Digital Marketing Tools คืออะไร?
ทำความเข้าใจ Digital Marketing Tools คืออะไร?
การตลาดในปัจจุบันมีความซับซ้อนกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยการเกิดขึ้นของโซเชียลมีเดีย เสิร์ชเอ็นจิ้น และอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ปรากฎการณ์นี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีโอกาสไม่รู้จบในการโปรโมตผลิตภัณฑ์และบริการของตน ในแวดวงของการตลาดดิจิทัล Digital Marketing Tools มักถูกเรียกว่าเป็น เทคโนโลยีทางการตลาด หรือ MarTech (Marketing Technology) ที่ช่วยให้การทำงานของนักการตลาดง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม ที่หลากหลายซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและนักการตลาดในด้านต่างๆ ของการตลาดออนไลน์ ทั้งในแง่ของการปรับปรุงกระบวนการ การวิเคราะห์ข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูด มีส่วนร่วม ปิดการขาย และรักษาธุรกิจออนไลน์เอาไว้ได้อย่างมีกลยุทธ์
ประเภทของ Digital Marketing Tools
รู้จักประเภทของ Digital Marketing Tools
1. เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO Tools)
เครื่องมือ SEO ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาออนไลน์ของตนเพื่อให้มีอันดับสูงขึ้นในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา อาทิ Google Search
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ
2. เครื่องมือการตลาดเนื้อหา (Content Marketing Tools)
เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการสร้าง เผยแพร่ และวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อดึงดูดและมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย
คุณสมบัติหลักคร่าวๆ
3. เครื่องมือการตลาดผ่านอีเมล
4. เครื่องมือการตลาดบนโซเชียลมีเดีย
5. เครื่องมือโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC)
6. เครื่องมือวิเคราะห์และข้อมูล
7. เครื่องมือการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)
8. เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation)
ความสำคัญของ Digital Marketing Tools
ความสำคัญของ Digital Marketing Tools
ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ หรือกำลังมองหาลู่ทางในการขยายธุรกิจ คุณอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลบางอย่างที่เหมาะสม ซึ่งเป็นกลุ่มของ MarTech ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล (Data-Driven Marketing) และกระบวนการทางการตลาดอัตโนมัติต่างๆ เข้ามาช่วย ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีการตลาดที่ล้ำสมัยจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จทางการตลาดอย่างที่กล่าวได้โดยไม่เกินจริงอีกต่อไปในยุคนี้ ตั้งแต่การจัดการบัญชีโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการประเมินประสิทธิภาพเว็บไซต์ เครื่องมือการตลาดออนไลน์มีฟีเจอร์ที่หลากหลายซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาและทรัพยากร ในขณะเดียวกันก็รับประกันความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแคมเปญการตลาดของคุณ ต่อไปเรามาดูถึงความสำคัญที่ชัดเจนของเครื่องมือการตลาดกันครับ
1. ช่วยให้เข้าใจผู้ชมของคุณ
สุภาษิตโบราณที่ว่า “ความรู้คือพลัง” เป็นสิ่งที่อธิบายความสำคัญของเครื่องมือการตลาดดิจิทัลได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเครื่องมือการตลาดดิจิทัล จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผู้ชมของคุณ ช่วยให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดของคุณได้ เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Analytics และ SEMRush สามารถให้ข้อมูลโดยละเอียดแก่คุณว่าผู้ชมของคุณคือใคร พวกเขาโต้ตอบกับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร รวมถึงสิ่งที่พวกเขาสนใจ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้เพื่อปรับแต่งกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณและรับประกันว่าคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
2. ช่วยเพิ่มการเข้าถึงให้สูงสุด
ในยุคดิจิทัล ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงผู้ชมของคุณอีกต่อไป เครื่องมืออย่าง Buffer และ Mailchimp ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณทำการกำหนดเวลาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ส่งอีเมลจำนวนมาก และติดตามแคมเปญของคุณได้แบบเรียลไทม์ ด้วยการเข้าถึงในวงกว้าง คุณจึงมั่นใจได้ว่าข้อความของคุณจะเข้าถึงผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3. การวัดและการเพิ่มประสิทธิภาพ
ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของเครื่องมือการตลาดดิจิทัล คือ ความสามารถในการให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญของคุณ อย่างไรก็ตามด้วยเครื่องมืออย่าง Google Analytics, และ SEMRush คุณสามารถติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพของแคมเปญของคุณ ทำความเข้าใจว่าอะไรได้ผล และอะไรไม่ได้ผลจากนั้นจึงก็สามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณและรับประกันว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุด
4. ประหยัดเวลา
เวลาเป็นทรัพยากรอันมีค่า โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ เครื่องมือการตลาดดิจิทัลช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้ด้วยการทำงานอัตโนมัติที่อาจน่าเบื่อและต้องใช้เวลานานสำหรับมนุษย์ เครื่องมืออย่าง MailChimp และ Buffer สามารถทำให้งานต่างๆ เช่น การตลาดผ่านอีเมล การตั้งเวลาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย และการติดตามลูกค้าเป้าหมายนั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่ส่วนสำคัญอื่น ๆ ของธุรกิจของคุณได้อย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
5. ความคุ้มค่า
เครื่องมือการตลาดดิจิทัลมีความคุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับการตลาดรูปแบบเดิม กลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมมักต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่เครื่องมือการตลาดดิจิทัลมักจะมีราคาไม่แพงมาก นอกจากนี้ เครื่องมือเหล่านี้ยังมีแผนที่ยืดหยุ่นซึ่งคุณสามารถปรับขนาดได้เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเริ่มต้นด้วยงบประมาณจำนวนน้อยก่อน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มการลงทุนเมื่อคุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
6. การแบ่งกลุ่มผู้ชมที่แม่นยำ
เครื่องมือการตลาดดิจิทัลช่วยให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มผู้ชมของคุณได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายแคมเปญของคุณไปยังผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมากที่สุด เครื่องมือ อาทิ Facebook Ads และ Google Ads ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายโฆษณาของคุณไปยังผู้คนโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานที่ อายุ เพศ ความสนใจ และอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าคุณมั่นใจได้ว่าคุณจะใช้งบประมาณการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้คนที่เหมาะสม
Digital Marketing Tools น่าใช้
ยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการตลาดและการโฆษณาก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็กของคุณเอง การมีกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญในการขยายการเข้าถึงแบรนด์ของคุณและทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต คุณต้องมีเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่สามารถทำให้งานบางอย่างเป็นอัตโนมัติ ที่สามารถวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ของคุณได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลือกที่มีอยู่มากมาย การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ในส่วนนี้ Talka จะขอแนะนำเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่น่าสนใจและได้รับความนิยมจากแบรนด์ต่างๆ ที่ครอบคลุมงานเกือบทุกด้านของการตลาดดิจิทัลที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงความต้องการของแบรนด์ได้ จะมีเครื่องมืออะไรบ้างไปติดตามกันได้เลยครับ
1. Sprout Social
Sprout Social คือแพลตฟอร์มการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพโซเชียลมีเดีย โดยรวบรวมข้อมูลจากโปรไฟล์ออนไลน์ทั้งหมดของคุณ และนำเสนอเครื่องมือในการเผยแพร่ การวิเคราะห์ การมีส่วนร่วม และการฟังเสียงของสังคม (Social Listening) ในที่เดียว คุณสามารถวางแผนและเผยแพร่เนื้อหาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมดของคุณได้อย่างง่ายดาย ข้อมูลที่ให้ไว้สามารถใช้เพื่อติดตามประสิทธิภาพทางสังคมได้ ธุรกิจของคุณรักษากล่องจดหมายโซเชียลที่เป็นหนึ่งเดียวเพื่อมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า
2. Buffer
Buffer เป็นเครื่องมือจัดการโซเชียลมีเดียที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก สตาร์ทอัพ และผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แม้ว่ามันอาจจะไม่มีฟีเจอร์มากมายเท่า Sprout Social แต่ก็มีอินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่าย ทำให้คุณจัดการสถานะโซเชียลมีเดียของคุณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Buffer ยังมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเครื่องมือการจัดการโซเชียลมีเดียยอดนิยมอื่นๆ ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมขนาดเล็ก หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นคือการทำงานร่วมกันด้วยภาพและเครื่องมือการทำงานเป็นทีม ซึ่งช่วยให้คุณจัดการเนื้อหาจำนวนมากในที่เดียวได้อย่างราบรื่น แม้ว่ามันอาจจะไม่มีฟังก์ชันการวิเคราะห์ขั้นสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ แต่ Buffer ยังคงมีฟังก์ชันการทำงานที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณสนใจในการสร้างเนื้อหาเป็นหลัก Buffer น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
3. Omnisend
Omnisend เป็นเครื่องมือทางการตลาดอัตโนมัติสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมีผู้ใช้มากกว่า 75,000 รายทั่วโลก แม้จะอยู่ในแผนบริการฟรี แต่ก็มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การแบ่งส่วนและเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติพร้อมการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เครื่องมือสร้างอีเมลและเว็บฟอร์มที่ใช้งานง่ายของ Omnisend ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านอีคอมเมิร์ซ ทีมสนับสนุนลูกค้าพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและตอบกลับภายใน 3 นาที
4. Mailchimp
Mailchimp เป็นซอฟต์แวร์การตลาดผ่านอีเมลที่รู้จักกันดีและเป็นผู้นำตลาดมาอย่างยาวนาน เป็นเครื่องมือการโฆษณาทางโซเชียลและการตลาดผ่านอีเมลที่ออกแบบมาเพื่อเรียบเรียงและทำให้แคมเปญการตลาดดิจิทัลเป็นอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่คุณจะได้รับเพื่อปรับปรุงแคมเปญของคุณและติดตามปริมาณการเข้าชมที่เกิดขึ้น เครื่องมือนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสำหรับแคมเปญอีเมล ซึ่งคุณสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณได้ MailChimp เป็นชื่อที่มีชื่อเสียงในโลกของการตลาดผ่านอีเมล
5. Google Analytics
Google Analytics เป็นเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่ทรงพลังซึ่งสามารถช่วยคุณในการตัดสินใจทางการตลาดได้มากมาย ใช้งานง่ายสำหรับระบุ และติดตามการนำทางของผู้ใช้บนเว็บไซต์ของคุณ โดยสามารถติดตามทุกสิ่งตั้งแต่ระยะเวลาเซสชัน หน้าที่เข้าชมต่อเซสชัน อัตราตีกลับ และการคลิก และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ใช้ทั่วไป มีแดชบอร์ดและการรายงานระดับสูงที่แสดงผลให้เข้าใจได้ไม่ยาก โดยรวมแล้ว Google Analytics เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการสร้างหน้า Landing Page ที่แม่นยำ ยิ่งไปกว่านั้น ฟีเจอร์ส่วนใหญ่นั้นฟรีโดยสมบูรณ์ ค่าใช้จ่ายจะเริ่มเข้ามาก็ต่อเมื่อคุณเลือกที่จะรวม Google Analytics เข้ากับแคมเปญ Google Ads ของคุณหรือเครื่องมือการตลาดดิจิทัลอื่น ๆ ใน G Suite
6. Canva Business
Canva คือ เครื่องมือออกแบบที่มีคุณภาพซึ่งสามารถช่วยคุณสร้างโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่น่าประทับใจและสิ่งอื่นๆ ในด้านการตลาดได้ Canva มีฟีเจอร์การออกแบบที่โดดเด่นที่ช่วยให้คุณพัฒนาแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพผ่านเนื้อหาภาพที่สามารถแชร์บนบล็อก เว็บไซต์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของคุณ เนื้อหาภาพเป็นหัวใจสำคัญของแคมเปญการตลาดดิจิทัล เพื่อดึงดูดฐานลูกค้าเป้าหมาย คุณต้องออกแบบโพสต์ที่น่าสนใจ
7. Trello
8. Slack
- ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารกับสมาชิกในทีมผ่านทางเว็บแบบเรียลไทม์
- ให้คุณติดตามทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์ ทีมงาน และช่องทางต่างๆ
- ให้คุณสนทนาข้อความและวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ด้วย
- ช่วยเหลือทีมในการทำงานร่วมกันได้จากทุกที่
9. Ahrefs
- ให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ
- ให้คุณค้นหาเว็บไซต์ที่เหมาะสมสำหรับเนื้อหาของคุณและเลือกหัวข้อเนื้อหาอย่างมีกลยุทธ์
- ช่วยในการวิเคราะห์คู่แข่ง
- เป็นเครื่องมือ SaaS ที่ครอบคลุมที่นำเสนอตัวอย่างคำรับรอง ดัชนีข้อมูล และการทดลองใช้ฟรีเช่นกัน
- ให้คุณจัดการโครงการของคุณ
- ให้คุณติดตามความคืบหน้าการจัดอันดับของคุณ
10. SEMRUSH
- ช่วยในการเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิกด้วยเครื่องมือ SEO และขั้นตอนการทำงาน
- ช่วยในการสร้างเนื้อหาให้ติดอันดับ
- เผยกลยุทธ์และยุทธวิธีของคู่แข่ง
- ช่วยให้คุณค้นพบวิธีในการเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้นด้วยการใช้จ่ายน้อยลง
- สนับสนุนในการสร้างกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย
11. Hubspot
Hubspot ประกอบด้วยระบบ CRM (การจัดการลูกค้าสัมพันธ์) เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติ และระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และบล็อกเนื้อหาของตนได้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือสำหรับการตลาดผ่านอีเมล การจัดการโซเชียลมีเดีย การวิเคราะห์และการรายงาน นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันที่ต้องชำระเงินหลายเวอร์ชันพร้อมฟีเจอร์และความสามารถเพิ่มเติม
12. Visme
13. Clearscope
14. Google Ads
- กระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์
- เพิ่มการโทรจากลูกค้าผ่านปุ่มคลิกเพื่อโทร
- เพิ่มจำนวนลูกค้าในร้านค้าของคุณ
สรุป
ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ ล้วนต้องปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือการตลาดดิจิทัลให้ประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การเพิ่มการมองเห็นแบรนด์และการมีส่วนร่วม ไปจนถึงการให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าสำหรับการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโซเชียลมีเดีย การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา การตลาดผ่านอีเมล หรือแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับผู้ชมในลักษณะที่ตรงเป้าหมายและเป็นส่วนตัวมากขึ้นในยุคที่การนำเสนอออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ
การเปิดรับและควบคุมพลังของเครื่องมือการตลาดดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและความสำเร็จที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่จัดลำดับความสำคัญ และลงทุนในเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่เหมาะสมจะวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จในระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัยในตลาดดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา