ส่อง 14 Digital Marketing Tools ปี 2024 เครื่องมือไหนน่าใช้ เช็คเลย!

Digital Marketing Tools
Digital Marketing Tools –  หากคุณเป็น Digital Marketer ที่ต้องการเพิ่ม ROI หรือติดอาวุธให้กับกลยุทธ์การตลาด คุณอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการตลาดบางอย่างที่สามารถทำให้งานของคุณง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่มีอยู่มากมายในปัจจุบันอย่างเหมาะสม คุณจะสามารถดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สิ่งต่างๆ เป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยให้คุณปรับแต่งกลยุทธ์ที่จำเป็นได้ทุกเมื่อที่ต้องการ วันนี้ Talka จะพาทุกคนมารู้จักกับเครื่องมือการตลาดที่น่าสนใจใน ปี 2024 ที่จะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
 

Digital Marketing Tools คืออะไร?

Digital Marketing Tools คืออะไร

ทำความเข้าใจ Digital Marketing Tools คืออะไร?

การตลาดในปัจจุบันมีความซับซ้อนกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยการเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดีย เสิร์ชเอ็นจิ้น และอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ปรากฎการณ์นี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีโอกาสไม่รู้จบในการโปรโมตผลิตภัณฑ์และบริการของตน ในแวดวงของการตลาดดิจิทัล Digital Marketing Tools มักถูกเรียกว่าเป็น เทคโนโลยีทางการตลาด หรือ MarTech (Marketing Technology) ที่ช่วยให้การทำงานของนักการตลาดง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม ที่หลากหลายซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและนักการตลาดในด้านต่างๆ ของการตลาดออนไลน์ ทั้งในแง่ของการปรับปรุงกระบวนการ การวิเคราะห์ข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูด มีส่วนร่วม ปิดการขาย และรักษาธุรกิจออนไลน์เอาไว้ได้อย่างมีกลยุทธ์

ประเภทของ Digital Marketing Tools

ประเภทของ Digital Marketing Tools

รู้จักประเภทของ Digital Marketing Tools

เครื่องมือการตลาดดิจิทัลในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกใช้งานอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทต่างก็มีจุดประสงค์เฉพาะในการช่วยธุรกิจโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการทางออนไลน์ ในส่วนนี้เราจะสำรวจเครื่องมือการตลาดดิจิทัลประเภทต่างๆ ถึงฟังก์ชันในการทำงาน และคุณสมบัติคร่าวๆ ของเครื่องมือแต่ละประเภทครับ
 

1. เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO Tools)

เครื่องมือ SEO ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาออนไลน์ของตนเพื่อให้มีอันดับสูงขึ้นในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา อาทิ Google Search

คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 

      – การวิจัยคำหลัก : ระบุคำหลัก หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา
      – การวิเคราะห์ SEO On-Page  : ประเมินและปรับปรุงหน้าเว็บแต่ละหน้าให้มีองค์ประกอบที่เหมาะสมต่อการจัดอันดับ
      – การตรวจสอบ Backlink : ติดตาม และจัดการลิงก์ต่างๆ เพื่อปรับปรุงคะแนนนิยม (Domain Authority) ของเว็บไซต์
 

2. เครื่องมือการตลาดเนื้อหา (Content Marketing Tools)

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการสร้าง เผยแพร่ และวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อดึงดูดและมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย

คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 

    – การสร้างเนื้อหา : สร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและแบ่งปันได้
    – ปฏิทินบรรณาธิการ : วางแผนและจัดระเบียบกำหนดการเผยแพร่เนื้อหา
    – การวิเคราะห์ : วัดประสิทธิภาพเนื้อหาและการมีส่วนร่วมของผู้ชม
 

3. เครื่องมือการตลาดผ่านอีเมล

เครื่องมือการตลาดผ่านอีเมลอำนวยความสะดวกในการสร้างและการจัดการแคมเปญอีเมลเพื่อรักษาลูกค้าเป้าหมายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า อาทิ
 
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 
 
      – เครื่องมือสร้างอีเมลแบบลากและวาง : ออกแบบอีเมลที่ดึงดูดสายตาได้อย่างง่ายดาย
      – ระบบอัตโนมัติ : ตั้งค่าลำดับอีเมลอัตโนมัติสำหรับแคมเปญเป้าหมาย
      – การวิเคราะห์ : ติดตามอัตราการเปิดอีเมล (Open Rate) อัตราการคลิก (Click through Rate) และคอนเวอร์ชั่น (Conversion Rate)
 

4. เครื่องมือการตลาดบนโซเชียลมีเดีย

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงตนบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
 
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 
 
      – การกำหนดเวลาการเผยแพร่ : วางแผนและกำหนดเวลาโพสต์บนแพลตฟอร์มต่างๆ
      – การฟังทางสังคม (Social Listening) : ติดตามการกล่าวถึงแบรนด์และแนวโน้มของอุตสาหกรรม
      – การวิเคราะห์ : วัดประสิทธิภาพของแคมเปญโซเชียลมีเดีย
 

5. เครื่องมือโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC)

 เครื่องมือ PPC (Pay per Click) ช่วยในการสร้างและจัดการแคมเปญโฆษณาแบบชำระเงิน
 
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 
 
      – การสร้างโฆษณา : สร้างโฆษณาที่ดึงดูดสายตาได้อย่างง่ายดาย
      – การจัดการงบประมาณ : กำหนดและควบคุมงบประมาณการโฆษณา
      – การวิเคราะห์คำหลัก : ระบุคำหลัก หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องเพื่อการกำหนดเป้าหมายโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ
 

6. เครื่องมือวิเคราะห์และข้อมูล

เครื่องมือเหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์และแคมเปญ
 
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 
 
      – การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ : ตรวจสอบข้อมูลสดเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกทันที
      – รายงานที่กำหนดเอง : สร้างรายงานที่ปรับให้เหมาะกับเมตริกและเป้าหมายเฉพาะ
      – การทดสอบ A/B Testing : ทดลองใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
 

7. เครื่องมือการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)

เครื่องมือ CRM ช่วยให้ธุรกิจจัดการและวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าตลอดวงจรชีวิตของลูกค้า
 
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 
 
      – จัดการการติดต่อ : จัดระเบียบและติดตามข้อมูลลูกค้า
      – ขั้นตอนการขาย : แสดงภาพและจัดการกระบวนการขาย
      – บูรณาการ : เชื่อมต่อกับเครื่องมือทางการตลาดอื่นๆ เพื่อการไหลของข้อมูลที่ราบรื่น
 

8. เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation)

เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำงานทางการตลาดแบบซ้ำๆ โดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงขั้นตอนการทำงานและดูแลลูกค้าเป้าหมาย
 
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ 
 
      – เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ : สร้างลำดับอัตโนมัติสำหรับการดูแลรักษาลูกค้าเป้าหมาย
      – การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ : ปรับแต่งเนื้อหาและแคมเปญตามพฤติกรรมของผู้ใช้
      – การบูรณาการหลายช่องทาง : ประสานงานการตลาดบนแพลตฟอร์มต่างๆ
 
ในโลกที่เป็นมิตรของการตลาดดิจิทัล เครื่องมือเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืนเพื่อสร้างสถานะออนไลน์ที่รอบด้าน และมีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ เครื่องมือแต่ละอย่างมีส่วนช่วยเสริมจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกลยุทธ์การตลาดโดยรวม ทำให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับผู้ชมและบรรลุเป้าหมายในขอบเขตของโลกดิจิทัลได้ง่ายขึ้น

ความสำคัญของ Digital Marketing Tools

ความสำคัญของ Digital Marketing Tools

ความสำคัญของ Digital Marketing Tools

ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ หรือกำลังมองหาลู่ทางในการขยายธุรกิจ คุณอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลบางอย่างที่เหมาะสม ซึ่งเป็นกลุ่มของ MarTech ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล (Data-Driven Marketing) และกระบวนการทางการตลาดอัตโนมัติต่างๆ เข้ามาช่วย ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีการตลาดที่ล้ำสมัยจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จทางการตลาดอย่างที่กล่าวได้โดยไม่เกินจริงอีกต่อไปในยุคนี้ ตั้งแต่การจัดการบัญชีโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการประเมินประสิทธิภาพเว็บไซต์ เครื่องมือการตลาดออนไลน์มีฟีเจอร์ที่หลากหลายซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาและทรัพยากร ในขณะเดียวกันก็รับประกันความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแคมเปญการตลาดของคุณ ต่อไปเรามาดูถึงความสำคัญที่ชัดเจนของเครื่องมือการตลาดกันครับ

1. ช่วยให้เข้าใจผู้ชมของคุณ

สุภาษิตโบราณที่ว่า “ความรู้คือพลัง” เป็นสิ่งที่อธิบายความสำคัญของเครื่องมือการตลาดดิจิทัลได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเครื่องมือการตลาดดิจิทัล จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผู้ชมของคุณ ช่วยให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดของคุณได้ เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Analytics และ SEMRush สามารถให้ข้อมูลโดยละเอียดแก่คุณว่าผู้ชมของคุณคือใคร พวกเขาโต้ตอบกับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร รวมถึงสิ่งที่พวกเขาสนใจ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้เพื่อปรับแต่งกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณและรับประกันว่าคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2. ช่วยเพิ่มการเข้าถึงให้สูงสุด

ในยุคดิจิทัล ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงผู้ชมของคุณอีกต่อไป เครื่องมืออย่าง Buffer และ Mailchimp ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณทำการกำหนดเวลาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ส่งอีเมลจำนวนมาก และติดตามแคมเปญของคุณได้แบบเรียลไทม์ ด้วยการเข้าถึงในวงกว้าง คุณจึงมั่นใจได้ว่าข้อความของคุณจะเข้าถึงผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

3. การวัดและการเพิ่มประสิทธิภาพ

ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของเครื่องมือการตลาดดิจิทัล คือ ความสามารถในการให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญของคุณ อย่างไรก็ตามด้วยเครื่องมืออย่าง Google Analytics,  และ SEMRush คุณสามารถติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพของแคมเปญของคุณ ทำความเข้าใจว่าอะไรได้ผล และอะไรไม่ได้ผลจากนั้นจึงก็สามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณและรับประกันว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุด

4.  ประหยัดเวลา

เวลาเป็นทรัพยากรอันมีค่า โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ เครื่องมือการตลาดดิจิทัลช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้ด้วยการทำงานอัตโนมัติที่อาจน่าเบื่อและต้องใช้เวลานานสำหรับมนุษย์ เครื่องมืออย่าง MailChimp และ Buffer สามารถทำให้งานต่างๆ เช่น การตลาดผ่านอีเมล การตั้งเวลาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย และการติดตามลูกค้าเป้าหมายนั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่ส่วนสำคัญอื่น ๆ ของธุรกิจของคุณได้อย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

5. ความคุ้มค่า

เครื่องมือการตลาดดิจิทัลมีความคุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับการตลาดรูปแบบเดิม กลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมมักต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่เครื่องมือการตลาดดิจิทัลมักจะมีราคาไม่แพงมาก นอกจากนี้ เครื่องมือเหล่านี้ยังมีแผนที่ยืดหยุ่นซึ่งคุณสามารถปรับขนาดได้เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเริ่มต้นด้วยงบประมาณจำนวนน้อยก่อน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มการลงทุนเมื่อคุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 

6. การแบ่งกลุ่มผู้ชมที่แม่นยำ

เครื่องมือการตลาดดิจิทัลช่วยให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มผู้ชมของคุณได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายแคมเปญของคุณไปยังผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมากที่สุด เครื่องมือ อาทิ  Facebook Ads และ Google Ads ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายโฆษณาของคุณไปยังผู้คนโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานที่ อายุ เพศ ความสนใจ และอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าคุณมั่นใจได้ว่าคุณจะใช้งบประมาณการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้คนที่เหมาะสม

Digital Marketing Tools น่าใช้

14 Digital Marketing Tools น่าใช้

ยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการตลาดและการโฆษณาก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็กของคุณเอง การมีกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญในการขยายการเข้าถึงแบรนด์ของคุณและทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต คุณต้องมีเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่สามารถทำให้งานบางอย่างเป็นอัตโนมัติ ที่สามารถวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ของคุณได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลือกที่มีอยู่มากมาย การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย  ในส่วนนี้ Talka จะขอแนะนำเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่น่าสนใจและได้รับความนิยมจากแบรนด์ต่างๆ ที่ครอบคลุมงานเกือบทุกด้านของการตลาดดิจิทัลที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงความต้องการของแบรนด์ได้ จะมีเครื่องมืออะไรบ้างไปติดตามกันได้เลยครับ

1. Sprout Social

Sprout Social คือแพลตฟอร์มการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพโซเชียลมีเดีย โดยรวบรวมข้อมูลจากโปรไฟล์ออนไลน์ทั้งหมดของคุณ และนำเสนอเครื่องมือในการเผยแพร่ การวิเคราะห์ การมีส่วนร่วม และการฟังเสียงของสังคม (Social Listening) ในที่เดียว คุณสามารถวางแผนและเผยแพร่เนื้อหาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมดของคุณได้อย่างง่ายดาย ข้อมูลที่ให้ไว้สามารถใช้เพื่อติดตามประสิทธิภาพทางสังคมได้ ธุรกิจของคุณรักษากล่องจดหมายโซเชียลที่เป็นหนึ่งเดียวเพื่อมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า

2. Buffer

Buffer เป็นเครื่องมือจัดการโซเชียลมีเดียที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก สตาร์ทอัพ และผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แม้ว่ามันอาจจะไม่มีฟีเจอร์มากมายเท่า Sprout Social แต่ก็มีอินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่าย ทำให้คุณจัดการสถานะโซเชียลมีเดียของคุณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Buffer ยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเครื่องมือการจัดการโซเชียลมีเดียยอดนิยมอื่นๆ ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมขนาดเล็ก หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นคือการทำงานร่วมกันด้วยภาพและเครื่องมือการทำงานเป็นทีม ซึ่งช่วยให้คุณจัดการเนื้อหาจำนวนมากในที่เดียวได้อย่างราบรื่น แม้ว่ามันอาจจะไม่มีฟังก์ชันการวิเคราะห์ขั้นสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ แต่ Buffer ยังคงมีฟังก์ชันการทำงานที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณสนใจในการสร้างเนื้อหาเป็นหลัก Buffer น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ

3. Omnisend 

Omnisend เป็นเครื่องมือทางการตลาดอัตโนมัติสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมีผู้ใช้มากกว่า 75,000 รายทั่วโลก แม้จะอยู่ในแผนบริการฟรี แต่ก็มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การแบ่งส่วนและเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติพร้อมการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เครื่องมือสร้างอีเมลและเว็บฟอร์มที่ใช้งานง่ายของ Omnisend ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านอีคอมเมิร์ซ ทีมสนับสนุนลูกค้าพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและตอบกลับภายใน 3 นาที

4. Mailchimp 

Mailchimp เป็นซอฟต์แวร์การตลาดผ่านอีเมลที่รู้จักกันดีและเป็นผู้นำตลาดมาอย่างยาวนาน เป็นเครื่องมือการโฆษณาทางโซเชียลและการตลาดผ่านอีเมลที่ออกแบบมาเพื่อเรียบเรียงและทำให้แคมเปญการตลาดดิจิทัลเป็นอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่คุณจะได้รับเพื่อปรับปรุงแคมเปญของคุณและติดตามปริมาณการเข้าชมที่เกิดขึ้น เครื่องมือนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสำหรับแคมเปญอีเมล ซึ่งคุณสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณได้ MailChimp เป็นชื่อที่มีชื่อเสียงในโลกของการตลาดผ่านอีเมล

5. Google Analytics

Google Analytics เป็นเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่ทรงพลังซึ่งสามารถช่วยคุณในการตัดสินใจทางการตลาดได้มากมาย ใช้งานง่ายสำหรับระบุ และติดตามการนำทางของผู้ใช้บนเว็บไซต์ของคุณ โดยสามารถติดตามทุกสิ่งตั้งแต่ระยะเวลาเซสชัน หน้าที่เข้าชมต่อเซสชัน อัตราตีกลับ และการคลิก และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ใช้ทั่วไป มีแดชบอร์ดและการรายงานระดับสูงที่แสดงผลให้เข้าใจได้ไม่ยาก โดยรวมแล้ว Google Analytics เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างหน้า Landing Page ที่แม่นยำ ยิ่งไปกว่านั้น ฟีเจอร์ส่วนใหญ่นั้นฟรีโดยสมบูรณ์ ค่าใช้จ่ายจะเริ่มเข้ามาก็ต่อเมื่อคุณเลือกที่จะรวม Google Analytics เข้ากับแคมเปญ Google Ads ของคุณหรือเครื่องมือการตลาดดิจิทัลอื่น ๆ ใน G Suite

6. Canva Business

Canva คือ เครื่องมือออกแบบที่มีคุณภาพซึ่งสามารถช่วยคุณสร้างโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่น่าประทับใจและสิ่งอื่นๆ ในด้านการตลาดได้ Canva มีฟีเจอร์การออกแบบที่โดดเด่นที่ช่วยให้คุณพัฒนาแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพผ่านเนื้อหาภาพที่สามารถแชร์บนบล็อก เว็บไซต์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของคุณ เนื้อหาภาพเป็นหัวใจสำคัญของแคมเปญการตลาดดิจิทัล เพื่อดึงดูดฐานลูกค้าเป้าหมาย คุณต้องออกแบบโพสต์ที่น่าสนใจ

7. Trello 

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือการจัดการเนื้อหาที่จะช่วยคุณระดมความคิด และวางกลยุทธ์เนื้อหาสำหรับแคมเปญการตลาดดิจิทัลของคุณ Trello เป็นทางเลือกที่ไม่ควรพลาด Trello เป็นหนึ่งในเครื่องมือการจัดการเนื้อหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่นักการตลาดดิจิทัลหลายแสนคนทั่วโลกใช้ เพื่อสร้าง กำหนดเวลา และจัดระเบียบเนื้อหาออนไลน์ แพลตฟอร์มช่วยให้ทั้งทีมอยู่รวมกัน ทำให้การสื่อสารและการจัดการทำได้ง่ายขึ้น คุณสามารถมอบหมายสมาชิกหลายคนจากทีมของคุณลงในการ์ดใบเดียวเพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานในโครงการร่วมกันได้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะรู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบ เขียน แก้ไข โพสต์ และเพิ่มข้อเสนอคำกระตุ้นการตัดสินใจลงในโพสต์
 

8. Slack

นักการตลาดดิจิทัลใช้ Slack ทุกวัน ด้วยเครื่องมือนี้คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับงานของลูกค้า บทความใหม่ โปรเจ็กต์ใหม่ แบ่งปันเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และส่งข้อความ หากคุณมีทีมนักการตลาดดิจิทัลที่โดดเด่น คุณจะต้องมีสื่อที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกับพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือจุดที่ Slack เข้ามามีบทบาท
 
คุณสมบัติของ Slack
 
  • ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารกับสมาชิกในทีมผ่านทางเว็บแบบเรียลไทม์
  • ให้คุณติดตามทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์ ทีมงาน และช่องทางต่างๆ
  • ให้คุณสนทนาข้อความและวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ด้วย
  • ช่วยเหลือทีมในการทำงานร่วมกันได้จากทุกที่
แม้จะดูเหมือนเป็นแอปส่งข้อความ แต่ Slack ก็ทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกมาก ช่วยกระชับประสิทธิภาพองค์กรของคุณได้ ไม่ใช่การทำงานร่วมกันหรือเครื่องมือการจัดการโครงการ ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการส่งข้อความพร้อมตัวเลือกและการตั้งค่ามากมาย ช่วยให้คุณมีการสนทนากลุ่มที่สามารถค้นหาได้และเป็นสาธารณะ รวมถึงการสนทนาส่วนตัวด้วย คุณสามารถเปลี่ยนโทนสีของอินเทอร์เฟซและสร้างกลุ่มต่างๆ ได้
 

9. Ahrefs

Ahrefs นำเสนอชุดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา ทำให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ตามความต้องการทางการตลาดของคุณได้ง่ายขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับและด้วยดัชนีข้อมูลขนาดใหญ่ เครื่องมือนี้จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตลาดอย่างแน่นอน
 
คุณสมบัติของ Ahrefs
 
  • ให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ
  • ให้คุณค้นหาเว็บไซต์ที่เหมาะสมสำหรับเนื้อหาของคุณและเลือกหัวข้อเนื้อหาอย่างมีกลยุทธ์
  • ช่วยในการวิเคราะห์คู่แข่ง
  • เป็นเครื่องมือ SaaS ที่ครอบคลุมที่นำเสนอตัวอย่างคำรับรอง ดัชนีข้อมูล และการทดลองใช้ฟรีเช่นกัน
  • ให้คุณจัดการโครงการของคุณ
  • ให้คุณติดตามความคืบหน้าการจัดอันดับของคุณ

10. SEMRUSH

เป็นชุดเครื่องมือทางการตลาดแบบครบวงจรที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นธุรกิจทางออนไลน์ด้วย SEO การตลาดเนื้อหา การวิจัยตลาด การโฆษณา การจัดการโซเชียลมีเดีย และการจัดการอันดับของเครื่องมือค้นหา ตามเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ SEMRUSH อ้างว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด 7 ล้านคน ใช้ SEMRUSH เป็นเครื่องมือการตลาดดิจิทัล เครื่องมือนี้ได้รับรางวัลมากมายในฐานะซอฟต์แวร์ SEO ที่ดีที่สุด เครื่องมือนี้ใช้งานง่ายมาก โดยคุณเพียงแค่ต้องค้นหากลยุทธ์คำหลักของคุณ นำไปใช้ และเริ่มติดตามกลยุทธ์เหล่านั้น Semrush ให้ทดลองใช้ฟรี แต่ผู้ใช้ต้องเลือกแผนแบบชำระเงินหลังจากผ่านไปเจ็ดวัน
 
 คุณสมบัติของ SEMRUSH
 
  • ช่วยในการเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกด้วยเครื่องมือ SEO และขั้นตอนการทำงาน
  • ช่วยในการสร้างเนื้อหาให้ติดอันดับ
  • เผยกลยุทธ์และยุทธวิธีของคู่แข่ง
  • ช่วยให้คุณค้นพบวิธีในการเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้นด้วยการใช้จ่ายน้อยลง
  • สนับสนุนในการสร้างกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย

11. Hubspot

Hubspot ประกอบด้วยระบบ CRM (การจัดการลูกค้าสัมพันธ์) เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติ และระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และบล็อกเนื้อหาของตนได้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือสำหรับการตลาดผ่านอีเมล การจัดการโซเชียลมีเดีย การวิเคราะห์และการรายงาน นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันที่ต้องชำระเงินหลายเวอร์ชันพร้อมฟีเจอร์และความสามารถเพิ่มเติม

12. Visme

Visme เป็นแพลตฟอร์มการสร้างเนื้อหาภาพบนคลาวด์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและออกแบบเนื้อหาภาพที่หลากหลาย เช่น อินโฟกราฟิก การนำเสนอ กราฟิกโซเชียลมีเดีย และอื่นๆ มีเทมเพลตการออกแบบที่หลากหลายและเครื่องมือแก้ไขแบบลากและวางที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งและแก้ไขการออกแบบของตนได้ นอกจากนี้ยังมีคลังภาพสต็อก ไอคอน และภาพประกอบอีกด้วย Visme ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือสร้างภาพข้อมูล แอนิเมชั่น และองค์ประกอบเชิงโต้ตอบ และช่วยให้ผู้ใช้เผยแพร่และแบ่งปันเนื้อหาของตนบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และบล็อก ส่วนใหญ่แล้วนักการตลาด นักการศึกษา และนักธุรกิจจะใช้เพื่อสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดสายตา ซึ่งสามารถใช้เพื่อสื่อสารข้อมูลและแนวคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ คุณจะสามารถเข้าใจและจัดการแคมเปญการตลาดดิจิทัลของคุณได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณต้องรู้ว่าแม้ว่าบางโปรแกรมจะเสนอให้ทดลองใช้ฟรี แต่พวกเขาทั้งหมดจะได้รับค่าตอบแทน แต่มันก็คุ้มค่ากับการลงทุน เพื่อความเข้าใจโดเมนที่ดียิ่งขึ้น โปรดดูหลักสูตรระดับสูงกว่าปริญญาตรีด้านการตลาดดิจิทัลของ Great Learning โปรแกรมที่ครอบคลุมนี้ช่วยให้คุณเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนที่สุดและนำไปใช้ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม
 

13. Clearscope

Clearscope เป็นแพลตฟอร์มการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาที่ใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อวิเคราะห์และปรับเนื้อหาให้เหมาะสมสำหรับ SEO และความสามารถในการอ่าน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับคำสำคัญ วลี และหัวข้อที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในเนื้อหา ตลอดจนระบุและแก้ไขปัญหาใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับความสามารถในการอ่าน ไวยากรณ์ และรูปแบบ Clearscope ส่วนใหญ่จะใช้โดยนักการตลาดเนื้อหา ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และนักเขียนคำโฆษณา เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเนื้อหาออนไลน์และเพิ่มปริมาณการเข้าชมทั่วไป สามารถรวมเข้ากับระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ต่างๆ เช่น WordPress, Hubspot และอีกมากมาย
 

14. Google Ads

Google Ads ใช้ได้กับธุรกิจเกือบทุกประเภท ไม่สำคัญว่าจะเล็ก กลาง หรือใหญ่ แม้ว่านักการตลาดจำนวนมากคิดว่า Google Ads มีราคาแพงเกินไป แต่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่งได้
 
คุณสมบัติของ Google Ads
 
  • กระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์
  • เพิ่มการโทรจากลูกค้าผ่านปุ่มคลิกเพื่อโทร
  • เพิ่มจำนวนลูกค้าในร้านค้าของคุณ
คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ Google Ads ก่อนจึงจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นคุณจะเสียเงินเปล่าๆ เรียนรู้การสร้างโฆษณา Google Ads ที่นี่ ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ Google Ads ก็คือผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) นั้นค่อนข้างวัดได้ง่าย นอกจากนี้ คุณสมบัติปัญญาประดิษฐ์ใหม่ยังทำให้แพลตฟอร์มใช้งานได้เร็วและง่ายขึ้นมาก ฟีเจอร์ AI สามารถช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์เร็วขึ้นในการโฆษณาแบบดิสเพลย์ ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่หลากหลายทำให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายฐานลูกค้าของคุณตามปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น อายุ เพศ สถานที่ อาชีพ ฯลฯ นี่คือสิ่งที่คุณจะไม่พบในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลอื่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณสามารถเข้าถึง Google Agency Account Strategist ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะล่าสุดที่ Google มีให้ นอกจากนี้ การเข้าถึงยังหมายถึงการเข้าถึงการทดสอบเบต้าบางส่วนด้วยเช่นกัน
 

สรุป

ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ ล้วนต้องปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือการตลาดดิจิทัลให้ประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การเพิ่มการมองเห็นแบรนด์และการมีส่วนร่วม ไปจนถึงการให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าสำหรับการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโซเชียลมีเดีย การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา การตลาดผ่านอีเมล หรือแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับผู้ชมในลักษณะที่ตรงเป้าหมายและเป็นส่วนตัวมากขึ้นในยุคที่การนำเสนอออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ

การเปิดรับและควบคุมพลังของเครื่องมือการตลาดดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและความสำเร็จที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่จัดลำดับความสำคัญ และลงทุนในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่เหมาะสมจะวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จในระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัยในตลาดดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

 
 
แหล่งที่มา :
 
 
 
 
 

บทความแนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *