั้งโปรแกรมให้มีส่วนร่วมกับลูกค้าในลักษณะที่เป็นส่วนตัวและโต้ตอบได้ สามารถตอบคำถามของลูกค้า ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และเสนอคำแนะนำตามความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งในโลกปัจจุบันที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ ต่างมองหาวิธีใหม่ๆ ในการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง วิธีการใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือการใช้วิทยาการหุ่นยนต์ ด้วยหุ่นยนต์สามารถมอบวิธีการที่ไม่เหมือนใครและโต้ตอบได้สำหรับธุรกิจในการมีส่วนร่วมกับลูกค้า และมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วหุ่นยนต์จะสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเด็นต่อไปนี้ครับ
- ส่วนบุคคล
หนึ่งในวิธีหลักที่หุ่นยนต์สามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ คือ การปรับการนำเสนอให้เป็นส่วนตัว หุ่นยนต์สามารถตั้งโปรแกรมให้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละราย รวมถึงประวัติการเรียกดูและการซื้อ ความชอบ และความสนใจของพวกเขา ด้วยข้อมูลนี้ บอทสามารถเสนอคำแนะนำส่วนบุคคล โปรโมชัน และข้อเสนอที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการและความสนใจเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย
ตัวอย่างเช่น การใช้บอทในร้านค้าปลีกสามารถใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อระบุลูกค้าเมื่อพวกเขาเข้ามาในร้าน จากนั้นจะสามารถใช้ข้อมูลจากการซื้อครั้งก่อนของลูกค้าเพื่อเสนอคำแนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พวกเขาอาจสนใจ วิธีการส่วนบุคคลนี้สามารถสร้างประสบการณ์ที่มีความหมาย และน่าจดจำยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า เและพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาที่ร้านอีกครั้งในอนาคต
- ประสิทธิภาพและการเข้าถึง
ระบบโรบอทยังสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้าด้วยการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ บอทนั้นพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ให้การสนับสนุนและข้อมูลแก่ลูกค้าได้ตลอดเวลา สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่อาจไม่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนในช่วงเวลาทำการปกติ
ตัวอย่างเช่น บอทในโรงแรมสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ ในท้องถิ่นแก่ผู้เข้าพัก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถช่วยในการจองและบอกทางทางทำให้แขกไม่จำเป็นต้องรอต่อแถวหรือพูดคุยกับตัวแทนที่เป็นมนุษย์
- ลดค่าใช้จ่าย
ประการสุดท้าย หุ่นยนต์สามารถเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนสำหรับธุรกิจในการปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า แม้ว่าอาจมีการลงทุนเริ่มต้นที่จำเป็นในการซื้อและตั้งโปรแกรมหุ่นยนต์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาสามารถประหยัดเงินของธุรกิจได้ด้วยการทำให้งานเป็นอัตโนมัติ ซึ่งมิฉะนั้นอาจต้องใช้พนักงานที่เป็นมนุษย์ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังสามารถให้บริการในระดับที่สม่ำเสมอ ขจัดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์หรือความไม่สอดคล้องกัน
2. Robotic เพิ่มประสิทธิภาพของการตลาด
หุ่นยนต์สามารถทำงานด้านการตลาดหลายอย่างโดยอัตโนมัติ เช่น การสร้างความสนใจในตัวสินค้า ทั้งการจัดการโซเชียลมีเดีย และการตลาดผ่านอีเมล ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรสำหรับนักการตลาด ช่วยให้นักการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น
การเพิ่มขึ้นของวิทยาการหุ่นยนต์ทำให้เกิดยุคใหม่ของระบบอัตโนมัติในโลกธุรกิจ แน่นอนว่าด้านหนึ่งที่วิทยาการหุ่นยนต์มีผลกระทบอย่างมาก คือด้านการตลาด หุ่นยนต์กำลังปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการตลาดและทำให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นไปที่ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ด้วยการทำให้กิจวัตรประจำวัน และงานที่กินเวลาเป็นไปโดยอัตโนมัติ ต่อไปนี้ คือประเด็นของประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากความช่วยเหลือของ Robotic ครับ
- การวิเคราะห์ข้อมูล
หนึ่งในวิธีหลักที่หุ่นยนต์เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดคือการวิเคราะห์ข้อมูล หุ่นยนต์สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากแหล่งต่างๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย แคมเปญการตลาดผ่านอีเมล และการวิเคราะห์เว็บไซต์ พวกเขาสามารถระบุแนวโน้ม รูปแบบ และข้อมูลเชิงลึกที่มนุษย์อาจตรวจจับได้ยาก ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้นักการตลาดตัดสินใจอย่างรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาด รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคา และการส่งเสริมการขาย
ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและความชอบของลูกค้าเพื่อพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ใดขายดีและผลิตภัณฑ์ใดไม่ดี ข้อมูลนี้สามารถช่วยนักการตลาดในการปรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการกำหนดราคาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเพิ่มยอดขายและรายได้ในที่สุด
- การสร้างลูกค้าเป้าหมายอัตโนมัติ
อีกวิธีหนึ่งที่วิทยาการหุ่นยนต์เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด คือการสร้างโอกาสในการขายโดยอัตโนมัติ หุ่นยนต์สามารถตั้งโปรแกรมให้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ซึ่งรวมถึงความสนใจ พฤติกรรม และข้อมูลประชากร จากนั้นพวกเขาสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่กำหนดเป้าหมายซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนโอกาสในการขายเป็นลูกค้า
ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์สามารถสแกนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ใช้ที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะ จากนั้นสามารถสร้างรายชื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและส่งข้อความทางการตลาดที่ตรงเป้าหมายไปยังพวกเขา เพื่อเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะแปลงเป็นลูกค้า
- การจัดการโซเชียลมีเดีย
หุ่นยนต์ยังปรับปรุงประสิทธิภาพทางการตลาดด้วยการจัดการโซเชียลมีเดียโดยอัตโนมัติ โซเชียลมีเดียเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการตลาดสมัยใหม่ แต่อาจต้องใช้เวลานานและท้าทายในการจัดการ โรบอทสามารถช่วยเหลือได้โดยการโพสต์อัปเดต ตอบความคิดเห็นและข้อความโดยอัตโนมัติ และวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น โรบอทสามารถตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียของบริษัทและตอบสนองต่อคำถามหรือข้อร้องเรียนของลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้พนักงานมีอิสระในการมุ่งเน้นไปที่ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์มากขึ้น เช่น การพัฒนาแคมเปญการตลาดใหม่หรือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
- ประหยัดค่าใช้จ่าย
ประการสุดท้าย วิทยาการหุ่นยนต์กำลังเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดด้วยการประหยัดต้นทุน แม้ว่าอาจมีการลงทุนเริ่มต้นที่จำเป็นในการซื้อและตั้งโปรแกรมหุ่นยนต์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาสามารถประหยัดเงินของธุรกิจได้ด้วยการทำให้งานเป็นอัตโนมัติ ซึ่งมิฉะนั้นอาจต้องใช้พนักงานที่เป็นมนุษย์ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังสามารถให้บริการในระดับที่สม่ำเสมอ ขจัดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์สามารถส่งอีเมลการตลาดให้กับลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ ทำให้พนักงานไม่จำเป็นต้องส่งอีเมลด้วยตนเอง ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรสำหรับธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนลดต้นทุนในที่สุด
- การเขียนคำโฆษณาอัตโนมัติ
การเขียนคำโฆษณามีอยู่ทุกที่ ตั้งแต่โบรชัวร์ไปจนถึงเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเป้าหมายขององค์กรใดๆ คือ การนำเสนอทางออนไลน์ สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งความสนใจไปที่การเขียนคำหรือเนื้อหาที่ดีที่จะช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และโน้มน้าวให้ผู้คนดำเนินการใดๆ นั่นคือเหตุผลที่การเขียนคำโฆษณามีความสำคัญมาก คุณรู้หรือไม่ว่าบอทบางตัวสามารถเปลี่ยนชุดข้อมูลให้เป็นเรื่องจริงได้ เมื่อนักเขียนคำโฆษณาใช้ AI ช่วยคิดคำโฆษณา มันสามารถเขียนคำอธิบายที่ถูกต้องและโน้มน้าวใจซึ่งดูราวกับว่าสร้างขึ้นโดยมนุษย์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถสร้างภาษาและอารมณ์ที่เป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าทุกคน นักเขียนคำโฆษณาสามารถมั่นใจได้ว่างานของพวกเขาจะ ปลอดภัย ระบบที่ก้าวล้ำเหล่านี้จะทำให้ชีวิตของพวกเขาในโลกสมัยใหม่ง่ายขึ้นมาก
- ดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น
บุคคลทั่วไปไม่ต้องโต้ตอบกับหน้าจออีกต่อไป พวกเขามีอุปกรณ์เช่น Alexa และ Google Home เมื่อระบบหุ่นยนต์ช่วยลูกค้าแก้ปัญหา และช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายได้ ในไม่ช้าผู้คนจะดำเนินกิจการทางออนไลน์ เมื่อประสบการณ์ผู้ใช้ดีขึ้น เราต้องไม่ลืมเกี่ยวกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง บอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะตัดสินใจว่าเนื้อหาใดเหมาะสำหรับลูกค้าแต่ละประเภท โดยทำให้พวกเขาเชื่อว่าแบรนด์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณจะกระตุ้นการเข้าชม ทำให้เว็บไซต์มีพลัง ยิ่งมีคนอยู่ในเว็บไซต์มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกค้าที่ภักดีมากขึ้นเท่านั้น
- การมีส่วนร่วมของโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียมีส่วนสำคัญในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เพื่อให้การตลาดแม่นยำยิ่งขึ้น นักการตลาดสามารถใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียเพื่อจัดการชื่อเสียง นำหน้าคู่แข่ง และรักษาความสัมพันธ์ มีคนไม่มากที่ตระหนักว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นระบบ AI ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้คอยติดตามโดยแสดงสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น
บอทโซเชียลมีเดีย ทำอะไร? คำตอบคือ มันจะทำหน้าที่เหมือนตัวแทนที่สื่อสารบนแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคม โดยมีอิทธิพลอย่างมากในการสนทนาและส่งผลกระทบต่อความคิดและการกระทำ ซึ่งธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์สูงสุดจากโซเชียลมีเดียใช้บอทเพื่อเชื่อมต่อกับผู้คนและทำให้งานง่ายขึ้น
- ปรับปรุงอัตราการแปลง (Improved Conversion Rates)
โรบอท หรือระบบอัตโนมัติทางการตลาดช่วยแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลระหว่างแผนกต่างๆ เพื่อการแปลงที่ราบรื่นและกระบวนการสร้างประสบการณ์ของลูกค้า นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลและข้อมูลเพิ่มเติมแก่แผนกเหล่านี้เพื่อให้กลยุทธ์และแคมเปญของพวกเขาโฟกัสเลเซอร์และเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการแทนที่จะเป็นสิ่งที่ธุรกิจคิดว่าพวกเขาต้องการ
- พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง 7 วัน
หุ่นยนต์พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้การสนับสนุนและข้อมูลได้ตลอดเวลา สิ่งนี้สามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้ โดยรวมแล้ว หุ่นยนต์สามารถช่วยนักการตลาดปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงการวิเคราะห์ข้อมูล ประหยัดค่าใช้จ่าย และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
ทักษะที่จำเป็นของนักการตลาด ยุค Robotics
ในขณะที่โลกของการตลาดมีการพัฒนาและกลายเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น นักการตลาดจำเป็นต้องปรับชุดทักษะของตัวเองให้ตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้ คือ ทักษะสำคัญบางประการที่นักการตลาดควรพิจารณาเพิ่มเข้าไปในในยุคที่วิทยาการหุ่นยนต์ก้าวล้ำมากขึ้น
1. การวิเคราะห์ข้อมูล
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ หุ่นยนต์มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก นักการตลาดที่สามารถตีความและใช้ข้อมูลนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้เปรียบอย่างมากในแนวทางของการตลาดสมัยใหม่ ด้วยในยุคของวิทยาการหุ่นยนต์ ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับนักการตลาด เนื่องจากหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในรูปแบบอื่นๆ แพร่หลายมากขึ้นในแวดวงการตลาด หุ่นยนต์เหล่านี้ จึงสร้างข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สามารถใช้เพื่อแจ้งกลยุทธ์ทางการตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพทางการตลาด นักการตลาดที่สามารถรวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้เปรียบอย่างมาก
ต่อไปนี้เป็นเหตุผลบางประการที่ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดดิจิทัลในยุค Robotics
- การระบุแนวโน้มและรูปแบบ : เมื่อหุ่นยนต์รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล พวกมันสามารถระบุแนวโน้มและรูปแบบที่มนุษย์อาจตรวจพบได้ยาก นักการตลาดที่มีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลจะสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดที่มีข้อมูลได้มากขึ้น และสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก
- การปรับให้เป็นส่วนตัว : ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า นักการตลาดจะสามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบและพฤติกรรมของลูกค้า ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อสร้างข้อความทางการตลาดที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นและปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้
- การติดตาม ROI : ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลมีความสำคัญต่อการติดตามผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของแคมเปญการตลาด ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมของลูกค้า นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าแคมเปญใดที่สร้างรายได้มากที่สุดและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
- ความได้เปรียบทางการแข่งขัน : ในโลกของการตลาดที่มีการแข่งขันสูง ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถสร้างข้อได้เปรียบที่สำคัญได้ นักการตลาดที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้เพื่อกำหนดกลยุทธ์ของตนย่อมมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
2. ระบบอัตโนมัติและการเขียนโปรแกรม
นักการตลาดที่เชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรม รวมถึงระบบอัตโนมัติในการสั่งการโรบอท จะสามารถใช้ประโยชน์จากวิทยากการหุ่นยนต์ได้อย่างเต็มที่รวมถึงระบบอัตโนมัติในรูปแบบต่างๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทางการตลาด ด้วยการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล นักการตลาดจะสามารถทำงานประจำ หรืองานที่ซ้ำซากได้โดยอัตโนมัติด้วยความช่วยเหลือของโรบอท เพื่อเพิ่มเวลาว่างสำหรับการริเริ่มโฟกัสในเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น
3. การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
แม้ว่าหุ่นยนต์จะทำให้งานประจำหลายอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็ไม่สามารถแทนที่ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักการตลาดที่เป็นมนุษย์ได้ นักการตลาดที่สามารถคิดนอกกรอบและพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมสำหรับความท้าทายที่ซับซ้อนจะเป็นที่ต้องการสูงในตลาดแรงงาน
4. การทำงานร่วมกัน
เมื่อมีการใช้ระบบหุ่นยนต์รวมเข้ากับทีมการตลาดมากขึ้น นักการตลาดที่มีทักษะในการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีมจะประสบความสำเร็จมากขึ้น ความสามารถในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพกับทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์จะเป็นทรัพย์สินอันมีค่าในยุคที่ระบบอัตโนมัติเฟื่องฟู
5. การคิดเชิงกลยุทธ์
ในที่สุด นักการตลาดที่มีทักษะในการคิดเชิงกลยุทธ์จะมีความพร้อมที่ดีกว่าในการนำทางภูมิทัศน์ทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการมองเห็นภาพรวม ตลอดจนระบุแนวโน้มและโอกาส และพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดในระยะยาวจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในยุคของวิทยาการหุ่นยนต์
สรุป
โดยสรุปแล้ว การบูรณาการวิทยาการหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมการตลาดดิจิทัลมีศักยภาพในการปฏิวัติวิธีที่ธุรกิจใช้กลยุทธ์ทางการตลาด ระบบหุ่นยนต์สามารถช่วยนักการตลาดดิจิทัลทำงานซ้ำๆ โดยอัตโนมัติ วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า ด้วยการกำเนิดของ Machine Learning และ AI หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ทำให้หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการนำหน้าคู่แข่ง แม้ว่าอาจมีความท้าทายบางประการในการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ แต่ประโยชน์ที่วิทยาการหุ่นยนต์สามารถนำมาสู่การตลาดดิจิทัลนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ในขณะที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ จึงต้องติดตามเทรนด์ล่าสุดและเปิดรับวิธีการทำงานใหม่ๆ หากต้องการคงความเกี่ยวข้องและประสบความสำเร็จในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
แหล่งที่มา :
บทความแนะนำ
